วันที่นำเข้าข้อมูล 6 พ.ย. 2555
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 29 พ.ย. 2565
ข้อแนะนำสาหรับนักลงทุนไทย
- สำหรับการลงทุนในเวียดนาม นักลงทุนควรลงทุนในธุรกิจที่ตนมีความถนัดและมีการศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด หากกระทาอย่างถูกขั้นตอนและเหมาะสมกับธุรกิจ จะมีโอกาสเติบโตใน วันข้างหน้า ซึ่งสิ่งสาคัญที่นักลงทุนต้องศึกษาคือ กฎหมาย วัฒนธรรม และระบบบัญชี สาหรับด้านการตลาดนั้น หากนักลงทุนมีตลาดอยู่แล้วจะช่วยให้ทาธุรกิจได้ง่ายขึ้น แต่ถ้าหากไม่เคยมีตลาด มาก่อนนักลงทุนควรศึกษาตลาดนั้นๆ ก่อน และควรทาการตลาดด้วยตนเอง โดยเฉพาะการสร้าง ตราสินค้า (Brand) ซึ่งจัดว่าเป็นสิ่งจาเป็นในการทาการตลาดในเวียดนาม
- นักลงทุนไทยควรลงทุนกันแบบเป็นกลุ่มธุรกิจ (Cluster Investment) เหมือนกับนักลงทุนจากไต้หวัน ซึ่งส่วนใหญ่จะมาเป็นกลุ่มธุรกิจซึ่งจะเอื้อประโยชน์ต่อกัน เช่น ถ้านักลงทุนต้องการลงทุน ผลิตสี ก็จะชักจูงนักลงทุนรายอื่นๆ ให้มาลงทุนผลิตเคมีภัณฑ์เพื่อใช้ในการผลิตสี เมื่อเปรียบเทียบกับนักลงทุนไทยแล้ว ส่วนใหญ่ มักจะมาลงทุนเพียงลาพัง ไม่ได้มาเป็นกลุ่ม จึงทาให้ไม่เอื้ออานวยซึ่งกันและกัน
- นักลงทุนไทยที่ต้องการจะมาลงทุนในเวียดนามจาเป็นอย่างยิ่งที่ควรจะมาดูธุรกิจด้วยตนเอง และสิ่งสาคัญคือนักลงทุนต้องมีวิสัยทัศน์และมีความตั้งใจที่จะมาลงทุนก่อนเป็นอันดับแรก ทั้งนี้ ผู้ลงทุนไม่จาเป็นที่จะต้องเป็นบริษัทใหญ่ บริษัทเล็กๆ ก็สามารถมาลงทุนได้
- นักลงทุนควรเลือกลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมหรือเขตส่งเสริมการส่งออก ซึ่งจะได้รับความสะดวกทั้งในด้านสาธารณูปโภคและสิ่งอานวยความสะดวกอื่นๆ รวมถึงหลีกเลี่ยงปัญหาต่าง ๆ แต่ควรมีการเปรียบเทียบระหว่างนิคมต่างๆ ทั้งในด้านราคา ทาเลที่ตั้ง สิ่งอานวยความสะดวก เพื่อให้ได้ต้นทุนที่ต่าที่สุดและมีความเหมาะสมสาหรับธุรกิจของตน
(แหล่งข้อมูล: สานักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ปี 2550 หรือสามารถค้นหาได้ที่http://www.boi.go.th)
อีเมลสถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์
ติดต่อทั่วไป
แผนกเศรษฐกิจ
แผนกกงสุล (หนังสือเดินทาง, นิติกรณ์และทะเบียนราษฎร์, บัตรประชาชน, การตรวจลงตราและรับรองเอกสาร)