ข่าวเด่นวันที่ 11-20 เมษายน 2563

ข่าวเด่นวันที่ 11-20 เมษายน 2563

วันที่นำเข้าข้อมูล 21 เม.ย. 2563

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 29 พ.ย. 2565

| 1,303 view

นครดานังจะสามารถส่งออกชิ้นส่วนอากาศยานในปี 2564

บริษัท Universal Alloy Corporation (UAC) สัญชาติสหรัฐฯ ได้เปิดดำเนินการโรงงาน Sunshine Aerospace Components Factory มาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2562 ซึ่งจะผลิตชิ้นส่วนอากาศยานกว่า 5,000 ชนิดให้แก่เครื่องบิน Boeing โรงงานดังกล่าวครอบคลุมพื้นที่ 16.7 เฮกตาร์ในนิคม Da Nang High-Tech Park และมีกำลังการผลิตชิ้นส่วนปีละ 12,470 ตัน

โครงการระยะที่ 1 มีการลงทุนมูลค่า 170 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะสามารถส่งออกชิ้นส่วนอากาศยานไปยังตลาดทั่วโลก โดยเฉพาะภูมิภาคยุโรป อเมริกาเหนือ และประเทศมาเลเซีย มูลค่ากว่า 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2564 และ 82 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2565 โดยการก่อสร้างโครงการระยะที่ 2 คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงเดือนเมษายน 2563 และจะขยายสายการผลิตด้านวัตถุดิบเพิ่มเติมด้วย ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายมูลค่าการส่งออกผลผลิตรวมกว่า 180 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2569

อนึ่ง บริษัท Universal Alloy Corporation ก่อตั้งขึ้นในสหรัฐฯ เมื่อปี 2504 โดยเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนอากาศยานรายใหญ่ให้แก่บริษัทอากาศยานชื่อดัง อาทิ Boeing, Airbus, Embraer, Bombardier และหวงโซ่การผลิตอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

ที่มา: Vietnam News วันที่ 31 มีนาคม 2563

URL: https://vietnamnews.vn/economy/654410/da-nang-to-export-aerospace-components-next-year.html

 

บริษัทศรีไทยซุปเปอร์แวร์ขยายการลงทุนในเวียดนาม

บริษัทศรีไทยซุปเปอร์แวร์ประกาศขยายการลงทุนในเวียดนามอีก 450 ล้านบาท (13.76 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปี 2562 โดยแบ่งออกเป็นการซื้อเครื่องจักรเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตพลาสติกขึ้นรูปขวดและฝาขวดเกลียว (PET preform and closure products) สำหรับโรงงาน 2 แห่งในนครโฮจิมินห์และกรุงฮานอยมูลค่า 300 ล้านบาท (9.16 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และจะก่อสร้างโรงงานเมลามีนเพิ่มในนครโฮจิมินห์มูลค่า 150 ล้านบาท (4.58 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อตอบสนองการบริโภคของตลาดภายในเวียดนาม โดยจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างใน 1-2 เดือนข้างหน้าและคาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการได้ในไตรมาสแรกของปี 2564

เมื่อโรงงานดังกล่าวก่อสร่างเสร็จ บริษัทศรีไทยซุปเปอร์แวร์จะมีโรงงานในเวียดนามทั้งหมด 4 แห่ง ประกอบด้วย โรงงานผลิตพลาสติกขึ้นรูปขวดและฝาขวดเกลียว 2 แห่งในกรุงฮานอยและนครโฮจิมินห์ และโรงงานเมลามีน 2 แห่งในภาคใต้ของเวียดนาม

เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาด Covid-19 ในปัจจุบัน คาดว่ายอดจำหน่ายของบริษัทไนปี 2563 จะมีมูลค่า 8.62 พันล้านบาท (263.31 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ลดลงร้อยละ 2.6 เมื่อเทียบกับยอดขายในปี 2562 มูลค่า 8.84 พันล้านบาท (270.03 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในไตรมาสแรกของปี 2563 แม้ว่าจะมีแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของการใช้บรรจุภัณฑ์สำหรับบริการเดลิเวอรี่อาหารและเครื่องดื่ม ยอดจำหน่ายของบริษัทกลับลดลงจากยอดจำหน่ายในปี 2562 ประมาณ 10 ล้านบาท (305,469 ดอลลาร์สหรัฐ) ต่คาดว่าสถานการณ์จะดีขึ้นเนื่องจากค่าเงินบาทที่อ่อนลง

ที่มา: Vietnam News วันที่ 6 เมษายน 2563

URL: https://vietnamnews.vn/economy/674746/thai-srithai-superware-to-push-investment-in-viet-nam.html

 

การปรับราคารับซื้อไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์อัตราใหม่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2563

รัฐบาลเวียดนามได้ออกกฤษฎีกาหมายเลขที่ 13/2020 ลงวันที่ 6 เมษายน 2563 เรื่องนโยบายส่งเสริมการลงทุนด้านพลังงานแสงอาทิตย์ของเวียดนาม โดยได้กำหนดอัตราการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Feed-in-Tariff – FiT) ใหม่ระหว่าง 7.09-8.38 เซ็นต์สหรัฐต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง (1,644-1,943 ด่งต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง) ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2563 เป็นต้นไป เป็นระยะเวลา 20 ปีตั้งแต่โครงการเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ (Commercial Operation Date – COD)

ทั้งนี้ ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จากแผงประเภทติดตั้งบนพื้นดินและติดตั้งบนหลังคามีอัตรา FiT ที่ 7.09 เซ็นต์สหรัฐต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง (1,644 ด่งต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง) และ 8.38 เซ็นต์สหรัฐต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง (1,943 ด่งต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง) ตามลำดับ ซึ่งต่ำกว่าอัตรา FiT เดิมในกฤษฎีกาเลขที่ 11/2017 ที่ 9.35 เซนต์สหรัฐต่อกิโลวัตต์ชั่วโมงที่มีผลบังคับใช้สำหรับโครงการที่สามารถ COD ได้ทันก่อนวันที่ 30 มิถุนายน 2562 ในขณะที่ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จากแผงติดตั้งลอยน้ำมีอัตรา FiT ที่ 7.69 เซ็นต์สหรัฐต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง (1,783 ด่งต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง)

สำหรับจังหวัดนิญถ่วน ยังคงอัตรา FiT ที่ 9.35 เซ็นต์สหรัฐต่อกิโลวัตต์ (2,086 ด่งต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง) สำหรับโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ที่ถูกบรรจุอยู่ในแผนพัฒนาด้านพลังงานแห่งชาติเวียดนามแล้วและสามารถ COD ได้ก่อนวันที่ 1 มกราคม 2564

นอกจากนี้ กฤษฎีกาหมายเลขที่ 13/2020 ยังกำหนดว่าผู้ซื้อและผู้ขายสามารถเจรจาอัตรา FiT กันเองได้โดยตรงภายใต้ระเบียบและกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง โดยผู้รับซื้อไม่จำเป็นต้องเป็นการไฟฟ้าเวียดนามหรือหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ ด้วย

อนึ่ง นาย Le Ngoc Anh Minh ประธานบริษัทด้านพลังงานแสงอาทิตย์ Pacific Group ให้ข้อมูลว่า อัตรา FiT ใหม่จะช่วยดึงดูดการลงทุนในธุรกิจพลังงานทางเลือกมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้เวียดนามเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนและลดการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานถ่านหินซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมลง

ที่มา: Saigon Times วันที่ 7 เมษายน 2563

URL: https://english.thesaigontimes.vn/75980/new-prices-for-solar-power-effective-from-may.html

 

จังหวัดบ่าเหรี่ย-หวุงเต่าปรับกลยุทธ์ดึงดูดนักลงทุนสำหรับโครงการสำคัญในปี 2563

เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2563 นาย Le Quoc Tuan รองประธานคณะกรรมการประชาชนจังหวัดบ่าเหรี่ย-หวุงเต่า ได้สั่งการหน่วยงานท้องถิ่นเร่งรัดกระบวนการส่งเสริมการทุนเพื่อดึงดูดนักลงทุนในโครงการที่สำคัญ โดยเฉพาะการเวนคืนที่ดินและขั้นตอนทางเอกสาร รวมถึงสั่งให้กรมการวางแผนและการลงทุนออกแนวทางกระบวนการการประมูลโครงการสำหรับนักลงทุน ในส่วนของการท่องเที่ยว ขอให้กรมการท่องเที่ยวพิจารณาเลือกนักลงทุนสำหรับโครงการพัฒนาเขตการท่องเที่ยวบริเวณภูเขา Lam Vien Nui Dinh โดยเร็ว รวมถึงสั่งการให้กรมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประสานงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานท้องถิ่นในการจัดสรรที่ดินและจัดทำแผนการใช้พื้นที่ป่าเชิงพาณิชย์และการบริการอย่างชัดเจนโดยเร็ว เพื่อให้นักลงทุนมีความมั่นใจ

ปัจจุบัน จังหวัดฯ มีโครงการสำคัญที่ต้องการดึงดูดการลงทุนจำนวน 23 โครงการ โดยให้ความสำคัญลำดับแรกกับนักลงทุนที่มีคุณภาพและขีดความสามารถในด้านการพัฒนาท่าเรือ ระบบโลจิสติกส์การท่องเที่ยว เกษตรกรรมและอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงและคาดว่าในปี 2563 จะมีโครงการขนาดใหญ่อย่างน้อย 3 โครงการ ที่สามารถออกเอกสารสิทธิ์การใช้ที่ดินเพื่อเริ่มกระบวนการเปิดประมูลแข่งขันราคาสำหรับดึงดูดนักลงทุนได้ ซึ่งรวมถึงโครงการพัฒนาเขตการท่องเที่ยวแหลม Nghinh Phong และพื้นที่ส่วนหนึ่งของตัวเมืองหวุงเต่า

ทั้งนี้ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา คณะกรรมการประชาชนจังหวัดฯ ได้อนุมัติการลงทุนโครงการลงทุนจากต่างประเทศ 5 โครงการ ซึ่งเป็นของบริษัทสัญชาติญี่ปุ่น 3 โครงการ ได้แก่ บริษัท Seiko PMC Corporation และบริษัท Arakawa Chemical Industries ดำเนินธุรกิจเคมีและโพลิเมอร์สำหรับผลิตกระดาษ มูลค่าการลงทุน 28 ล้านดอลลาร์สหรัฐและ 45.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงบริษัท SeAH M&H Vietnam Co., Ltd ดำเนินธุรกิจผลิตเหล็ก มูลค่าการลงทุน 35.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ ได้อนุมัติโครงการวางระบบท่อส่งก๊าซ Cai Mep-PhuMy มูลค่า 64 ล้านดอลลาร์สหรัฐและอนุมัติให้บริษัท Heineken เพิ่มการลงทุนจาก 312.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐเป็น 381.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา: VietNamNet วันที่ 2 เมษายน 2563

URL: https://english.thesaigontimes.vn/74467/ba-ria-vung-tau-licenses-five-investment-projects.html

https://vietnamnet.vn/en/business/ba-ria-vung-tau-seeks-investors-for-23-key-projects-630156.html