วันที่นำเข้าข้อมูล 30 ส.ค. 2562
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 29 พ.ย. 2565
การส่งออกอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มของเวียดนามเพิ่มขึ้นในช่วง 7 เดือนแรกของปี 62
ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2562 การส่งออกอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องแต่งกายของเวียดนาม ซึ่งมีฐานการผลิตส่วนใหญ่ในภาคใต้ มีมูลค่ากว่า1.83 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.5 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาตามข้อมูลของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม
รายได้การส่งออกของเวียดนามเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากได้รับประโยชน์จากการขยายตลาดและโอกาสจากการลงนามในข้อตกลงการค้าเสรีต่างๆ (FTA) อาทิ ข้อตกลงการค้าเสรี CPTPP นอกจากนี้ การลงนามในข้อตกลงการค้าเสรีสหภาพยุโรป-เวียดนาม ในเดือนมิถุนายน ปี 2562 จะช่วยให้เครื่องนุ่งห่มและสิ่งทอเวียดนามสามารถขยายการส่งออกและเจาะตลาดกลุ่มสหภาพยุโรปได้กว้างขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อภาคธุรกิจสิ่งทอและเครื่องแต่งกายของเวียดนาม
ในช่วงเดือนมกราคมถึงกรกฎาคมที่ผ่านมา อุตสาหกรรมสิ่งทอจากเส้นใยธรรมชาติและเส้นใยสังเคราะห์เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.4 และร้อยละ11.5 ส่วนอุตสาหกรรมผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์รองเท้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.8 และร้อยละ 10.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนามเปิดเผยว่าแม้ว่าเวียดนามจะมีรายได้จากการส่งออกเพิ่มขึ้น แต่อุตสาหกรรมผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์รองเท้ายังต้องพึ่งพาการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ซึ่งวัตถุดิบส่วนใหญ่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ กระทรวงฯ จึงได้เสนอให้ผู้ประกอบการพัฒนาห่วงโซ่การผลิตภายในประเทศเพื่อให้สอดคล้องกับกฎแหล่งต้นกำเนิดสินค้าเพื่อใช้สิทธิประโยชน์และสามารถแข่งขันกับประเทศอื่นได้อย่างเต็มที่
แหล่งที่มา Nhan Dan Online วัรที่ 10 สิงหาคม 2562
บริษัทด้านเทคโนโลยีเสนอโครงการจักรยานสาธารณะสำหรับนครโฮจิมินห์
บริษัทด้านเทคโนโลยี 3 แห่งในนครโฮจิมินห์ ได้แก่ Tri Nam, Mobike และ IOT Vietnam ได้เสนอโครงการจักรยานสาธารณะ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกด้านการเดินทางระยะสั้นให้แก่ผู้สัญจร
นาย Tran Chi Trung ผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการการขนส่งสาธารณะนครโฮจิมินห์ (MCPT) กล่าวว่าโครงการดังกล่าวจะช่วยสนองความต้องการเดินทางระหว่างป้ายหยุดรถประจำทางและการเดินทางระยะสั้นไม่เกิน 3 กิโลเมตร โดยหากโครงการได้รับการอนุมัติจะเริ่มดำเนินการนำร่องในเขต 1 ซึ่งมีหน่วยงานภาครัฐ โรงเรียนโรงพยาบาลและเส้นทางรถประจำทาง 31จุดให้บริการผู้โดยสารทั้งในและนอกเมือง โดยในช่วงแรกจะมีจักรยานให้บริการประมาณ 800-1,000 คัน และมีจุดเทียบจอด 70-80 แห่งซึ่งสามารถรองรับจักรยานได้แห่งละ10-20 คัน บริเวณป้ายรถเมล์โรงเรียนและสถานที่ท่องเที่ยว โดยคิดค่าบริการประมาณ 5,000 ด่ง (ราว 7 บาท) สำหรับการเดินทาง 30 นาที และ อาจให้ทดลองใช้ฟรี 15 นาทีแรกเป็นเวลานานสามเดือนเพื่อดึงดูดผู้ใช้ ทั้งนี้จักรยานแต่ละคันจะติดตั้งระบบ GPS และควบคุมจัดการโดยซอฟต์แวร์เพื่อป้องกันการโจรกรรมโดยโครงการดังกล่าวยังอยู่ระหว่างดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้เบื้องต้นระหว่างรอการอนุมัติจากนคร
อย่างไรก็ตาม มีการแสดงความคิดเห็นว่าโครงการดังกล่าวจะมีโอกาสเป็นไปได้หรือไม่เนื่องจากสภาพการจราจรในนครที่หนาแน่นและโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งที่ยังไม่พร้อม นาย Chung Thanh Tien นักเศรษฐศาสตร์ชาวเวียดนาม กล่าวถึงความกังวลด้านความปลอดภัยเนื่องจากถนนในเมืองขาดช่องทางเฉพาะสำหรับจักรยานในขณะที่มีรถยนต์และรถจักรยานยนต์จำนวนมาก เนื่องจากนครโฮจิมินห์ ซึ่งเป็นมหานครที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ มีรถจักรยานยนต์ประมาณ 7.3 ล้านคันต่อประชากร 8.4 ล้านคน ชาวเวียดนามอาจจะไม่ประสงค์จ่ายค่าใช้บริการจักรยานทั้งยังมีการโจรกรรมเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโครงการ
ทั้งนี้ ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ได้มีการเปิดตัวโครงการจักรยานสาธารณะครั้งแรกที่เมืองฮอยอันในภาคกลางด้วยรถจักรยาน 100 คันและจุดเทียบจอด11 แห่งด้วยแล้ว
แหล่งที่มา ข่าว VnExpress วันที่ 14 สิงหาคม 2562
สายการบินเวียตเจ็ทเปิดเส้นทางบินตรงสู่อินเดีย
เมื่อวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา สายการบินเวียตเจ็ทได้เปิดเส้นทางการบินใหม่ 2 เส้นทางจากนครโฮจิมินห์และกรุงฮานอยไปยังกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย โดยจัดจำหน่ายตั๋วราคาพิเศษสำหรับการเดินทางระหว่างวันที่ 6 ธันวาคม – 28 มีนาคม 2563 โดยเส้นทางนครโฮจิมินห์ – กรุงนิวเดลีให้บริการสัปดาห์ละ 4 เที่ยวบินในวัน จันทร์ พุธ ศุกร์ และอาทิตย์ โดยออกเดินทางจากนครโฮจิมินห์เวลา 19.00 น. ถึงกรุงนิวเดลีเวลา 22.50 น.(เวลาท้องถิ่น) และออกเดินทางจากกรุงนิวเดลีเวลา 23.50 น. (เวลาท้องถิ่น) ถึงนครโฮจิมินห์เวลา 06.10 น. ส่วนเส้นทางกรุงฮานอย–กรุงนิวเดลีให้บริการ สัปดาห์ละ 3 เที่ยวบินในวันอังคาร พฤหัสบดี และเสาร์ โดยออกเดินทางจากกรุงฮานอยเวลา 19.10 น. ถึงกรุงนิวเดลีเวลา 22.50 น.(เวลาท้องถิ่น) ออกเดินทางจากกรุงนิวเดลีเวลา 23.50น.(เวลาท้องถิ่น) และเดินทางถึงกรุงฮานอยเวลา 05.20 น.
เที่ยวบินดังกล่าวใช้ระยะเวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง ซึ่งจะช่วยเปิดโอกาสทางการค้าและท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศ ทั้งยังเชื่อมอินเดียเข้ากับเครือข่ายการบินของเวียตเจ็ทในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และไทย
ปัจจุบัน สายการบินเวียตเจ็ทให้บริการวันละ 400 เที่ยวบิน ใน 129 เส้นทางทั้งภายในประเทศเวียดนามและต่างประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ไต้หวัน จีน ไทย เมียนมา มาเลเซีย อินโดนีเซีย และกัมพูชา
แหล่งที่มา The Saigon Times วันที่ 19 สิงหาคม 2562
URL https://english.thesaigontimes.vn/70688/vietjet-to-open-new-direct-routes-to-india.html
นครโฮจิมินห์ดึงดูดการลงทุนทางตรงจากต่างชาติ (FDI) มูลค่ากว่า 3.63 พันล้านดอลลาร์สหรัฐใน 7 เดือนแรกของปี 2562
คณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์เผยว่า นครโฮจิมินห์ในช่วงเดือนมกราคม-กรกฎาคม 2562 มีมูลค่าการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติมูลค่า 3.63 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561
ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา มีโครงการที่ได้รับอนุมัติการลงทุน 678 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 688.79 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และอีก 168 โครงการที่ได้รับอนุญาตให้เพิ่มเงินลงทุนซึ่งมีมูลค่า 345 ล้านดอลลาร์สหรัฐนอกจากนี้ ยังมีการซื้อขายหุ้นและควบรวมกิจการในบริษัทเวียดนามกว่า 2,700 รายการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.3 มีมูลค่ารวม 2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.7 เมื่อเทียบกับปี 2561 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของนโยบายการส่งเสริมการลงทุนของนคร ในขณะเดียวกัน มีทุนจดทะเบียนจากบริษัทท้องถิ่นทั้งโครงการใหม่และโครงการที่มีอยู่แล้วทั้งหมด 556.5 ล้านล้านด่ง (2.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) แบ่งออกเป็นบริษัทใหม่ ทั้งหมด24,500 แห่ง มีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 396.1 ล้านล้านด่ง (1.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) และบริษัทเพิ่มเงินลงทุนกว่า 71,900 แห่ง มูลค่า160.4 ล้านล้านด่ง (6.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) คณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์ให้คำมั่นว่าจะดำเนินการปฏิรูปเงื่อนไขและสภาพการลงทุนโดยจะลดขั้นตอนการดำเนินงานด้านเอกสารที่ซับซ้อนโดยเฉพาะการเวนคืนและส่งมอบที่ดินสำหรับโครงการการลงทุนต่อไป
นอกจากนี้ นครจะจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าและการลงทุนมากขึ้น โดยในปีนี้ จะจัดสัมมนาเกี่ยวกับแนวทางการแก้ปัญหาเพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการเวียดนามและบริษัทที่ลงทุนโดยชาวต่างประเทศ การหารือระหว่างผู้ประกอบการต่างประเทศกับกรมสรรพากร การสัมมนาเกี่ยวกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และสิทธิประโยชน์ที่บริษัทในเวียดนามจะได้รับจากข้อตกลงการค้าเสรีของสหภาพยุโรป–เวียดนาม (EVFTA) และการเสริมสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์ระหว่างนครโฮจิมินห์และหน่วยงานท้องถิ่นอื่นๆ
แหล่งที่มา The Saigon Times วันที่ 19 สิงหาคม 2562
URL https://english.thesaigontimes.vn/70684/hcmc-attracts-us$363b-in-foreign-investment-in-jan-july.html
การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ด้านที่อยู่อาศัยในนครโฮจิมินห์อยู่ภายใต้ภาวะกดดันจากประชากรที่เพิ่มสูงขึ้น
สมาคมอสังหาริมทรัพย์นครโฮจิมินห์ (HoREA) เสนอแนะแนวทางและรูปแบบการพัฒนาที่อยู่อาศัยต่อรัฐบาลของนคร เพื่อแก้ปัญหาการเติบโตของประชากรที่ต้องการที่อยู่อาศัยในเมืองที่เพิ่มขึ้น 1 ล้านคนในทุก 5 ปี
ข้อมูลของ HoREA ระบุว่า นครโฮจิมินห์มีผู้อยู่อาศัยถาวรราว 9 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้น 1.8 ล้านคนเมื่อเทียบกับปี 2552 ผลการสำรวจสำมะโนประชากรครั้งล่าสุด ซี่งไม่นับรวมผู้อยู่อาศัยชั่วคราวและผู้ที่ไม่ได้มีถิ่นพำนักในนคร ระบุว่า ในแต่ละปีนครจะมีทารกแรกเกิด 60,000 คนและการแต่งงาน 50,000 คู่ และนักเรียนทั้งหมดอีก 500,000 คนจากทั่วประเทศ รวมถึงชาวต่างชาติจำนวนมากที่เข้ามาทำงานและพักอาศัยชั่วคราวอยู่ในนคร
อย่างไรก็ตาม จากสถิติของกรมการก่อสร้างในปี 2559 นครมีบ้าน 1.6 ล้านหลัง ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 150.6 ล้านตารางเมตร โดยพื้นที่ที่อยู่อาศัยเฉลี่ยเพิ่มจาก 13.6 ตารางเมตรต่อคนในปี 2552 ขึ้นเป็น 19.75 ตารางเมตรต่อคน ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยพื้นที่ที่อยู่อาศัยต่อคนของประเทศที่ 25 ตารางเมตรต่อคน ทั้งนี้ ผลการสำรวจพบว่า ในนครมีครัวเรือนกว่า 476,200 ครัวเรือนที่ไม่มีที่พักอาศัยเป็นของตนเองหรืออาศัยอยู่กับพ่อแม่หรือญาติพี่น้อง คิดเป็นร้อยละ 3.46 ของครัวเรือนทั้งหมดและพบว่าในช่วงปี 2559-2563 มี 81,000 ครัวเรือนที่ต้องการที่พักอาศัยที่รัฐจัดให้
นอกจากนี้ HoREA ยังคาดการณ์ว่า ในอนาคตจะมีจำนวนชาวต่างชาติที่มีใบอนุญาตพำนักระยะยาวในนครเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากการลงทุนจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น HoREA จึงได้เสนอรูปแบบการพัฒนาที่อยู่อาศัยหลายรูปแบบโดยเฉพาะการพัฒนาพื้นที่อยู่อาศัยในเขตชนบท ซึ่งจะช่วยกระจายการพัฒนาความเป็นเมืองและระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านการจราจรออกจากศูนย์กลางเมืองขนาดใหญ่ ซึ่งรัฐบาลท้องถิ่นได้เสนอการพัฒนาเขตที่อยู่ห่างออกไปของเมือง อาทิ Cu Chi, Hoc Mon, Nha Be, Binh Chanh และ Can Gio ซึ่งเขต Cu Chi มีข้อได้เปรียบเนื่องจากเป็นเขตอุตสาหกรรมและมีสถานที่ท่องเที่ยวอุโมงค์ Cu Chi ที่มีประวัติใช้เป็นฐานสำหรับการต่อสู้กับเจ้าอาณานิคม
นอกจากนี้ Can Gio ยังมีศักยภาพสำหรับการพัฒนาที่อยู่อาศัยในเขตชนบท มีจัตุรัส Rung Sac ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวทางทะเลและมีสะพาน Can Gio ในขณะที่เขต Nha Be อยู่ใกล้เขตเมือง Phu My Hung ในเขต 7 ของนครโฮจิมินห์ ซึ่งเป็นที่ตั้งในเมืองของท่าเรือและนิคมอุตสาหกรรม Hiep Phuoc
แหล่งที่มา The Saigon Times วันที่ 20 สิงหาคม 2562
อีเมลสถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์
ติดต่อทั่วไป
แผนกเศรษฐกิจ
แผนกกงสุล (หนังสือเดินทาง, นิติกรณ์และทะเบียนราษฎร์, บัตรประชาชน, การตรวจลงตราและรับรองเอกสาร)