ข่าวเด่นวันที่ิ 7 เมษายน 2560

ข่าวเด่นวันที่ิ 7 เมษายน 2560

วันที่นำเข้าข้อมูล 7 เม.ย. 2560

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 5 พ.ย. 2562

| 841 view

ข่าวเด่นวันที่ 7 เมษายน 2560

1.บริษัท Lee & Man จะต้องจ่ายค่าเสียหายจำนวนมากหากไม่สามารถฟื้นฟูสภาพแวดล้อมให้กลับมาเป็นแบบเดิมได้


นาย Tran Phong ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคใต้สังกัดกรมสิ่งแวดล้อมได้กล่าวในที่ประชุมระหว่างสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคใต้ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเหิ่วยาง ตัวแทนบริษัท Lee & Man และชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษจากโรงงานผลิตกระดาษ Lee & Man (หมู่บ้าน Mai Dam อำเภอ Chau Thanh จังหวัดเหิ่วยาง) วันที่ 3 เมษายน 2560 ที่สำนักงานคณะกรรมการประชาชนหมู่บ้าน Mai Dam ว่าบริษัท Lee & Man จะต้องจ่ายค่าเสียหายจำนวนมากหากไม่สามารถฟื้นฟูสภาพแวดล้อมให้กลับมาเป็นแบบเดิมได้
ในการประชุมดังกล่าว มีครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบจำนวน 30 ครัวเรือนเข้าร่วมประชุมและให้ความคิดเห็นของผลกระทบที่พวกเขาได้รับเช่นฝุ่นควัน กลิ่นเหม็นเน่า และเสียงที่ดังเกินไป นาย Tran Phong กล่าวว่า บริษัท Lee & Man ได้ให้คำมั่นว่าภายในต้นเดือนพฤษภาคมนี้พวกเขาจะแก้ไขปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมให้สำเร็จ และนาย Tran Phong ได้ร้องขอให้บริษัททำรายงานสรุปผลการดำเนินงานในการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมหลังจากดำเนินการเสร็จด้วยเพื่อให้ประชาชนทั่วไปสามารถติดตาม ตรวจสอบ และแจ้งต่อหน่วยงานที่รับผิดชอบ นอกจากนั้น ยังร้องขอให้คณะกรรมการตรวจสอบดูแลสิ่งแวดล้อมจังหวัดเหิ่วยางพยายามทำงานให้รัดกุมมากขึ้นในการดูแลสิ่งแวดล้อมเพื่อที่จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงทีและขอร้องต่อประชาชนทั่วไปว่าหากพบเจอเหตุการณ์ใดที่เกี่ยวข้องกับการทำลายสิ่งแวดล้อมหรือทำให้สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรมลง ขอให้ประชาชนแจ้งต่อพนักงานที่รับผิดชอบทันที
กรมสิ่งแวดล้อมและคณะกรรมการประชาชนจังหวัดเหิ่วยางได้ขอให้บริษัท Lee & Man รีบเร่งในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ติดตั้งเครื่องดูดฝุ่นใหม่ ติดตั้งเครื่องทำน้ำสะอาด และติดตั้งอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม นาง Le Thi Yen Tuyet ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบกล่าวว่า ในช่วงเช้าของ 2 วันมานี้ กลิ่นเหม็นเน่าที่มาจากโรงงานผลิตกระดาษ Lee & Man ลดลง แต่ในช่วงเย็นกลิ่นเหม็นเน่านั้นก็ยังเหมือนเดิม
นาย Tran Phong กล่าวเสริมว่า การทำกิจการใดๆ ที่เป็นอันตรายต่อผู้อยู่อาศัยและประชาชนทั่วไปเป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถยอมรับได้ หากบริษัท Lee & Man ซึ่งได้ลงทุนเป็นจำนวนมากในโรงงานนี้ยังอยากที่จะดำเนินกิจการต่อไป บริษัทจะต้องฟื้นฟูสภาพสิ่งแวดล้อมให้กลับมาเหมือนเดิม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะเข้ามาตรวจสอบและจับตาดูเป็นกรณีพิเศษ หากบริษัทไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ แน่นอนว่าบริษัทจะต้องจ่ายค่าชดเชยให้รัฐบาลตามกฏหมายที่มีอยู่
ที่มา หนังสือพิมพ์ Thanh Nien วันที่ 4 เมษายน 2560 หน้า 8    

 

 



2.เกษตรกรในจังหวัดเตียนยางปลูกพืชผักที่ได้รับมาตรฐาน VietGAP สามารถสร้างรายได้กว่า 5 พันล้าน ด่งต่อปี


ชาวเกษตรที่ปลูกพืชผักที่ได้รับมาตรฐาน VietGAP ด้วยพื้นที่แค่ 16 เฮกตาร์จากสหกรณ์อำเภอเมือง Go Cong สามารถปลูกพืชผักได้ประมาณ 800 ตันต่อปีแต่มีรายได้กว่า 5 พันล้านด่ง
สหกรณ์อำเภอเมือง Go Cong ได้ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2549 ตั้งอยู่ที่อำเภอเมือง Go Cong จังหวัดเตียนยาง มีสมาชิกทั้งหมด 62 ครัวเรือน โดยเน้นการส่งออกพืชผักปลอดสารพิษที่ได้รับมาตรฐาน VietGAP
นาย Nguyen Van An ผู้อำนวยการของสหการณ์ดังกล่าวกล่าวว่า การปลูกพืชผักปลอดสารพิษที่ได้รับมาตรฐาน VietGAP คือแผนการหลักในการพัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัด โดยเมื่อจังหวัดได้ประกาศแผนการดังกล่าว ทุกๆ หน่วยงานได้ร่วมมือกับภาคเอกชนในการจัดตั้งการฝึกสอนการปลูกผักปลอดสารพิษที่มีคุณภาพสูง และในขณะเดียวกันก็มีเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบโดยตรงในการตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานของสินค้าเกษตรของจังหวัด
แท้จริงแล้ว เกษตรกรในพื้นที่ค่อนข้างมีความรู้ในการทำการเกษตรอยู่แล้ว ดังนั้น หลังจากที่แผนการดังกล่าวถูกประกาศใช้ เกษตรกรสามารถนำความรู้ใหม่ไปปรับใช้ได้ทันที โดยปรับมาใช้วิธีการปลูกพืชปลอดสารพิษและมีคุณภาพสูง ทำให้รายได้จากการขายผลผลิตการเกษตรของพวกเขาก็สูงขึ้นอย่างมาก นอกจากนั้น สมาชิกของสหกรณ์อำเภอเมือง Go Cong ยังทำการเกษตรตามฤดูกาล ซึ่งจะตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างดีที่สุด
เพื่อที่จะพัฒนาคุณภาพของผลผลิต ลดค่าใช้จ่ายพ่อค้าคนกลาง และลดระยะเวลาการขนส่งสินค้า สหกรณ์ดังกล่าวได้ลงทุนก่อตั้งโรงงานแปรรูปและบรรจุภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีความปลอดภัย และสมาชิกสหการณ์ก็ได้ลงทุนซื้อพาหนะในการขนส่งสินค้าด้วยตนเอง
ในปัจจุบัน สหกรณ์ผลิตและส่งออกพืชผักกว่า 47 ชนิด เช่น แตง ฟัก ผักบุ้ง แครอท และอื่นๆ โดยผลิตได้ประมาณ 800 ตันต่อปี ในปี พ.ศ. 2559 รายได้ของสหกรณ์มีมูลค่ามากกว่า 5 พันล้านด่ง ผลผลิตส่วนใหญ่จะถูกส่งไปที่ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ โรงเรียน ภัตตาคารในจังหวัดเตียนยางและนครโฮจิมินห์
ที่มา VNexpress วันที่ 3 เมษายน 2560
URL: http://vnexpress.net/tin-tuc/thoi-su/nong-nghiep-sach/thu-hon-5-ty-dong-tu-800-tan-rau-vietgap-moi-nam-3563915.html


 

 



3.ทางด่วนในภาคใต้จะเปิดทำการใน พ.ศ. 2562
นาย Trinh Dinh Dung รองนายกรัฐมนตรี กระตุ้นให้กระทรวงคมนาคมและกระทรวงเร่งตรวจสอบโครงการทางด่วน Trung Luong-My Thuan และ My Thuan – Can Tho และเร่งก่อสร้างให้แล้วเสร็จ เพื่อให้สามารถเปิดใช้งานได้ภายในปี พ.ศ. 2562
จากรายงานของสำนักนายก นาย Dung ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นทราบถึงถนนที่ทางกระทรวงคมนาคมให้อนุมัติแผนการศึกษาการก่อสร้างทางด่วน My Thuan – Can Tho และได้กำชับต่อกระทรวงคมนาคมว่าให้เลือกผู้ลงทุนที่มีประสบการณ์เข้ามาลงทุนในโครงการดังกล่าว ควรจะเปิดใช้ทางด่วนเส้นใหม่ควบคู่ไปกับทางด่วน Luong- My Thuan ภายในปี พ.ศ. 2562 และสร้างให้ทางด่วนทั้ง 2 เชื่อมต่อกันให้ได้ นอกจากนั้น หน่วยงานต่างๆ นักลงทุน และผู้ให้คำปรึกษาควรจะร่วมทำงานกับหน่วยงานท้องถิ่นเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว และยังเน้นย้ำถึงความปลอดภัยของสภาพแวดล้อม
ทางด่วน Trung Luong- My Thuan เริ่มสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 โดยมีระยะทางทั้งสิ้น 50 กิโลเมตร และเชื่อมกับทางด่วน HCM City– Trung Luong ในอำเภอ Chau Thanh จังหวัดเตียนยาง นอกจากนี้ยังเชื่อมกับทางหลวงหมายเลข 30 ในอำเภอ Cai be จังหวัดเตียนยางอีกด้วย
โครงการนี้ดำเนินการภายใต้รูปแบบ BOT มีมูลค่าการลงทุนรวม 14.7 ล้านล้านด่ง (646.3 ล้านเหรียญสหรัฐ) มีทางด่วน 4 เลนมีความกว้าง 14 เมตร มีสี่แยกและสะพานลอย 4 แห่ง โดยผู้ก่อสร้างโครงการดังกล่าวจะต้องเวนคืนที่ดินให้กับ 2,300 ครัวเรือน ใน 26 หมู่บ้าน จาก 5 อำเภอในจังหวัดเตียนยาง
ที่มาหนังสือพิมพ์ Vietnam News วันที่ 4 เมษายน 2560 หน้า 2

***************************************
ศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในนครโฮจิมินห์