เวียดนามผลักดันมูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์การประมงบรรลุ 9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปีนี้

นาย Tran Dinh Luan อธิบดีกรมการประมง กระทรวงการเกษตรและพัฒนาชนบทเวียดนาม กล่าวว่า ภาคการเกษตรของเวียดนามกำลังดำเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์การประมงให้บรรลุ 9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2563 โดยสถิติระหว่างเดือนมกราคม-สิงหาคม 2563 พบว่า เวียดนามได้ส่งออกผลิตภัณฑ์การประมงมูลค่า 5.19 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งลดลงร้อยละ 5.64 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 โดยเฉพาะในเดือนสิงหาคม เวียดนามส่งออกอาหารทะเลมูลค่า 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 2.1

ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า มูลค่าการส่งออกอาหารทะเลในปี 2563 อาจมีจำนวนถึง 8.26-8.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งลดลงร้อยละ 3.8 เมื่อเทียบกับปี 2562 เนื่องจากผลกระทบของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมถึงการแข่งขันการส่งออกกับอินเดียและเอกวาดอร์ ทั้งนี้ ประเทศที่นำเข้ากุ้งจากเวียดนามมากที่สุดในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2563 ได้แก่ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น จีน และเกาหลีใต้ คิดสัดส่วนเป็นร้อยละ 60 ของมูลค่าการส่งออกอาหารทะเลทั้งหมดของเวียดนาม

โดยที่การเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามมาจากการส่งออกเป็นหลัก นาย Nguyen Xuan Phuc นายกรัฐมนตรีเวียดนามจึงต้องการให้กระทรวงและภาครัฐในระดับจังหวัดเร่งดำเนินการเพื่อไม่ให้เศรษฐกิจหดตัว โดยรัฐบาลคาดการณ์ว่า มูลค่า GDP ของเวียดนามจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 ในปี 2563 ซึ่งน้อยที่สุดในระยะเวลา 2 ทศวรรษ แม้ว่าจะมีการขยายตัวร้อยละ 0.3 เมื่อไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมาก็ตาม

อนึ่ง กระทรวงการเกษตรและพัฒนาชนบทตั้งเป้าหมายให้สามารถเพิ่มมูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์การเกษตรได้กว่า 4.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากจำนวน 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐที่ส่งออกเมื่อปี 2562 นอกจากนี้ ยังคาดว่า เวียดนามจะสามารถส่งออกข้าวได้มากกว่าไทย และกลายเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดอันดับที่ 2 ของโลกได้อีกด้วย

ที่มา: Nhip Cau Dau Tu วันที่ 7 กันยายน 2563

https://e.nhipcaudautu.vn/economy/vietnam-to-boost-fisheries-exports-to-9bln-in-2020-3336939/

นครดานังเตรียมการลงทุนมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐระหว่างปี 2564-2568

นครดานังเสนอแผนการลงทุนเพื่อการพัฒนาระหว่างปี 2564-2568 มูลค่ารวม 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยอาศัยแหล่งเงินทุนทั้งจากภาครัฐและต่างประเทศ สำหรับ 38 โครงการ โดยเน้นโครงการด้านการคมนาคมและการจราจร อาทิ โครงการก่อสร้างโรงพยาบาลใหม่ การขยายนิคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง (hi-tech park) การก่อสร้าง bio-tech park และการพัฒนาระบบสาธารณสุขสำหรับภูมิภาคชายฝั่งทะเลตอนกลาง ทั้งนี้ คาดว่าร้อยละ 77 ของการลงทุนจะมาจากเงินกู้ระหว่างประเทศหรือความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาอย่างเป็นทางการ (Official Development Assistance: ODA)

เมื่อปี 2560 นครฯ วางแผนที่จะเคลื่อนย้ายสถานีรถไฟในนครดานังและพัฒนาระบบโลจิสติกส์สำหรับทางรถไฟและท่าเรือ ซึ่งจำเป็นต้องกู้เงินจากธนาคารโลกและธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (Asian Development Bank: ADB) ทั้งนี้ แผนการดังกล่าวต้องการเงินลงทุนทั้งหมด 12.3 ล้านล้านด่ง (535 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) คิดเป็นร้อยละ 26 ของจำนวนเงินลงทุนที่ประมาณการสำหรับปี 2564-2568 โดยทางรถไฟดังกล่าวจะช่วยเชื่อมทางรถไฟสายเหนือ-ใต้เข้ากับเครือข่ายถนน ทางด่วนนครดานัง-กว๋างหงาย ระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตกและท่าเรือน้ำลึก Lien Chieu

ในการนี้ นครดานังได้ร่วมมือกับบริษัท Seoul Metro ในการสำรวจความเป็นไปได้สำหรับการพัฒนาโครงข่ายการขนส่งทางรางภายในนคร ประกอบด้วยรถไฟฟ้า 2 สายและรถราง 8 สาย ซึ่งจะเชื่อมสนามบิน ศูนย์การค้า ชายหาด รีสอร์ท ริมฝั่งแม่น้ำ Han และสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ เข้าด้วยกัน

อนึ่ง นครดานังเป็นมหานครที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 4 และมีโครงสร้างพื้นฐานที่ดีที่สุดในเวียดนาม โดยมีเป้าหมายพัฒนาเป็นมหานครสีเขียวภายในปี 2568 ด้วย

ที่มา: Vietnam News วันที่ 8 กันยายน 2563

https://vietnamnews.vn/economy/772104/central-city-calls-for-2-billion-investment-in-2021-25.html

ภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงเตรียมก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่

เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2563 บริษัท Sao Mai Group ได้เริ่มดำเนินการระยะที่ 2 ของโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในอำเภอ Tinh Bien จังหวัดอันซาง ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนกว่า 3 ล้านล้านด่ง (129.56 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เมื่อแล้วเสร็จ โครงการดังกล่าวจะครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 270 เฮกตาร์ มีกำลังการผลิตไฟฟ้าสูงสุด 210 เมกะวัตต์และมีมูลค่าการลงทุนรวม 6 ล้านล้านด่ง (259.21 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยคาดว่านอกจากโครงการดังกล่าวจะสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้เพียงพอสำหรับภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้ของเวียดนามแล้ว ยังช่วยให้จังหวัดสามารถดึงดูดนักลงทุนได้มากขึ้นอีกด้วย

อนึ่ง บริษัทฯ กำลังจะเปิดตัวโรงงานน้ำแร่ An Hao ที่อำเภอ Tri Ton จังหวัดอันซาง ซึ่งมีมูลค่าการลงทุน 1.2 แสนล้านด่ง (5.18 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)

ที่มา: Saigon Times วันที่ 15 กันยายน 2563

https://english.thesaigontimes.vn/78529/mekong-delta-to-have-large-scale-solar-power-plant.html

บริษัทลูก Samsung เตรียมปรับกิจการผลิตเพื่อการส่งออก

เมื่อเดือนกันยายน 2563 คณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์ได้เสนอรัฐบาลเวียดนามพิจารณาอนุมัติให้บริษัท Samsung CE Complex Electronics (SEHC) ซึ่งตั้งอยู่ใน Saigon High-Tech Park (SHTP) เปลี่ยนสถานะกิจการเป็นธุรกิจการผลิตเพื่อการส่งออก โดยบริษัทต้องมีสัดส่วนการส่งออกบรรลุร้อยละ 90 เพื่อรับสิทธิการยกเว้นภาษีการนำเข้าและส่งออก และภาษีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง คณะกรรมการประชาชนนครฯ คาดว่าการปรับสถานะดังกล่าวจะเป็นการสนับสนุนบริษัทต่างๆ ที่อยู่ภายใต้ห่วงโซ่อุปทานของบริษัท Samsung และอุตสาหกรรมสนับสนุนในท้องถิ่นให้สามารถขยายการลงทุนและสร้างมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้าและบริการ อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของแผนการดึงดูดการลงทุนโดยสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุนและสร้างความมั่นใจแก่นักลงทุนต่างชาติอีกด้วย

บริษัท SEHC ซึ่งอยู่ภายใต้บริษัท Samsung เริ่มดำเนินกิจการในเวียดนามตั้งแต่ปี 2559 โดยผลิตและประกอบสมาร์ททีวีและจอ LED โดยเมื่อปี 2561 ผู้บริหาร SHTP เคยมีความพยายามเปลี่ยนสถานะของบริษัทฯ เป็นธุรกิจการผลิตเพื่อการส่งออก แต่ไม่ได้รับการอนุมัติจากกระทรวงการคลังเวียดนาม เนื่องจากสัดส่วนการส่งออกของบริษัทฯ ระหว่างเดือนมกราคม 2559 ถึงเดือนมิถุนายน 2561 บรรลุเป้าหมายเพียงร้อยละ 75 นอกจากนี้ บริษัทไม่ได้ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออกหรือเขตเศรษฐกิจด้วย

ตามกฤษฎีกาหมายเลข 82/2018/ND-CP กำหนดให้ธุรกิจที่ผลิตเพื่อการส่งออกต้องตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออก หรือตั้งอยู่ที่อื่นได้โดยต้องผลิตสินค้าเพื่อการส่งออกโดยเฉพาะเท่านั้น ธุรกิจที่ผลิตเพื่อการส่งออกสามารถซื้อวัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์สำนักงาน อาหารและวัตถุดิบ และสินค้าอุปโภคบริโภคจากภายในประเทศเพื่อสนับสนุนบุคลากรและการดำเนินงานของธุรกิจได้

ที่มา: Vietnam News วันที่ 21 กันยายน 2563

https://vietnamnews.vn/economy/business-beat/772560/samsung-eyes-conversion-into-export-processing-firm.html