Saigon Co.op เข้าซื้อกิจการของ Auchan supermarkets 18 แห่ง

สื่อท้องถิ่นรายงานว่า บริษัทค้าปลีก Saigon Co.op ได้เข้าซื้อกิจการของ Auchan supermarketsจำนวน 18 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในภาคใต้ของเวียดนามภายหลังจากกลุ่มค้าปลีกของฝรั่งเศสประกาศถอนตัวจากตลาดเวียดนามเมื่อพฤษภาคม 2562 โดยเป็นการขายธุรกิจแบบขาดทุน

เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2562 ผู้แทนของ Saigon Co.op และ Auchan supermarkets ได้ประกาศว่าทั้งสองบริษัทได้ตกลงโอนธุรกิจค้าปลีกของ Auchan ในเวียดนามให้กับ Saigon Co.op และทั้งสองฝ่ายได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือหลังจากบรรลุการเจรจาร่วมกันในข้อตกลงดังกล่าว Saigon Co.op จะทำการควบรวมกิจการของ Auchan ในเวียดนามทั้งหมด ซึ่งรวมถึงห้างสรรพสินค้า 18 แห่ง ซึ่งในปี 2561 สามารถสร้างรายได้ได้ถึง 45 ล้านยูโร และจะปรับโฉมตราสินค้าของ Auchan ก่อนเปิดตัวใหม่อีกครั้งในปี 2563 ภายใต้เครื่องหมายการค้าของ Saigon Co.op เช่น Co.opmart Co.opXtra และ Finelife และปิดกิจการของ Auchan เดิมในบางสาขา

หนังสือพิมพ์ Tuoi Tre Online รายงานว่า Saigon Co.op ได้ให้สัญญาว่าจะปกป้องผลประโยชน์ของลูกค้าสมาชิกของ Auchan ซึ่งจะกลายไปสมาชิกของ Saigon Co.op โดยผู้ค้าปลีกทั้งสองรายจะเจรจาในเรื่องของความร่วมมืออีกครั้งในอนาคต

อนึ่ง ก่อนที่จะมีการลงนามข้อตกลงดังกล่าวบริษัท Auchan Vietnam ได้ปิดห้างสรรพสินค้าไปแล้วกว่า 15 สาขาและเหลือห้างสรรพสินค้าเพียง 3 สาขาในนครโฮจิมินห์ ได้แก่ Auchan Crescent Mall และ Auchan Era ในเขต 7 และ Auchan Hoang Van Thu ในเขต Tan Binh รวมทั้งยังระงับการดำเนินธุรกิจออนไลน์ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2562 อีกด้วย

บริษัท Auchan Retail ถือเป็นบริษัทค้าปลีกสัญชาติยุโรปรายสุดท้ายในเวียดนามหลังจาก Casino Group สัญชาติฝรั่งเศสได้ยุติกิจการและถอนตัวออกจากเวียดนามในปี 2559 โดยการขาย Big C Vietnam supermarket ให้กับเครือ Central ของไทย และก่อนหน้านี้กลุ่ม METRO สัญชาติเยอรมนีก็ได้ขายกิจการMETRO Cash & Carry ห้างค้าส่ง/ปลีกในเวียดนามและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องให้กับเครือ TCCของไทยเช่นกัน

อ้างอิงจาก The Saigon Times เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2562

https://english.thesaigontimes.vn/69395/saigon-coop-takes-over-18-auchan-supermarkets.html

เวียดนามเตรียมเปิดตัวสายการบินรายที่ 6 ของประเทศ

บริษัท Thien Minh Aviation JSC ภายใต้กลุ่ม Thien Minh Group (TMG) หนึ่งในบริษัทท่องเที่ยวและการบริการชั้นนำของเวียดนามได้รับใบอนุญาตจัดตั้งสายการบินด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านล้านด่ง (43 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งจะเป็นสายการบินรายที่หกของประเทศโดยจะมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองฮอยอัน จังหวัดกว๋างนาม ทางภาคกลางของประเทศและได้รับอนุญาตให้ดำเนินธุรกิจการบินได้ใน 7 ประเภท ซึ่งรวมถึงการขนส่งผู้โดยสาร การขนส่งสินค้า และการให้เช่าเครื่องบิน โดยมีนาย Tran Trong Kien ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการทั่วไปของบริษัทร่วมทุน Hai Au Aviation JSC ซึ่งก่อตั้งในปี 2554 ดำเนินกิจกรรมด้านการให้บริการท่องเที่ยวและบริการเช่าเหมาลำเครื่องบินขนาดเล็กได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธาน และผู้อำนวยการทั่วไปของบริษัท Thien Minh Aviation JSC

ทั้งนี้ เมื่อเดือนเมษายน 2562 สายการบินแอร์เอเชียได้ประกาศยุติความร่วมมือกับกลุ่ม TMG ในการจัดตั้งสายการบินต้นทุนต่ำในเวียดนาม หลังจากการเจรจาหนึ่งปี ในขณะที่นาย Kien เปิดเผยว่า เขาจะยังคงผลักดันการก่อตั้งสายการบินด้วยวิถีทางอื่นต่อไป

ปัจจุบัน ตลาดธุรกิจการบินของเวียดนามมีสายการบินทั้งสิ้น 5 สายการบิน ได้แก่ Vietnam Airlines, Vietjet Air, Jetstar, VASCO และ Bamboo Airways และคาดการณ์ว่าจะมีการเปิดตัวสายการบินVietstar Airlines และสายการบิน Vietravel Airlines เพิ่มเติมในอนาคตอันใกล้ด้วย โดยสายการบินVietstar Airlines กำลังอยู่ระหว่างรอใบอนุญาต ในขณะที่บริษัท Vietravel ซึ่งเป็นบริษัทด้านการท่องเที่ยว ได้ส่งเอกสารเกี่ยวกับการจัดตั้ง Vietravel Airlines ไปยังกรมขนส่งของจังหวัดเถื่อเทียน-เว้ โดยคาดว่าจะจัดตั้งสำนักงานใหญ่ที่จังหวัดดังกล่าวโดยมีทุนจดทะเบียนมูลค่า 1 ล้านล้านด่ง (43 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)

อ้างอิงจาก Bizhup-VietNamNews เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2562

http://bizhub.vn/news/viet-nam-to-have-sixth-airline_306915.html

โครงการพลังงานลมในจังหวัดบินห์ถ่วนร้องขอความช่วยเหลือเนื่องจากถูกจำกัดกำลังการผลิต

สมาคมพลังงานลมแห่งจังหวัดบินห์ถ่วนได้ยื่นคำร้องต่อกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า และการไฟฟ้าเวียดนาม (EVN) เพื่อยุติการจำกัดกำลังการผลิตของโครงการพลังงานลมสองโครงการในจังหวัดซึ่งตั้งอยู่ทางชายฝั่งทะเลทางภาคกลางตอนใต้ของเวียดนาม

หลังจากใช้เวลานานกว่า 10 ปี ปัจจุบันเวียดนามมีโครงการพลังงานลมเพียง 9 โครงการ โดยมีกำลังการผลิตรวม 350 เมกะวัตต์ จากเป้าหมาย 800 เมกะวัตต์ ภายในปี 2563 ในขณะที่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีการเปิดตัวโครงการพลังงานแสงอาทิตย์เกือบ 100 โครงการ โดยมีกำลังการผลิตรวม 4,000 เมกะวัตต์ ซึ่งสูงกว่าโครงการพลังงานลม 10 เท่า และสูงกว่ากำลังการผลิตที่วางแผนไว้ในแผนพัฒนาพลังงานแห่งชาติฉบับที่ 7 ทั้งนี้ สมาคมฯ ระบุว่าการเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากของโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ในบางจังหวัด เช่น จังหวัดบิ่นห์ถ่วนและนินห์ถ่วน กอปรกับปัญหาขาดการบูรณาการการวางแผนและประสานงานทำให้เกิดปัญหาการผลิตไฟฟ้าเกินกำลังสายส่ง โดยในช่วง 2- 3 เดือนที่ผ่านมาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์มากกว่า 10 โครงการซึ่งมีกำลังการผลิตรวมกว่า 400 เมกะวัตต์ได้เชื่อมโยงการผลิตทั้งหมดเข้ากับระบบสายส่งซึ่งเกินขีดความสามารถที่สายส่งในปัจจุบันจะรองรับได้ ดังนั้นในเดือนมิถุนายน EVN จึงได้ขอให้โครงการทั้งหมดลดระดับกำลังการผลิตลงร้อยละ38 – 65ของกำลังการผลิตที่วางแผนไว้ในช่วงเวลากลางวัน

อย่างไรก็ตามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ของโครงการพลังงานลมทั้งสองเมื่อเปรียบเทียบกับสัญญาในโครงการพลังงานแสงอาทิตย์พบว่ามิได้ระบุถึงข้อกำหนดให้ต้องลดกำลังการผลิตลงหากกำลังการผลิตเกินความสามารถในการรองรับของสายส่ง สมาคมฯ จึงร้องขอให้ EVN ยุติการจำกัด/ลดกำลังการผลิตของโครงการพลังงานลมลง เนื่องจากการขาดการประสานงานและการวางแผนข้างต้นควรจะเป็นความรับผิดชอบของผู้บริหารภาครัฐมากกว่าของนักลงทุนโดยหากยังคงมีการจำกัดกำลังการผลิตต่อไป นักลงทุนอาจยื่นคำร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่สูงขึ้น เพื่อให้รับผิดชอบและชดเชยค่าเสียหายจากการขาดทุน

อ้างอิงจาก The Saigon Times เมื่อวันที่ 1 กรกฏาคม 2562

https://english.thesaigontimes.vn/69456/wind-power-projects-in-binh-thuan-call-for-help-due-to-capacity-reductions.html