ข่าวเด่นวันที่ 6 – 7 พฤษภาคม 2561

1. นครดานังสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นจำนวนมากในช่วงวันหยุด

นครดานัง ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและสังคมของภาคกลางประเทศเวียดนามสามารถต้อนรับนักท่องเที่ยวได้กว่า 356,000 คน ในช่วงวันหยุดยาว 4 วันนับตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน – 1 พฤษภาคม 2561 ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันรวมชาติเวียดนามและวันแรงงานสากล เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 14 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยในจำนวนนั้นเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 102,000 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 20

สำนักงานการท่องเที่ยวนครดานังเปิดเผยว่า ในช่วงระยะเวลา 4 วันที่ผ่านมา มีจำนวนเที่ยวบินตรงจากต่างประเทศบินมายังนครดานังกว่า 183 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นกว่า 76 เที่ยวบินเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยเที่ยวบินหลักๆ ได้แก่ เที่ยวบินจากนครโอซากา กรุงเทพมหานคร เมืองอินชอน และเมืองบูซาน และมีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศโดยสารเครื่องบินมากว่า 27,450 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 77.7 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า

อย่างไรก็ดี นาย Tran Chi Cong รองผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวนครดานัง เปิดเผยว่า แม้ว่าในปีนี้จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แต่จำนวนนักท่องเที่ยวยังไม่มากเท่ากับที่คาดหวังไว้ เนื่องจากในปีนี้ การจัดงานนิเทศกาล Da Nang International Firework Festival 2018 จัดไม่ตรงกับช่วงระยะเวลาวันหยุดทั้งหมดเหมือนปีก่อนหน้า และจังหวัดเถื่อเทียน – เว้ ซึ่งอยู่ติดกับนครดานังก็จัดงานเทศกาล Hue Festival ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวไปได้เป็นจำนวนมากเช่นกัน

ทั้งนี้ จากการเปิดเผยของนาย Dinh Van Loc ผู้อำนวยการทั่วไปบริษัท Viet Da Travel ชี้ให้เห็นว่า ห้องพักบางแห่งในนครดานังระหว่างช่วงเทศกาลวันหยุดยาวมีราคาค่าบริการเพิ่มขึ้นกว่า 8 - 20 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ ส่งผลให้นักท่องเที่ยวและบริษัทนำเที่ยวหลายรายประสบปัญหาในการหาห้องพัก

ในช่วงเทศกาลวันหยุดยาว นครดานังมีโรงแรมให้บริการจำนวน 712 แห่ง มีจำนวนห้องรวมกัน 29,735 ห้อง เพิ่มขึ้น 113 แห่ง และ 7,355 ห้องตามลำดับ โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวค้างคืนกว่า 130,000 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.4 ในจำนวนนั้นเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 55,000 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.4 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า

ที่มา สำนักข่าว VTV วันที่ 3 พฤษภาคม 2561

URL: http://vtv.vn/vtv8/du-khach-den-da-nang-dip-nghi-le-tang-hon-14-20180503075837882.htm

2. บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งในนครโฮจิมินห์เล็งลงทุนโครงการใหม่ๆ บริเวณจังหวัดรอบนคร

จากการสำรวจของสำนักข่าว VnExpress ชี้ให้เห็นว่า ปัจจุบัน บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายบริษัทในนครโฮจิมินห์มีแผนการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ในบริเวณต่างจังหวัด อาทิ จังหวัดลองอาน จังหวัดด่งนาย จังหวัดบ่าเหรี่ยะ-หวุงเต่า นครเกิ่นเทอ เกาะฝูก๊วก และจังหวัดต่างๆ ในบริเวณภาคกลาง

เมื่อเร็วๆ นี้ ตัวแทนของบริษัท Novaland หนึ่งใน 3 บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่และมีโครงการมากที่สุดในนครโฮจิมินห์ ให้สัมภาษณ์ว่า ในปี 2561 บริษัทจะขยายการลงทุนให้หลากสาขามากขึ้น โดยเล็งพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการท่องเที่ยวประเภทรีสอร์ตเพิ่มขึ้นในบริเวณจังหวัดดานัง เมืองฮอยอัน เมืองญาจาง เมือง   คามลาน เมืองดาลัท จังหวัดบิ่นห์ถ่วน เมืองฟานเที้ยต จังหวัดบ่าเหรี่ยะ-หวุงเต่า เกาะกอนด่าว นครเกิ่นเทอ และเกาะฝูก๊วก ซึ่งล้วนแต่เป็นสถานที่ที่สำคัญด้านการท่องเที่ยวของเวียดนาม

นาย Nguyen Xuan Quang ประธานบริษัท Nam Long หนึ่งในบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังของเวียดนาม กล่าวว่า บริษัทกำลังเริ่มดำเนินโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการ Waterpoint บนพื้นที่กว่า 355 เฮกตาร์ ในจังหวัดลองอาน ซึ่งเป็นหนึ่งในจังหวัดรอบนอกของนครโฮจิมินห์และมีสิ่งอำนวยความสะดวกและโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมที่พร้อมและสามารถสัญจรไปมาเชื่อมต่อกับนครโฮจิมินห์ได้อย่างสะดวก

นอกจากนั้น บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายแห่ง อาทิ บริษัท Thang Long Real และบริษัท Eximrs ก็ได้เริ่มพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียมในจังหวัดด่งนายแล้ว

นาย Phan Cong Chanh ผู้อำนวยการสูงสุดบริษัท Phu Vinh หนึ่งในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังของเวียดนาม เปิดเผยถึง 4 ปัจจัยที่ทำให้บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งเริ่มลงทุนในโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์บริเวณรอบนอกนครโฮจิมินห์ ได้แก่

1. ที่ดินในนครโฮจิมินห์มีราคาสูงมากเมื่อเทียบกับที่ดินในจังหวัดรอบนอกหรือจังหวัดใกล้เคียง ส่งผลให้ต้องใช้งบประมาณในการลงทุนที่ค่อนข้างสูง
2. ที่ดินที่เหมาะสมในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่มีผู้จับจองไว้หมดแล้ว และพื้นที่ที่เหลือก็ไม่สามารถเชื่อมต่อกับสิ่งอำนวยความสะดวกและโครงสร้างพื้นฐานด้านต่างๆ ได้
3. จังหวัดรอบนอกนครโฮจิมินห์ให้สิทธิประโยชน์ในการลงทุนโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มากกว่า
4. บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งต้องการเพิ่มผลิตภัณฑ์ของตนในบริเวณใหม่ๆ ตามความต้องการที่เปลี่ยนไปของลูกค้า

ที่มา สำนักข่าว VnExpress วันที่ 30 เมษายน 2561

URL: https://kinhdoanh.vnexpress.net/tin-tuc/bat-dong-san/dai-gia-bat-dong-san-sai-gon-o-at-dau-tu-ra-ngoai-tinh-3743090.html

3. บริษัท Jotun วางแผนสร้างโรงงานผลิตสีแห่งที่สองที่นครโฮจิมินห์

เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2561 นาย Johnny Kolding ผู้บริหารบริษัท Jotun Paints (Vietnam) ได้ลงนามความร่วมมือกับบริษัท Hiep Phuoc Corp ในการก่อสร้างโรงงานผลิตสีทาภายในและภายนอกแห่งที่สองมูลค่า 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่นิคมอุตสาหกรรม Hiep Phuoc ในเขต Nha Be นครโฮจิมินห์ โดยโรงงานดังกล่าวจะครอบคลุมพื้นที่ 10 เฮกตาร์ ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าโรงงานแห่งแรกในจังหวัดบิ่นห์เยืองถึง 10 เท่า

โรงงานที่ 2 ของบริษัท Jotun Paints ที่เวียดนามจะเน้นการผลิตไปยังสีตกแต่งฝาผนัง สีสำหรับทาอาคารโรงงาน สีทาเรือ และสีป้องกันการเกิดไฟฟ้าสถิต ในปีแรกมีการคาดการณ์ว่าโรงงานดังกล่าวจะมีกำลังผลิตสีน้ำ 80 ล้านลิตรและสีชนิดฝุ่นอีก 10 ล้านลิตร การก่อสร้างโรงงานจะยึดตามมาตรฐานสากลภายใต้ระบบ Leadership in Energy and Environment in Design (LEED) และใช้พลังงานแสงอาทิตย์

บริษัท Jotun A/S ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของบริษัท Jotun Paint (Vietnam) และเป็นหนึ่งในผู้นำการผลิตสีทาภายในและภายนอกและผลิตภัณฑ์เคลือบสีจากประเทศนอร์เวย์ ได้เข้ามาลงทุนครั้งแรกในประเทศเวียดนามในปี 2537 และพัฒนาโรงงานแห่งแรกอย่างเป็นทางการในปี 2541 จากนั้นในปี 2547 บริษัท Jotun ได้ขยายโรงงานและนำเอาเทคโนโลยีขั้นสูงนำใช้จึงทำให้กำลังผลิตสีเพิ่มขึ้นเป็น 13 ล้านลิตร และในปี 2556 บริษัทมีการลงทุนเพิ่มอีก 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐในการบริหารงานในประเทศเวียดนาม ทำให้มูลค่าการลงทุนทั้งหมดเป็น 16.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ในปี 2559 บริษัท Jotun Paint (Vietnam) เพิ่มกำลังผลิตสีได้ถึง 30 ล้านลิตร และในปี 2561 บริษัทมีกำลังการผลิตสีเพิ่มขึ้นเป็น 45 ล้านลิตร

ที่มา หนังสือพิมพ์ Saigon Times Daily วันที่ 27 เมษายน หน้า 2

4.  โครงการป้องกันน้ำท่วมขนาดใหญ่ในนครโฮจิมินห์ขาดเงินสนับสนุน

ตัวแทนของบริษัท Trung Nam BT 1547 เปิดเผยเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2561 ว่า บริษัทได้รับการว่าจ้างจากสำนักงานคณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์ ให้ดำเนินการก่อสร้างโครงการป้องกันน้ำท่วมขนาดใหญ่ในนคร โฮจิมินห์ มูลค่ากว่า 10 ล้านล้านด่ง (ประมาณ 44 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) อย่างไรก็ดี บริษัทตัดสินใจหยุดการก่อสร้างโครงการดังกล่าวแล้ว เนื่องจากคณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์ยังไม่ได้ลงนามอนุมัติการเบิกจ่ายงบประมาณในการดำเนินโครงการดังกล่าว ส่งผลให้ธนาคาร BIDV สาขานครโฮจิมินห์ได้ระงับการเบิกจ่ายงบประมาณสำหรับการพัฒนาโครงการ

ตัวแทนบริษัท Trung Nam BT 1547 กล่าวเสริมว่าว่า เมื่อเดือนที่แล้ว บริษัทได้ส่งหนังสือถึงคณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยเร็ว อย่างไรก็ดี ยังไม่มีการตอบรับจากทางคณะกรรมการประชาชน ส่งผลให้คณะกรรมการบริหารของบริษัทจำเป็นต้องหยุดการพัฒนาโครงการดังกล่าว ซึ่งนอกเหนือจากปัญหาทางด้านการเบิกจ่ายงบประมาณแล้ว บริษัทยังประสบปัญหาการเวนคืนที่ดินด้วย อย่างไรก็ดี บริษัทยืนยันว่าหากได้รับงบประมาณสนับสนุนที่ควรได้แล้ว โครงการจะสามารถดำเนินไปต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตามกำหนดการของโครงการเดิมได้วางแผนการก่อสร้างให้แล้วภายในระยะเวลาสามปีตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2559 ถึง เดือนมิถุนายน 2562 ซึ่งในขณะนี้โครงการได้ก่อสร้างไปแล้วร้อยละ 70 และคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงต้นเดือนหรือปลายเดือนมิถุนายน 2562 ขึ้นอยู่กับความรวดเร็วในการแก้ไขปัญหาเรื่องกระบวนการทำงานและการเวนคืนที่ดิน ทั้งนี้ บริษัทจะพยายามลดระยะเวลาการก่อสร้างให้อยู่ในกรอบระยะเวลา 2 ปี เพื่อจะสามารถใช้ระยะเวลาที่เหลือในการทดลองระบบและตรวจสอบคุณภาพของโครงการ

ส่วนประกอบหลักของโครงการดังกล่าว ได้แก่ ประตูระบายน้ำขนาดใหญ่ 6 แห่ง มีความกว้างประมาณ 40-160 เมตร และสถานีสูบน้ำที่บริเวณ Ben Nghe, Tan Thuan และ Phu Dinh โดยการสร้างตามแนวแม่น้ำไซ่ง่อนที่ยาวประมาณ 7.8 กิโลเมตร มีประตูระบายน้ำขนาดเล็กอีก 25 แห่ง ซึ่งสถานที่ก่อสร้างอยู่ในเขต 1,4,7,8, Nha Be และ Binh Chanh ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 100 เฮกตาร์ และส่งผลให้จำเป็นต้องเวนคืนพื้นที่ของครัวเรือนกว่า 300 ครัวเรือนในบริเวณดังกล่าว

เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จ โครงการดังกล่าวจะสามารถป้องกันน้ำท่วมขังได้กว่า 570 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่อยู่อาศัยของประชาชนจำนวนกว่า 6.5 ล้านคน

ที่มา หนังสือพิมพ์ Saigon Times Daily วันที่ 3 พฤษภาคม 2561 หน้า 1