วันที่นำเข้าข้อมูล 1 มี.ค. 2560
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 5 พ.ย. 2562
ข่าวเด่นวันที่ 1 มีนาคม 2560
1. สิ่งท้าทายของบ้านราคาถูกในนครโฮจิมินห์
ภาพที่ 1 บ้านราคาถูกในจังหวัดบิงห์เยือง
เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้นำนครโฮจิมินห์ได้มีความพยายามในการศึกษาวิธีการสร้างบ้านราคาถูกราคา 100 ล้านด่ง ต่อ 1 ห้อง ดังที่จังหวัดบินห์เยืองทำได้สำเร็จ ซึ่งโครงการนี้ถูกประเมินว่าจะได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้ที่มีรายได้ต่ำ ในปัจจุบัน แรงงานที่ความต้องการที่จะมีบ้านพักอาศัยเป็นของตัวเองทั้งประเทศเวียดนามจำนวน 1.7 ล้านคน แต่ในปัจจุบันบ้านราคาถูกที่มีทั้งประเทศสามารถรองรับความต้องการการมีบ้านพักอาศัยได้เพียงร้อยละ 8 – 10 เท่านั้น
จากรายงานของสำนักงานการก่อสร้างนครโฮจิมินห์ เฉพาะแค่นครโฮจิมินห์มีแรงงานจากต่างจังหวัดประมาณ 1.2 ล้านคน มีความต้องการมีบ้านราคาถูก การที่จะหาบ้านให้พวกเขาเหล่านั้นดูเหมือนว่าจะเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้นครโฮจิมินห์สามารถดึงดูดแรงงานให้เข้ามาพัฒนานครแห่งนี้ต่อไปได้ในอนาคตอันใกล้ แต่ก็เกิดข้อท้าทายขึ้นว่านครโฮจิมินห์จะสามารถทำได้จริงๆ หรือไม่ เพราะว่าการที่บินห์เยืองสามารถดำเนินโครงการบ้านราคาถูกได้สำเร็จเป็นเพราะว่าผู้นำจังหวัดมีความกระตือรือร้น มีที่ดินเพียงพอ และมีราคาที่ดินถูก รวมทั้งผู้นำสร้างเงื่อนไขที่เอื้อประโยชน์ให้แก่นักลงทุน ซึ่งในขณะที่นครโฮจิมินห์มีพื้นที่คับแคบ เหลือแค่พื้นที่อำเภอนอกตัวนครซึ่งยังมีพื้นที่อยู่เยอะและราคาค่อนข้างถูกเช่น อำเภอ Cu Chi อำเภอ Hoc Mon และอำเภอ Can Gio ซึ่งก็จะเกิดคำถามที่ตามมาคือทางนครโฮจิมินห์จะสามารถพัฒนาพื้นที่เหล่านั้นเพื่อเคลื่อนย้ายผู้คนออกจากตัวเมืองได้หรือไม่ ?
สำนักงานการก่อสร้างนครโฮจิมินห์ก็ได้รายงานว่านับตั้งแต่ตอนนี้จนถึงปี พ.ศ. 2563 นครโฮจิมินห์มีพื้นที่เพื่อจะสร้างโครงการบ้านราคาถูกประมาณ 72,000 หลัง / ห้อง ซึ่งจะสามารถรองรับความต้องการของผู้มีรายได้น้อยได้ส่วนหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตาม ราคาที่สามารถขายได้ยังคงค่อนข้างสูงซึ่งมีราคาประมาณ 13 ล้านด่งต่อ 1 ตารางเมตร
นาย Thanh ผู้อำนวยการบริษัท Hoang Anh Sai Gon กล่าวว่า ในปัจจุบัน ที่ดินในนครโฮจิมินห์ไม่มีที่ไหนมีราคาต่ำกว่า 10 ล้านด่ง ต่อ 1 ตารางเมตร ซึ่งจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำให้ที่ดินราคาต่ำกว่า 10 ล้านด่ง ต่อ 1 ตารางเมตรในการสร้างบ้านราคาถูกเหล่านั้น นอกจากนั้น เงินเดือนของผู้ใช้แรงงานยังไม่สามารถซื้อบ้านที่มีราคาเพิ่มขึ้นทุกวันๆ ได้
อีกข้อท้าทายคือการหานักลงทุนมาลงทุนในโครงการนี้ยาก เพราะเสี่ยงที่จะขาดทุนสูง นาย Le Hoang Chau ประธานสมาคมอสังหาริมทรัพย์นครโฮจิมินห์กล่าวว่า รัฐบาลสามารถจะช่วยเหลือให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จได้หากลดภาษีการใช้ที่ดินลงในพื้นที่ก่อสร้างบ้านราคาถูก และควรจะลดภาษีมูลค่าเพิ่มเหลือร้อยละ 5 เพื่อที่จะดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาลงทุนในโครงการสร้างบ้านเหล่านี้ นอกจากนั้นรัฐบาลควรอนุมัติโครงการที่จะให้ธนาคารเพื่อนโยบายทางสังคมให้ผู้มีรายได้ต่ำกู้ยืมเงิน 1,000 พันล้านด่ง ให้กู้ยืมซื้อบ้านราคาถูก
นาย Nguyen Van Duc รองผู้อำนวยการบริษัท Dia Oc Dat Lanh บริษัทรับก่อสร้างบ้านราคาถูก กล่าวว่าหากนครโฮจิมินห์มีนโยบายที่จะพัฒนาการสร้างบ้านราคาถูกนี้โดยพัฒนาพื้นที่รอบๆ พื้นที่ก่อสร้างอย่างจริงจัง และยินยอมให้สร้างตึก 5 ชั้น โดยมีราคาห้องละ 200 – 300 ล้านด่ง เหล่าบริษัทผู้พัฒนาโครงการบ้านราคาถูกก็จะสนใจลงทุนอย่างมาก
ในประเทศกำลังพัฒนา การแก้ไขปัญหาหาที่อยู่ให้ผู้ใช้แรงงานที่เข้ามาทำงานในเมืองใหญ่ๆ ก็เป็นข้อท้าทายที่สำหรับหลายๆ ประเทศ ยกตัวอย่างเช่นประเทศจีน ถึงแม้ว่าจะมีนโยบายลดภาษี ลดราคาบ้าน นโยบายให้ผู้มีรายได้ต่ำกู้ยืมเงิน และมีกองทุนสำรองเพื่อการซื้อบ้าน (Housing Provident Fund) แต่รัฐบาลจีนก็ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ เพราะจังหวัดต่างๆ ในประเทศจีนมองว่าเอาเงินที่รัฐบาลกลางให้มาไปทำประโยชน์อย่างอื่นดีกว่า นอกจากนั้นการกู้ยืมเงินก็ยังค่อนข้างยาก เพราะจะสามารถให้กู้ยืมได้สำหรับผู้ที่ทำงานประจำเท่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากในผู้ใช้แรงงาน
ที่มา นิตยสาร Nhip Cau Dau Tu เล่มที่ 520 วันที่ 20 – 26 กุมภาพันธ์ 2560 หน้า 6 – 7
2. อุตสาหกรรมสีเขียวในจังหวัดลองอาน
นาย Phan Nhan Duy ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดลองอานได้กล่าวว่า ทางจังหวัดได้เปลี่ยนให้อุตสาหกรรมต่างๆ ในจังหวัดกลายเป็นอุตสาหกรรมสีเขียว เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ทำลายธรรมชาติ และมีการจัดการอย่างยั่งยืน
จังหวัดลองอานมีพื้นที่อุตสาหกรรม 28 แห่ง และมี Industrial Park Complex อยู่ 16 แห่ง มีโรงงานมากกว่า 1,000 โรงงาน และมียอดมูลค่าเงินลงทุนรวมมากกว่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งทุกบริษัทจะต้องส่งรายงานเกี่ยวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในการดำเนินงานเพื่อที่จะได้รับใบอนุญาตในการลงทุน บริษัทเหล่านี้จะต้องมีเครื่องมือบำบัดน้ำเสียและขยะของตนเอง และมีบริษัทหลายแห่งได้ลงทุนในการใช้เทคโนโลยีการจัดการสิ่งแวดล้อมชั้นสูง
การส่งออกสินค้าจากบริษัทต่างๆ เหล่านี้ในเขตอุตสาหกรรมและ Industrial Park Complex มีมูลค่ามากกว่าร้อยละ 50 ของการส่งออกทั้งหมดของจังหวัด หรือนับเป็นมูลค่ามากกว่า 4 พันล้านด่ง ซึ่งได้เปลี่ยนให้จังหวัดลองอานกลายจากเดิมเป็นจังหวัดที่เน้นการเกษตรเป็นจังหวัดที่เน้นอุตสาหกรรมไปเรียบร้อยแล้ว
นาย Le Anh Hieu ผู้อำนวยการการตลาดของบริษัท Long Hau ซึ่งเป็นผู้พัฒนาเขตอุตสาหกรรม Long Hau ในอำเภอ Can Duoc กล่าวว่าบริษัทของเขามุ่งเป้าไปที่การปกป้องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และเขตอุตสาหกรรมก็ได้กำชับให้โรงงานบริษัทต่างๆ ที่อยู่ในเขต ใส่ใจเรื่องการดูแลสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ระบบการจัดการของเสียของพวกเขามีมูลค่ามากกว่า 10 พันล้านด่ง ซึ่งไม่นานมานี้ได้เพิ่มความสามารถในการจัดการน้ำเสียจาก 2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน เป็น 6,500 ลูกบาศก์เมตร ต่อวัน และใช้น้ำที่บำบัดแล้วในการรดน้ำต้นไม้ในเขตอุตสาหกรรม
เจ้าหน้าที่เมืองลองอานควบคุมดูแลระดับผิวน้ำและคุณภาพอากาศเป็นประจำ นอกจากนั้นก็ได้มีการวิจัยด้านสิ่งแวดล้อมเช่นการดูแลพื้นที่อยู่อาศัยไม่ให้ได้รับสารปนเปื้อนจากของเสีย ทางจังหวัดมีมาตรการปกป้องและดูแลสิ่งแวดล้อม และสนับสนุนให้บริษัทต่างๆ ในจังหวัดใช้เทคโนโลยีสะอาด เพื่อการผลิตที่สะอาด ได้มาตรฐาน ISO 1400 และไม่กระทบต่อพื้นที่อยู่อาศัย
ที่มา Vietnamnews วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2560 หน้า 4
3. การอนุมัติการสร้างโครงการรีสอร์ทมูลค่าหลายล้านดอลลาร์สหรัฐในเมืองฮอยอันได้สร้างความกังวลต่อคนท้องถิ่น
จากการรายงานของสำนักข่าว VietnamNet ย้อนไปเมื่อปี พ.ศ.2551 คณะกรรมการประชาชนจังหวัดกว่างนามได้อนุมัติโครงการสร้าง Gami Hoi An ซึ่งเป็นหมู่บ้านการท่องเที่ยวเชิงนิเวศโดยบริษัท Gami Hoi An JSC อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครทราบ นักลงทุนได้ล้มเลิกการก่อสร้างโครงการดังกล่าว
ในปี พ.ศ. 2558 จังหวัดกว่างนามได้เพิกถอนใบอนุญาตบริษัท Gami และทางจังหวัดก็ได้พยายามหลายต่อหลายครั้งในการหาผู้ลงทุนรายอื่น อย่างไรก็ตามในปี พ.ศ. 2559 เจ้าหน้าที่ตัดสินใจให้โอกาสทางโครงการอีกครั้งหนึ่ง
โครงการ The Gami Hoi An Plaza เป็นรีสอร์ทที่ตั้งอยู่บนเกาะเล็กๆ สองเกาะห่างจากกลางเมืองฮอยอันอยู่ 400 เมตร พื้นที่ทั้งหมด 11 เฮกตาร์ ถูกออกแบบให้มีโรงแรมระดับ 5 ดาว วิลล่าที่หรูหรา พื้นที่การค้า ศูนย์ประชุมและท่าเทียบเรือ
ในขณะที่หน่วยงานท้องถิ่นคาดหวังว่าโครงการนี้จะนำมาซึ่งนักท่องเที่ยวผู้ร่ำรวยจำนวนมาก หากแต่คนท้องถิ่นยังมีความกังวลว่าโครงการนี้จะส่งผลกระทบเชิงลบต่อชีวิตความเป็นอยู่แบบวัฒนธรรมของชาวเมืองฮอยอัน
นาย Nguyen Su อดีตเลขาธิการคณะกรรมการพรรคเมืองฮอยอัน ได้ถกประเด็นเรื่องการอนุมัติความสูงของโครงการนี้ ในปัจจุบัน โครงสร้างใหม่ในฮอยอันสามารถสูงได้เพียง 13.5 เมตรเท่านั้นเพื่อรักษาความสมดุลกับส่วนที่เหลือของเมือง อย่างไรก็ตามแบบแผนของบริษัท Gami สำหรับรีสอร์ทใหม่มีอาคารที่มีความสูง 16.5 เมตร ซึ่งการรักษากฏเหล่านี้ถูกเพิกเฉยจากทางเจ้าหน้าที่ และเขาไม่คิดว่าโครงการนี้จะเป็นโครงการที่สำคัญเกินกว่าจะสามารถละเลยกฏที่ตั้งมาไว้ก่อนหน้าได้ เจ้าหน้าที่ของเมืองไม่ควรปล่อยให้เกิดโครงการที่จะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ทั้งหมดของเมืองฮอยอัน นอกจากนั้นเกาะเล็กๆ สองเกาะดังกล่าวมีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศซึ่งเป็นเขตกั้นระหว่างเมือง รวมถึงองค์การยูเนสโกได้รองรับให้ Cu Lao Cham เป็นเขตพื้นที่สงวนชีวมณฑล หากในระหว่างการดำเนินงาน แม่น้ำมีความเสียหายและเกาะเล็กๆ นั้นถูกแทนที่ด้วยคอนกรีตหรือตึกสูง อนาคตของฮอยอันจะถูกทำลายลง
ดร. Chu Manh Trinh ผู้เชี่ยวชาญด้านเขตสงวนชีวมณฑล Cu Lao Cham ได้แสดงความเห็นด้วยกับนาย Su ว่างานก่อสร้างในเกาะ 2 เกาะ นี้ ควรจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด นอกจากนั้นแล้ว ดร. Trinh ยังได้กล่าวว่า ในการตรวจสอบล่าสุดของสถานที่ดำเนินงาน ทีมงานของเขาเห็นสัญญาณของการกัดเซาะที่เกิดจากการพัฒนาโครงการและการขโมยทรายจากในพื้นที่
แหล่งที่มา : Saigoneer วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2560
URL : http://saigoneer.com/saigon-development/9353-proposed-hoi-an-resort-sparks-environmental-concerns
ภาพที่ 2 รูปแบบโครงการรีสอร์ทซึ่งกำลังสร้างความวิตกกังวลให้กับคนในพื้นที่
4. นครโฮจิมินห์จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกทางการแพทย์ที่ดีกว่าสิงคโปร์ภายในปี พ.ศ. 2563
กรมการแพทย์นครโฮจิมินห์รายงานว่า นครโฮจิมินห์สามารถมีสิ่งอำนวยความสะดวกทางการแพทย์ที่ดีกว่าสิงคโปร์ภายในปี พ.ศ. 2563
จากการรายงานของสำนักข่าว Tuoi Tre นาย Nguyen Tan Binh ผู้อำนวยการสำนักงานการแพทย์ของนครโฮจิมินห์กล่าวว่า อุปสรรคเดียวที่กั้นระหว่างสิ่งอำนวยความสะดวกทางแพทย์ระดับโลกกับนครโฮจิมินห์คือเงินทุนที่ไม่เพียงพอ ซึ่งทางกรมการแพทย์ไม่ได้ขาดทรัพยากรมนุษย์ หากแต่ขาดเงินลงทุน
ศูนย์คลอดบุตรและศูนย์กุมารเวชศาสตร์หลายแห่งในโรงพยาบาลในนครโฮจิมินห์ได้รับการยอมรับว่ามีการจัดการที่มีคุณภาพ เช่นเดียวกับพนักงานทางการแพทย์หลายคนที่มีความสามารถ และเชื่อว่าอีกไม่นานจะสามารถให้บริการทางการแพทย์ในระดับเดียวกับโรงพยาบาลในทวีปยุโรปหรือประเทศสหรัฐอเมริกาได้
นาย Binh ยังได้อ้างถึงศูนย์พัฒนาเทคโนโลยีชั้นสูงทางการแพทย์ในอำเภอ Binh Chanh ชุมชน Tan Kien ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการก่อสร้าง เมื่อแล้วเสร็จจะสามารถให้บริการรองรับผู้ป่วยได้ถึง 2,600 คน
อย่างไรก็ตาม ทางการได้ตั้งข้อสังเกตุว่านครโฮจิมินห์จำเป็นต้องมีนโยบายที่ยืดหยุ่นเพื่ออนุญาตให้มีความร่วมมือภาครัฐและภาคเอกชนในด้านการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกทางการแพทย์ รวมถึงการให้นักลงทุนเอกชนดำเนินการพัฒนาร่วมกับหน่วยงานของรัฐบาลด้วย
ในปีที่แล้ว สำนักข่าวต่างๆ ได้รายงานบทความหลายๆบทความ ว่าหนึ่งในเหตุผลของการที่คนเวียดนามใช้เงินเป็นพันล้านดอลลาร์ในการเข้ารับการรักษาทางแพทย์ที่ต่างประเทศนั่นก็คือ แพทย์ชาวต่างชาติมีทัศนคติดีและใส่ใจคนไข้ หากการพัฒนาการแพทย์ในนครโฮจิมินห์มีการพัฒนาที่ก้าวหน้าตามแผนที่หน่วยงานได้วางไว้ ผู้ป่วยจะไม่จำเป็นต้องเดินทางไปสิงคโปร์เพื่อรักษาโรคร้ายแรง และใช้จ่ายเงินที่น้อยกว่ามาก
แหล่งที่มา : Saigoneer วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2560
URL: http://saigoneer.com/saigon-health/9404-saigon-will-have-better-medical-facilities-than-singapore-by-2020-health-official
***********************
ศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในนครโฮจิมินห์
อีเมลสถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์
ติดต่อทั่วไป
แผนกเศรษฐกิจ
แผนกกงสุล (หนังสือเดินทาง, นิติกรณ์และทะเบียนราษฎร์, บัตรประชาชน, การตรวจลงตราและรับรองเอกสาร)