วันที่นำเข้าข้อมูล 26 เม.ย. 2562
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 30 พ.ย. 2565
การไฟฟ้าเวียดนามอนุมัติการก่อสร้างโรงงานไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มเกือบ 100 แห่ง
โครงการโรงงานไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์หลายโครงการจะเปิดดำเนินการในปี 2562 ศูนย์ควบคุมไฟฟ้าแห่งชาติ (The National Electricity System Control Center – AO) กล่าวว่า การดำเนินการจะมีความท้าทายหลายประการ เนื่องจากการผลิตที่ไม่เสถียร เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2561 การไฟฟ้าเวียดนาม (Vietnam Electricity Group – EVN) รายงานว่า นักลงทุนในโครงการไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เกือบ 100 ราย จะสามารถเริ่มดำเนินงานเชิงพาณิชย์เมื่อขายไฟฟ้าในอัตรา 9.35 เซนต์สหรัฐต่อกิโลวัตต์ต่อชั่วโมง ตามกฤษฎีกาฉบับที่ 11/2017
เมื่อวันที่ 22 มีนาคม นาย Tran Tuan Anh รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนามได้สั่งการให้คณะกรรมการประชาชขนจังหวัดบากเลียวตรวจสอบและเร่งพัฒนาโครงการโรงงานไฟฟ้าพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ โดยจะส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบโครงการโรงงานไฟฟ้าดังกล่าวเพื่อเก็บฐานข้อมูลรายงานให้กับรัฐบาล
นอกจากนี้ กระทรวงฯยังสนับสุนนการพัฒนาโรงงานไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากก๊าซธรรมชาติ LNG ซึ่งมีกำลังการผลิตไฟฟ้า 3,200 เมกะวัตต์ อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวยังต้องคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ อาทิ การพัฒนาชุมชนในท้องถิ่นและการประสานความร่วมมือระหว่างจังหวัดกับนักลงทุน เพื่อพัฒนาโครงการให้สำเร็จ
ในขณะเดียวกัน การไฟฟ้าเวียดนามได้จัดการประชุมเพื่อเตรียมการสำหรับการดำเนินงานของโรงงานไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ รวมถึงรับฟังความเห็นจากนักลงทุนที่กำลังปรับปรุงโครงการให้เป็นไปตามมาตรฐาน นอกจากนี้ จะมีการยกร่างขั้นตอนและระเบียบสำหรับทดสอบ เพื่อประเมินก่อนอนุญาตให้ผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ (CommercialOperation Date - COD) ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลา 3 เดือน สำหรับโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ 98 โครงการ และถือเป็นความท้าทายในเชิงปฏิบัติ
นอกจากนี้ การไฟฟ้าเวียดนามได้แจ้งนักลงทุนทราบถึงสถานะของการพัฒนาระบบสายส่งไฟฟ้าในภาคกลางและภาคใต้ของเวียดนาม และเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาคอขวด (Bottleneck) ในอุตสหากรรมไฟฟ้า ซึ่งตัวแทนของ AO กล่าวในที่ประชุมว่า ความเข้มของพลังงานแสงอาทิตย์มีความปรวนแปรตลอดฤดูกาลของปี รวมถึงการผลิตไฟฟ้าของโรงงานที่เร่งการผลิตแล้วในภูมิภาคทำให้เกิดความไม่เสถียรของระบบไฟฟ้า
ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2562 เป็นต้นไป(กำหนด COD ของรัฐบาลเวียดนาม)นักลงทุนจะต้องรับประกันว่าการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนจะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อระบบโครงข่ายสายไฟฟ้าและหม้อแปลงให้ถูกใช้งานมากเกินไป เนื่องจากอาจจะทำให้แรงดันไฟฟ้าฮาร์มอนิกเกินขีดจำกัด 110 กิโลโวลต์ โดยเฉพาะในจังหวัดนินห์ถ่วนและจังหวัดบิ่นห์ถ่วนเนื่องจากปัญหาคอขวดดังกล่าว ทาง AO ขอให้นักลงทุนส่งเสริมความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับภาครัฐก่อนกำหนด COD ของโครงการโรงงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์
ผู้อำนวยการการไฟฟ้าเวียดนาม นาย Tran Dinh Nhan กล่าวว่า การไฟฟ้าเวียดนามจะรวบรวมข้อคิดเห็นของนักลงทุน และยกร่างข้อบังคับรวมถึงกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการทดสอบ ประเมิน และการให้จ่ายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ ทั้งนี้ หน่วยงานทั้งหมดภายใต้การไฟฟ้าเวียดนามพร้อมสนับสนุนนักลงทุน และส่งเสริมให้นักลงทุนดำเนินการ COD ได้ทันภายในวันที่ 30 มิถุนายน2562 ตามกำหนด
ที่มา: Tuoitre Online 23 มีนาคม 2562 และ The Saigon Times วันที่ 25 มีนาคม 2562
URL: https://english.thesaigontimes.vn/67139/nearly-100-solar-power-plants-to-be-commissioned-this-year.html
URL: https://tuoitre.vn/du-an-dien-gio-dien-mat-troi-phu-kin-56km-bo-bien-bac-lieu-2019032308344334.htm
บริเวณสามเหลี่ยมลุ่มแม่น้ำโขงจะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นสามเท่าภายในปี 2573
เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2562 ในการประชุมหารือเกี่ยวกับการพัฒนากลยุทธ์ด้านการท่องเที่ยวบริเวณสามเหลี่ยมลุ่มแม่น้ำโขงและนครเกิ่นเทอ บริษัทที่ปรึกษา Boston Consulting Group (BCG) ได้เปิดเผยผลการศึกษาว่าผลจากการขยายการลงทุนและการพัฒนาการท่องที่ยวบริเวณสามเหลี่ยมลุ่มแม่น้ำโขงจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ถึง 19 ล้านคน เพิ่มขึ้นสามเท่าเมื่อเทียบกับจำนวนนักท่องเที่ยวในปัจจุบัน และสร้างรายได้ถึง 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2573
บริษัท BCG ได้เสนอการสร้างภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวใน 5 ประเด็น ได้แก่ (1) การเผยเรื่องราวมนต์เสน่ห์ของภาคใต้ (2) การท่องเที่ยวทางน้ำตามแม่น้ำโขง (3) การสำรวจภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง (4) จุดหมายปลายทางด้านเศรษฐกิจ และ (5) ความบันเทิง ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ในภาคการท่องเที่ยวและนำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาค โดยได้แนะนำให้นครเกิ่นเทอให้ความสำคัญกับคมนาคมทางน้ำ ผ่านการพัฒนาศักยภาพของสถานีเรือข้ามฟากที่สำคัญ 5 แห่งในภูมิภาค ได้แก่ นครเกิ่นเทอ, เมืองเจิวด๊ก จังหวัดอันยาง, เมืองรากย้า จังหวัดเกี่ยนยาง, จังหวัดบากเลียว และจังหวัดเบ๊นแจ และเสนอให้มีการเปิดเส้นทางบินตรง 20 เส้นทางไปยังนครเกิ่นเทอ รวมถึงควรปรับปรุงถนนที่เชื่อมต่อระหว่างนครเกิ่นเทอกับจุดหมายท่องเที่ยวสำคัญในภูมิภาคเพื่ออำนวยการคมนาคมทางบกให้แก่นักท่องเที่ยว
นอกจากนี้ บริษัท BCG ได้วางแผนพัฒนา 11 โครงการเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยจะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งนครเกิ่นเทอจะมีบทบาทสำคัญในการนำโครงการไปปรับใช้และพัฒนา อาทิ การจัดตั้งสำนักงานที่รับผิดชอบด้านการออกกฎข้อบังคับด้านการตลาดและมาตรการอนุรักษ์แหล่งท่องเที่ยว รวมถึงการนำเที่ยวในตลาดน้ำต่าง ๆ โดยเสนอให้ระดมทุนจากภาคการท่องเที่ยวและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ
ทั้งนี้ คณะกรรมการประชาชนนครเกิ่นเทอ เครือบริษัท Novaland บริษัท BCG และธนาคารทหารเวียดนาม ได้ลงนามในความร่วมมือ โครงการ “พัฒนาการท่องเที่ยวบริเวณสามเหลี่ยมลุ่มแม่น้ำโขงเพื่อปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงสภาพทางภูมิอากาศ” เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2561
แหล่งที่มา: The Saigon Times 26 มีนาคม 2562
URL: https://english.thesaigontimes.vn/66971/bcg-tourists-to-mekong-delta-will-triple-in-2030.html
การก่อสร้างสะพานแขวนแทนที่การบริการเรือข้ามฟาก Cat Lai
นาย Tran Vinh Tuyen รองประธานคณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์ได้จัดการประชุมร่วมกับนาย Tran Van Vinh รองประธานคณะกรรมการประชาชนจังหวัดด่งนายเกี่ยวกับการก่อสร้างสะพานแขวนเพื่อแทนที่การบริการเรือข้ามฟาก Cat Lai แม่น้ำด่งนายที่เชื่อมต่อระหว่างเขต Nhon Trach จังหวัดด่งนายและเขต 2 ของนครโฮจิมินห์ มีมูลค่าการก่อสร้าง 6 ล้านล้านด่ง (258 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งคาดว่าจะเชื่อมต่อการขนส่งทางบกระหว่างเขตเศรษฐกิจสำคัญในภาคใต้ อาทิ จังหวัดบ่าเหรียะ-หวุงเต่า จังหวัดด่งนายและนครโฮจิมินห์ นอกจากนี้จะเชื่อมต่อกับถนนสาย 25C ซึ่งเป็นเส้นทางเชื่อมถึงโครงการก่อสร้างสนามบินนานาชาติ Long Thanh ในจังหวัดด่งนายและช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัดบนทางด่วนเส้นทางนครโฮจิมินห์-Long Thanh – Dau Giay อีกด้วย
สะพานแขวนดังกล่าวจะมีความยาว 4.5 กิโลเมตร เริ่มจากสี่แยก My Thuy บนถนน Nguyen Thi Dinh ในเขต 2 ของนครโฮจิมินห์ไปจนถึงถนน Ly Thai To ในเขต Nhon Trach จังหวัดด่งนาย โดยจะมีช่องทางจราจรสำหรับรถยนต์ทั้งหมด 6 ช่องและช่องจราจรผสม 3 ช่อง โดยจำกัดความเร็วสูงสุดที่ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและคาดว่าจะช่วยลดความแออัดของเรือข้ามฟาก Cat Lai จากโฮจิมินห์ไปยังจังหวัดด่งนายและจังหวัดบ่าเหรียะ – หวุงเต่า ซึ่งปัจจุบันมีการใช้บริการขนส่งยานพาหนะข้ามฟากเฉลี่ยวันละประมาณ40,000 – 45,000 คันไปจนถึงสูงสุด 100,000 คัน
ทั้งนี้ คณะกรรมการประชาชนจังหวัดด่งนายได้เสนอให้นครโฮจิมินห์รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างถนนบริเวณทางเข้าสู่สะพานในนครโฮจิมินห์ความยาว 623 เมตร มูลค่าการก่อสร้าง 7.55 แสนล้านด่ง (32.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และจังหวัดด่งนายรับผิดชอบการก่อสร้างถนนบริเวณทางเข้าสู่สะพานฝั่งจังหวัดด่งนาย ความยาว 263 เมตรมูลค่าการก่อสร้าง 4.1 แสนล้านด่ง (17.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยโครงการก่อสร้างถนนทั้งสองเส้นจะดำเนินการระหว่างปี 2563 – 2567 ในขณะที่จังหวัดด่งนายจะรับผิดชอบการก่อสร้างสะพานมูลค่า 4.9 ล้านล้านด่ง (211 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)โดยให้สัมปทานแก่เอกชนในการก่อสร้างภายใต้รูปแบบ Build – Operate – Transfer (BOT) โดยกำหนดช่วงเวลาระหว่างปี 2562 – 2567 โดยเมื่อทั้งสองจังหวัดสามารถหาข้อสรุปต่าง ๆ ร่วมกันได้แล้วก็จะเสนอต่อรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติโครงการต่อไป
แหล่งที่มา: The Saigon Times 21 เมษายน 2562
URL:https://english.thesaigontimes.vn/67773/vnd6-trillion-needed-to-develop-cat-lai-bridge.html
อีเมลสถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์
ติดต่อทั่วไป
แผนกเศรษฐกิจ
แผนกกงสุล (หนังสือเดินทาง, นิติกรณ์และทะเบียนราษฎร์, บัตรประชาชน, การตรวจลงตราและรับรองเอกสาร)