วันที่นำเข้าข้อมูล 20 ก.พ. 2560
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 5 พ.ย. 2562
ข่าวเด่นวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2560
1. The Mekong Innovative Startup Tourism จะมอบโอกาสและความช่วยเหลือทางธุรกิจให้กับการท่องเที่ยว Start Up ในเขตสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแม่โขงของเวียดนาม
กลุ่มธุรกิจการท่องเที่ยว The Mekong Innovative Startup Tourism (MIST) ได้ประกาศว่าจะเร่งพัฒนานวัตกรรมเกี่ยวกับการท่องเที่ยว 2 โครงการในประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม โครงการแรกคือ The MIST Startup Accelerator ซึ่งจะช่วยบริษัทระยะเริ่มต้นในเรื่องของเทคโนโลยีการท่องเที่ยวหรือแผนธุรกิจการท่องเที่ยว โครงการที่สองคือ MIST Market Access Accelerator ซึ่งจะนำบริษัท Startup ระดับสากลที่ประสบความสำเร็จมาช่วยเหลือบริษัท Startup ในภูมิภาคนี้ โครงการทั้งสองนี้จะเปิดรับสมัครถึงวันที่ 19 มีนาคม 2560
นาย Dominic Mellor นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (Asian Development Bank) และหัวหน้าแผนกความริเริ่มสร้างสรรค์ธุรกิจในพื้นที่แม่น้ำโขงกล่าวว่า โครงการทั้งสองจะสร้างงาน ช่วยชุมชนท้องถิ่น และสนับสนุนนักลงทุนให้เข้ามาลงทุน ผู้เข้าสมัครจะต้องแสดงออกให้เห็นว่าพวกเขาจะสร้างงาน จะสร้างผลกระทบที่ดีต่อชุมชน และจะก่อให้เกิดการเจริญเติบโตของธุรกิจการท่องเที่ยวในประเทศกัมพูชา ลาว พม่า และ เวียดนาม โดยผู้สมัครที่ได้รับเลือกเข้ามาในโครงการจะได้เข้าร่วมค่ายฝึกฝนทักษะที่จะพัฒนาแผนการทางธุรกิจของพวกเขา แผนการทางธุรกิจที่ดีที่สุดของแต่ละประเทศจะมีเงินรางวัลให้โดยจะได้รับเงินรางวัล 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ และผู้ได้รับรางวัลรองชนะเลิศ 3 อันดับ จะได้รับเงินรางวัลคนละ 7,000 ดอลลาร์สหรัฐ
ผู้เข้าร่วมในโครงการทั้งสองจะได้แสดงแผนธุรกิจของพวกเขาในที่ประชุม Mekong Tourism Forum ซึ่งจะจัดขึ้นในเมืองหลวงพระบาง ประเทศลาว และจะได้แสดงผลงานในที่ประชุม APEC ที่จะจัดขึ้นในนครดานัง ประเทศเวียดนาม ในเดือนพฤศจิกายน 2560
โครงการ MIST เป็นโครงการความร่วมมือระหว่าง Mekong Tourism Coordinating Office และ The Mekong Business Initiative โครงการนี้ยังได้รับการสนับสนุนเงินทุน คำแนะนำ และความช่วยเหลือจากธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย ประเทศออสเตรเลีย บริษัท Amadeus Next สมาคม The Pacific Asia Travel Association และบริษัท Village Capital
แหล่งที่มา Vietnamnews วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2560 หน้าที่ 16
2. ภูเขา Son Tra จะถูกประกาศให้เป็นสถานท่องเที่ยวแห่งชาติ
ภาพที่ 1 แหลม Son Tra
นาย Ha Van Sieu รองผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวเวียดนามกล่าวกับนักข่าวว่า ภูเขา Son Tra ที่อยู่เหนือระดับน้ำทะเล 600 เมตร และไกลจากตัวเมืองนครดานังเพียงแค่ 10 กิโลเมตร จะกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลักควบคู่ไปกับเมืองโบราณฮอยอันและจังหวัดเถื่อเทียน-เว้ จังหวัดกว๋างบิ่ง จังหวัดบิ่งดิ่ง และจังหวัดฝูเอียน นาย Sieu กล่าวเสริมว่าภูเขา Son Tra มีความหลากหลายทางชีวภาพมากมายและมีเขตอนุรักษ์ธรรมชาติที่สมบูรณ์ ซึ่งส่งผลรัฐบาลงตัดสินใจส่งเสริมภูเขา Son Tra เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งชาติ และคาดหวังว่าจะมีนักท่องเที่ยวมาท่องเที่ยว 4.6 ล้านคน ในปี 2573 ซึ่งจะมีโครงการสร้างรีสอร์ทท่องเที่ยวเชิงนิเวศไว้รองรับนักท่องเที่ยวเพิ่ม
นาย Sieu กล่าวเสริมว่า ภูเขา Son Tra และนครดานังจะกลายเป็นจุดเชื่อมต่อของเวียดนามและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางทะเลที่สำคัญ เนื่องมาจากนครดานังตั้งอยู่ใจในภาคกลางของประเทศที่เชื่อมต่อด้วยถนน ทางรถไฟ และท่าเรือน้ำลึก ซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 4.3 ล้านล้านด่ง (190.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และสร้างงานได้มากกว่า 2,800 งาน ภายในปี 2573
หากทำได้ดั่งแผนที่วางไว้ ภูเขา Son Tra ซึ่งมีเนื้อที่กว่า 4,439 เฮกตาร์ จะใช้พื้นที่ 1,056 เฮกตาร์สำหรับการสร้างรีสอร์ทเชิงนิเวศที่ในภาคกลางของเวียดนาม สำนักงานการท่องเที่ยวนครดานังกล่าวว่าพวกเขาจะแนะนำโครงการ The Son Tra Sunset Tour ที่เป็นโครงการใหม่ในช่วงปลายปีนี้ โครงการนี้จะพานักท่องเที่ยวไปเพลิดเพลินกับการชมพระอาทิตย์ขึ้นในมุมมองแบบพาโนรามาและมุมมองแบบ Bird Eye View ของแหลม Son Tra และวิวของนครดานังจากระยะ 600 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล
ที่ผ่านมา ภูเขา Son Tra ก็เป็นหนึ่งในสถานที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยว ซึ่งมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยือนประมาณ 10,000 คน ในทุกๆ เดือน ภูเขา Son Tra เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของค่างห้าสีกว่า 300 ตัว ซึ่งถูกประกาศว่าเป็นสัตว์ใกล้จะสูญพันธุ์โดยองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติในปี พ.ศ. 2556 นครดานังได้อนุมัติแผนการระยะยาว (จนถึงปี พ.ศ. 2567) เพื่อการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ ในเขตอนุรักษ์ Son Tra
นครดานังรายงานว่าโครงการแหลมยุทธศาสตร์ Son Tra ซึ่งถูกออกแบบโดยบริษัท Skidmore, Owing & Merrill LPP (SOM) สัญชาติสหรัฐอเมริกา ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมโดยสถาบันสถาปัตยกรรมอเมริกา (American Institute of Architects)
จากรายงานของรัฐบาล แผนการปี พ.ศ. 2563-2573 ในการพัฒนาการท่องเที่ยวในภาคกลางของเวียดนาม ซึ่งมีสถานท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างนครดานัง ภูเขา Son Tra เมืองโบราณฮอยอัน วิหาร My Son และเมืองเก่าเว้ จะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 6 ล้านคน และนักท่องเที่ยวชาวเวียดนาม 8 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 2.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี พ.ศ. 2563 และสร้างงานให้คนกว่า 80,000 คน
นครดานัง ซึ่งตั้งอยู่ที่เขตระเบียบเศรษฐกิจ East-West Economic Corridor จะช่วยสนับสนุนทัวร์คาราวานและเชื่อมต่อกับเมืองมะละแหม่งและเมืองทวายของประเทศพม่า จังหวัดขอนแก่นและกรุงเทพมหานครในประเทศไทย แขวงสะหวันนะเขตในประเทศลาว จังหวัดเสียมราฐในประเทศกัมพูชา และเชื่อมต่อภายในประเทศกับเมืองเว้ เมืองฮอยอัน และจังหวัดบิ่งดิ่ง
แหล่งที่มา Vietnamnews วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2560 หน้าที่ 21
3. รัฐบาลจะไม่ให้อนุญาติกับโครงการการลงทุนที่เสี่ยงต่อการทำลายสิ่งแวดล้อมสูงในเขตนครโฮจิมินห์
รัฐบาลได้สั่งห้ามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกใบอนุญาตการลงทุนแก่โครงการที่มีความเสี่ยงต่อการทำลายสภาพแวดล้อมสูง และให้พิจารณา การฟื้นฟูบำบัดน้ำเสียของบริษัทที่ขอยื่นดำเนินโครงการในเวียดนาม เป็นปัจจัยหลักในกระบวนการการให้ใบอนุญาต
นาย Trinh Dinh Dung รองนายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้มีกระบวนการการจัดการที่ดีขึ้นในที่ประชุมการประชุมความสำเร็จทางด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติทางไกลเพื่อสรุปผลในปี พ.ศ. 2559 และแผนงานที่จะดำเนินต่อไปในปี พ.ศ. 2560
รองนายกรัฐมนตรีได้กระตุ้นให้หน่วยงานต่างๆ ให้เพิ่มความเข้มงวดในการดูแลสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณทรัพยากรพื้นดิน ทรัพยากรสิ่งแวดล้อม และทรัพยากรน้ำ อีกทั้งการควบคุมกฎหมายการอนุรักษ์ธรรมชาติอย่างเข้มงวด และให้แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอันเนื่องมาจากสิ่งแวดล้อมทรุดโทรม และเอาผิดผู้ที่กระทำความผิดร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อม
อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบดังกล่าวควรจะมีการวางแผนอย่างเหมาะสมเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบการดำเนินงานของบริษัทด้วยการเข้าไปตรวจสอบเป็นจำนวนหลายๆ ครั้งมากเกินไป
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำเป็นที่จะต้องจัดการการสอบสวนและจัดกลุ่มของเสียที่ก่อให้เกิดมลพิษต่อแม่น้ำ ทะเล เขตเศรษฐกิจ และเมืองใหญ่ๆ รวมถึงต้องมีการควบคุมการกำจัดของเสียลงสู่แหล่งน้ำอย่างเข้มงวดและปรับปรุงคุณภาพของน้ำด้วย
รองนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับหน่วยงานรัฐท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง ทำงานร่วมกันเพื่อวางแผนเร่งด่วนในเรื่องของมลพิษทางอากาศในเมืองใหญ่ๆ โดยเฉพาะในนครโฮจิมินห์
รองนายกรัฐมนตรีได้ขอให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการปรับปรุงองค์กรต่างๆ และตรวจสอบนโยบายและออกนโยบายและกฎหมายเพื่อให้มั่นใจว่าผู้คนและสถานประกอบการจะได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันในการเข้าถึงทรัพยากรทางธรรมชาติ ซึ่งจะเป็นขั้นตอนสำคัญสำหรับแผนการพัฒนาโครงการต่างๆ ในอนาคต
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังถูกขอให้ตรวจสอบและวางแผนกลยุทธ์ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการดูแลและจัดการปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศ
สำหรับโครงการ Formosa กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมควรตรวจสอบการผลิตและเทคโนโลยีที่ใช้ดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวด รวมถึงควรที่จะต้องทำให้มั่นใจว่าจะมีการปฏิบัติตามระเบียบอย่างเคร่งครัด
แหล่งที่มา : หนังสือพิมพ์ Saigon Times วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2560 หน้า 3
******************************
ศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในนครโฮจิมินห์
อีเมลสถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์
ติดต่อทั่วไป
แผนกเศรษฐกิจ
แผนกกงสุล (หนังสือเดินทาง, นิติกรณ์และทะเบียนราษฎร์, บัตรประชาชน, การตรวจลงตราและรับรองเอกสาร)