วันที่นำเข้าข้อมูล 9 มี.ค. 2560
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 6 พ.ย. 2563
ข่าวเด่นวันที่ 7 มีนาคม 2560
1. ความต้องการบุคลากรด้านเทคโนโลยีสารสนเทศกำลังเพิ่มขึ้นสูง
ภาพที่ 1 VietnamWorks จัดกิจกรรมให้ความรู้ในการหางาน
เว็บไซต์ VietnamWorks เว็บไซต์หางานชั้นนำในเวียดนามได้เปิดเผยว่า ความต้องการบุคลากรในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศได้เพิ่มขึ้นสูงในช่วงระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นอีกมากในอนาคตอันใกล้นี้ ในปี พ.ศ. 2557 จำนวนงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศบนเว็บไซต์มีจำนวน 6,798 งาน แต่ในปี พ.ศ. 2559 ก็เพิ่มขึ้นสูงเป็น 17,997 งาน และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นอีกมากในอนาคตอันใกล้นี้
เว็บไซต์ VietnamWorks ระบุว่า ประเทศเวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่มีค่าจ้างบุคลากรในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศต่ำ และมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในอุตสาหกรรมนี้ ในอดีต อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศมักจะถูกใช้โดยบริษัทใหญ่ๆ เท่านั้น แต่ในปัจจุบัน เกือบจะทุกๆ บริษัทสนใจในด้านคุณภาพการให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและบริษัทต่างๆ ก็ได้ตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาสินค้าในเวียดนามด้วยตนเอง
นครโฮจิมินห์ยังคงเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ในปี พ.ศ. 2559 มีจำนวนงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศในนครโฮจิมินห์ที่ถูกประกาศบนเว็บไซต์ถึงร้อยละ 53 นอกจากนั้นจากการสำรวจบนเว็บไซต์ เงินเดือนของบุคลากรในสายงานนี้ยังค่อนข้างน่าสนใจ นักวิศวกรรมซอฟต์แวร์ในเวียดนามมีรายได้ถึง 1,300 – 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือมากกว่านั้น ต่อ 1 เดือน หากพวกเขามีประสบการณ์และความรู้ความสามารถเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ๆ และผู้ทำการสำรวจบนเว็บไซต์ร้อยละ 81 กล่าวว่าพวกเขามีเงินเดือนเพิ่มถึงปีละร้อยละ 6 – 20 ผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนร้อยละ 40 ระบุว่าพวกเขาคิดจะเปลี่ยนงานหากได้รับเงินเดือนและสิทธิประโยชน์ที่เพิ่มมากขึ้น ใบประกาศนียบัตรเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการพิจารณารับเข้าทำงาน บริษัทร้อยละ 54 มักจะมอบเงินเดือนให้ผู้สมัครที่มีใบประกาศนียบัตรทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
การแข่งขันในตลาดที่มีความเข้มข้นขึ้นทุกวันก็ส่งผลทำให้บริษัทต่างๆ ต้องปรับปรุงเงินเดือนและสิทธิประโยชน์ที่น่าสนใจเพื่อที่จะดึงดูดบุคลากรทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของพวกเขาไว้ และผู้ว่าจ้างยังได้มอบพื้นที่ทำงานที่ดีขึ้น โอกาสทางอาชีพ โบนัส เวลาการทำงานที่ยืดหยุ่น และก็มอบหุ้นของบริษัทให้ด้วย นอกจากนั้นบริษัทต่างชาติบางบริษัทก็ได้มอบเส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพให้กับพวกเขาเช่นการให้ไปฝึกฝนทักษะที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ทวีปยุโรป ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย
บริษัทส่วนมากต้องการผู้เชี่ยวชาญโปรแกรม JavaS-cript โปรแกรม PHP โปรแกรม C# โปรแกรม HTML 5 และโปรแกรม Java เข้ามาทำงานในบริษัท นอกจากนั้น ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในด้าน โปรแกรม Cloud Computing การรักษาความปลอดภัยของเครือข่าย โปรแกรม Big Data โปรแกรม Internet of Thing และ โปรแกรม Docker ก็เป็นที่ต้องการมากเช่นกัน
ที่มา หนังสือพิมพ์ The Saigon Times Daily วันที่ 7 มีนาคม 2560 หน้าที่ 1
2. การส่งออกปลาทูน่าในสามจังหวัดภาคกลางมีอนาคตที่สดใส
จำนวนปลาทูน่าที่จับได้ในสามจังหวัดภาคกลางติดชายทะเลในช่วงเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ ปี พ.ศ. 2560 เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยมีจำนวนทั้งหมด 3,540 ตัน ซึ่งก็หมายความว่าบริษัทท้องถิ่นของเวียดนามที่ประกอบอุตสาหกรรมปลาทูน่าจะมีการส่งออกไปยังต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ตามรายงานของกระทรวงการเกษตรและการพัฒนาชนบท จังหวัดทั้งสามที่มีการจับปลาทูน่าได้มากคือจังหวัดบิ่งดิ่ง จังหวัดฟู้เอียน และจังหวัดคั้นหว่า การส่งออกปลาทูน่าในปีนี้ถูกคาดว่าจะสามารถส่งออกได้มากกว่าปีที่แล้ว ถึงแม้ว่าใน 2 เดือนแรกของปี พ.ศ. 2560 จังหวัดฟู้เอียนสามารถจับปลาทูน่าได้ 432 ตัน ลดลงจากปีที่แล้วร้อยละ 27 แต่อีกสองจังหวัดกลับมีตัวเลขเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งจังหวัดบิ่งดิ่งสามารถจับปลาทูน่าได้ 2,276 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 22 และจังหวัดคั้นหว้าสามารถจับปลาได้ 832 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 68 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี พ.ศ. 2559
ตามรายงานของสมาคมผู้ผลิตและส่งออกอาหารทะเลเวียดนาม (VASEP) ในปีที่แล้ว เวียดนามส่งออกปลาทูน่าแช่แข็งสู่สหภาพยุโรปได้รับส่วนแบ่งทางการตลาดเพียงร้อยละ 12 อันที่จริงแล้วในปี พ.ศ. 2559 การส่งออกปลาทูน่าสามารถสูงขึ้นได้ แต่เป็นเพราะว่าจำนวนปลาทูน่าที่จับได้ในประเทศมีจำนวนลดลง ทำให้บริษัทท้องถิ่นจำเป็นต้องนำเข้าผลิตภัณฑ์จากประเทศเพื่อนบ้านเพื่อเพิ่มราคาส่งออก ซึ่งทำให้ความสามารถในการแข่งขันในตลาดสหภาพยุโรปลดลง
คณะกรรมาธิการยุโรปได้เสนอให้คณะกรรมมาธิการ Inter-American Tropical Tuna Commission (IATTC) ออกมาตราการที่เข้มงวดกับเรือจับปลาทูน่าและการจับปลาอื่นๆ ของประเทศสมาชิกให้ได้มาตรฐาน ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เวียดนามมีอยู่แล้วและคาดว่าการส่งออกปลาทูน่าไปยังยุโรปจะเพิ่มขึ้นสูงในช่วงระยะเวลาอันใกล้นี้
ปี พ.ศ. 2559 เวียดนามส่งออกปลาทูน่ามีมูลค่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 หลังจากลดลงมา 3 ปีติดต่อกัน
ที่มา หนังสือพิมพ์ The Saigon Times Daily วันที่ 7 มีนาคม 2560 หน้าที่ 2
3. นครโฮจิมินห์ต้องการแหล่งเงินทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน 50 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ภายในปี พ.ศ. 2573 นครโฮจิมินห์จะต้องการเงินทุนประมาณ 50 พันล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และยินดีที่จะให้ธนาคาร Asian Infrastructure Investment Bank (AIIB) เข้ามาลงทุนสนับสนุนในโครงการต่างๆ
นาย Dinh La Thang เลขาพรรคคอมมิวนิสต์นครโฮจิมินห์ ได้พบปะกับนาย Jin Luqun ประธานธนาคาร AIIB ในวันที่ 6 มีนาคม 2560 ที่นครโฮจิมินห์ และได้กล่าวว่าการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เป็นสิ่งที่สำคัญต่อการพัฒนาประเทศ ดังนั้น นครโฮจิมินห์มีความต้องการที่จะประสานงานและร่วมมือกับสถาบันทางด้านการเงินระดับนานาชาติ ซึ่งก็คือธนาคาร AIIB ซึ่งจะทำให้ทั้งสองฝ่ายได้รับประโยชน์ทั้งคู่
นาย Jin Liqun กล่าวว่า ทางธนาคารมีความประทับใจกับการพัฒนาอย่างรวดเร็วของเวียดนามและสัญญาว่าจะช่วยเหลือทางด้านการเงินในโครงการพัฒนาต่างๆ ของเวียดนาม โดยเฉพาะโครงการการพัฒนานครโฮจิมินห์ เช่นการแก้ไขปัญหาการจราจร การบำบัดน้ำเสีย และการพัฒนาเขตตัวเมือง
นอกจากนั้นแล้ว นาย Jin Liqun ยังได้สัญญาว่าจะให้เครดิตเงินกู้กับนักลงทุนภาคเอกชนที่สนใจในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอีกด้วย
แหล่งที่มา Vietnam Investment Review วันที่ 6 มีนาคม 2560
URL: http://www.vir.com.vn/hcmc-seeks-us-50-billion-for-infrastructure-development.html
4. โครงการพัฒนาพื้นที่ขนาดใหญ่ในอำเภอ Cu Chi
โครงการหลักของบริษัท Tuan Chau Group ที่จะมีการดำเนินการในทศวรรษหน้าคาดว่าจะทำให้นครโฮจิมินห์ กลายเป็นไข่มุกแห่งเอเชียตะวันออกไกลได้อีกครั้ง
นาย Nguyen Thanh Phong ประธานคณะกรรมการประชาชนโฮจิมินห์ได้อนุมัติให้บริษัท Tuan Chau Group พัฒนาโครงการ Saigon New City ซึ่งโครงการนี้มีพื้นที่กว่า 15,000 เฮกตาร์ ครอบคลุมบริเวณอำเภอ Cu Chi ด้วยเงินลงทุนกว่า 65 ล้านล้านเวียดนามด่ง (2.88 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) คาดว่าโครงการ Saigon new City จะมีขนาดพื้นที่ใหญ่กว่าพื้นที่ในเมืองของนครโฮจิมินห์ เช่นพื้นที่ Thu Thiem ในเขต 2 และพื้นที่ Phu My Hunng ในเขต 7 เป็นสิบห้าเท่า
นาย Nguyen Thanh Phong กล่าวในงานประชุมครั้งล่าสุดที่จัดขึ้นโดยสำนักงานผังเมืองและสถาปัตยกรรมนครโฮจิมินห์ว่า ทางหน่วยงานนครโฮจิมินห์ได้เห็นชอบต่อข้อเสนอของบริษัท Tuan Chau Group อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทควรมุ่งเน้นการพัฒนาเฉพาะพื้นที่ดังกล่าวเพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดในการดำเนินโครงการ
ตั้งแต่ต้นปี.ศ. 2560 เป็นต้นมา ทางบริษัท Tuan Chau Group ได้ทำการศึกษาพื้นที่ในอำเภอ Cu Chi และจัดตั้งศูนย์วิจัยในพื้นที่ นอกจากโครงการ Saigon New City แล้ว ทางบริษัทยังได้เสนอโครงการอื่นๆ เช่น โครงการ Saigon Riverside Boulevard ซึ่งเป็นโครงการติดทะเลสาบในอำเภอ Cu Chi รวมถึงโครงการจัดตั้งศูนย์อาหารทะเลในอำเภอ Can Gio และโครงการย้ายตลาด Kim Bien ตลาดอุปกรณ์เคมีในเขต 5 ออกไปยังนอกเขตตัวเมืองอีกด้วย
บริษัท Tuan Chau Group จะจัดตั้งศูนย์ควบคุมดูแลการประมงในศูนย์อาหารทะเลอำเภอ Can Gio เพื่อจัดการเรือและบริการหาปลาทั้งในและนอกเวียดนาม ในขณะเดียวกัน ตลาด Kim Bien ที่มีอายุกว่า 50 ปีเป็นตลาดขายส่งสินค้าผลิตภัณฑ์เคมีต่างๆ ในนครโฮจิมินห์และจังหวัดในภาคใต้ ซึ่งตำแหน่งที่ตั้งของตลาดในตอนนี้ไม่เหมาะสมสำหรับการพัฒนาพื้นที่อีกต่อไป อีกทั้งการย้ายพื้นที่ตลาดไปยังนอกเมืองนั้นมีความเหมาะสมมากกว่าสำหรับแผนพัฒนาเมืองและจะช่วยลดปัญหาจราจรติดขัดอีกด้วย
แหล่งที่มา : หนังสือพิมพ์ Vietnam Investment Review ฉบับวันที่ 6-12 มีนาคม 2560 หน้าที่ 16
อีเมลสถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์
ติดต่อทั่วไป
แผนกเศรษฐกิจ
แผนกกงสุล (หนังสือเดินทาง, นิติกรณ์และทะเบียนราษฎร์, บัตรประชาชน, การตรวจลงตราและรับรองเอกสาร)