วันที่นำเข้าข้อมูล 10 เม.ย. 2560
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 1 ก.ย. 2564
ข่าวเด่นวันที่ 10 เมษายน 2560
1. การถอนหุ้นของรัฐบาลในบริษัท Sabeco จะต้องทำอย่างรอบคอบ
ผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนามกล่าวว่า การถอนหุ้นจากบริษัท Sabeco กำลังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการ และอยู่ในขั้นตอนหาวิธีที่จะทำให้รัฐบาลได้กำไรจากการถอนหุ้นมากที่สุด
นาย Do Thang Hai รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าได้หารือเรื่องการถอนหุ้นของบริษัท Sabeco กับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยรัฐบาลได้นำหุ้นของบริษัท Sabeco ไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในตั้งแต่ปี 2559
นาย Do Thang Hai กล่าวว่า ปัญหาในปัจจุบันคือวิธีการขายหุ้นว่าจะขายอย่างไรให้ได้กำไรและไม่ส่งผลกระทบถึงต้นทุนหลักของรัฐบาล การขายหุ้นจะต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับกฎหมายทางหลักทรัพย์ รวมถึงจะต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับทิศทางของนายกรัฐมนตรีคือต้องเปิดเผยและมีความโปร่งใสและไม่ทำให้รัฐบาลเสียผลประโยชน์
นาย Dang Quyet Tien รองอธิบดีกรมการเงินธุรกิจสังกัดกระทรวงการคลังกล่าวว่า ราคาหุ้นที่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แล้วมีความชัดเจนมาก อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นดังกล่าวเป็นแค่เพียงราคาประเมิน และหากผู้ประกอบการรายใดประสงค์ซื้อหุ้นดังกล่าว ควรที่จะสอบถามราคาที่แท้จริงของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วยตนเอง เนื่องจากเป็นหุ้นโดยตรงของรัฐบาลจึงจำเป็นต้องมีการประมูลราคากันเกิดขึ้น โดยรัฐบาลจะค่อยๆ ทยอยปล่อยหุ้นออกไปเรื่อยๆ ตามแผนการที่วางไว้
กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้ากำลังปรึกษากระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและจะดำเนินการตามคำแนะนำของนายกรัฐมนตรีที่ได้ให้ไว้ โดยรัฐบาลมีแผนการจะขายหุ้นบริษัท Habeco และบริษัท Vinamilk เพิ่มเติมในปีนี้อีกด้วย
ที่มา Bao Dau Tu วันที่ 3 เมษายน 2560
http://baodautu.vn/thoai-von-tai-sabeco-phai-dam-bao-khong-lam-that-thoat-von-nha-nuoc-d61322.html
ในปี 2549 ที่ดินในเขต 2 ของนครโฮจิมินห์มีมูลค่าประมาณ 10 ล้านด่งต่อหนึ่งตารางเมตร ในปัจจุบันมีราคาถึง 100 ล้านด่งต่อหนึ่งตารางเมตร ส่วนราคาที่ดินของเขต 9 อยู่ที่ประมาณ 5 – 6 ล้านต่อหนึ่งตารางเมตร ปัจจุบันอยู่ที่ 30 ล้านด่งต่อตารางเมตร
บริษัท DKRA ประกาศผลการสำรวจตลาดอสังหาริมทรัพย์ทางฝั่งตะวันออกของนครโฮจิมินห์ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา โดยในปี 2549 ที่ดินในเขต 2 บริเวณ An Phu – An Khanh มีราคาถูกที่สุดเพียงแค่ 8 ล้านด่งต่อหนึ่งตารางเมตร และสูงสุดอยู่ที่ 20 ล้านด่งต่อหนึ่งตารางเมตร แต่ในปัจจุบันมีมูลค่าสูงถึง 66 – 155 ล้านด่งต่อหนึ่งตารางเมตร ที่ดินบริเวณ Thu Thiem เมื่อสิบปีที่แล้วมีราคาเพียง 9 – 12 ล้านด่งต่อหนึ่งตารางเมตร แต่ในปัจจุบันเพิ่มขึ้นถึง 102 – 155 ล้านด่งต่อหนึ่งตารางเมตร ที่ดินบริเวณ Thanh My Loi เมื่อสิบปีที่แล้วมีราคา 6 – 13 ล้านด่งต่อหนึ่งตารางเมตร ปัจจุบันมีราคา 25 – 80 ล้านด่งต่อหนึ่งตารางเมตร บริเวณ Cat Lai เมื่อสิบปีที่แล้วมีราคา 4 – 7 ล้านด่งต่อหนึ่งตารางเมตร ในปัจจุบันมีราคา 16 – 25 ล้านด่งต่อหนึ่งตารางเมตร
นอกจากนั้น ในปัจจุบัน ราคาที่ดินในเขต 2 บริเวณถนน Nguyen Hoang ถนน Mai Chi Tho และถนนอื่นๆ มีราคาเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 15 – 35 เมื่อเทียบกับปี 2558
ไม่เพียงแค่ในเขต 2 เท่านั้น ราคาที่ดินในเขต 9 ก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก ในปี 2559 ราคาที่ดินบริเวณ Phuoc Long B ถนน Do Xuan Hop และ ถนน Nguyen Duy Trinh มีราคาเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 20 – 30 เมื่อเทียบกับปี 2558 ราคาที่ดินบริเวณนี้เพิ่มขึ้น 3 – 5 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2549
บริษัท DKRA อธิบายว่าเหตุผลที่ทำให้ราคาที่ดินในเขต 2 และเขต 9 เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงระยะเวลา 1 ทศวรรษเพราะว่ามีการพัฒนาของโครงสร้างพื้นฐานมากมายเช่น สะพานข้ามถนน ถนนตัดใหม่ โครงการรถไฟฟ้าสาย 1 ทางด่วน HCM – Long Thanh – Dau Giay และถนนวงแหวน โดยโครงการต่างๆ ข้างต้นจะทำให้เขต 2 กลายเป็นเขตที่มีศักยภาพในการคมนาคมของนครโฮจิมินห์ และเขต 9 ก็ได้รับความนิยมจากนักอสังหาริมทรัพย์เช่นกันเพราะอยู่ติดกับเขต 2
ผู้เชี่ยวชาญทางอสังหาริมทรัพย์ประเมินว่า ราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาเป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็ตาม ราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาปี 2558 – 2560 อาจจะส่งผลเสียต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ของนครโฮจิมินห์ในอนาคตอันใกล้
ที่มา VnExpress วันที่ 4 เมษายน 2560
นครโฮจิมินห์ได้รับการประเมินว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความน่าสนใจมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศเวียดนาม โดยมีนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศมาเยือนเป็นจำนวนมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ดังนั้น สำนักงานการท่องเที่ยวนครโฮจิมินห์จึงได้ร่วมมือกับคณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้โฆษณาการท่องเที่ยวในนครโฮจิมินห์สำหรับปี 2560
ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2560 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเยือนนครโฮจิมินห์มีถึง 1.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับปี 2559 รายได้จากการท่องเที่ยวมากกว่า 27.7 ล้านล้านด่ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.6 เมื่อเทียบกับปี 2559 อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเพิ่มขึ้น นครโฮจิมินห์ก็ยังต้องพัฒนาในเรื่องของคุณภาพสินค้าและบริการเพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวต่างชาติให้มากขึ้น
ภาคเอกชนด้านการท่องเที่ยวของนครโฮจิมินห์กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวและการบริการของนครโฮจิมินห์ยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวได้เพียงพอ สถานที่ท่องเที่ยว สถานที่จับจ่ายใช้สอยและสถานบันเทิงยังมีจำนวนจำกัดซึ่งทำให้นักท่องเที่ยวไม่ค่อยใช้เวลาในนครโฮจิมินห์มากเท่าที่ควร
นาย Alex นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่ได้มาท่องเที่ยวในนครโฮจิมินห์กล่าวว่า ได้มาท่องเที่ยวในนครโฮจิมินห์ครั้งแรกซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่น่าสนใจและงดงามมาก อย่างไรก็ตาม เมื่อตกเย็น นักท่องเที่ยวไม่ทราบว่าควรจะไปท่องเที่ยวกลางคืนที่ไหน ร้านอาหาร ร้านเบียร์ และร้านฟังดนตรีปิดค่อนข้างเร็วเกินไป นอกจากนั้น นครโฮจิมินห์มีการจราจรติดขัดและมีพฤติกรรมการขับขี่ที่อันตรายทำให้นักท่องเที่ยวไม่กล้าออกไปท่องเที่ยวยามค่ำคืน
นาย Bui Ta Hoang Vu ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวนครโฮจิมินห์กล่าวว่า การพัฒนาคุณภาพการท่องเที่ยวและการบริการเป็นเรื่องที่หน่วยงานให้ความใส่ใจอย่างยิ่ง โดยประเด็นคุณภาพสินค้าและบริการได้ถูกบรรจุอยู่ในยุทธศาสตร์การพัฒนาการท่องเที่ยวของนครโฮจิมินห์เรียบร้อยแล้ว นอกจากนั้น นครโฮจิมินห์จะส่งเสริมการท่องเที่ยวในทุกๆ เขตและทุกๆ อำเภอในนครโฮจิมินห์ โดยจะเพิ่มความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวมากขึ้น และนาย Tran Vinh Tuyen รองประธานคณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์กล่าวว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในภาคส่วนที่ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยทางคณะกรรมการประชาชนและสำนักงานการท่องเที่ยวนครโฮจิมินห์จะร่วมมือกันพัฒนาการท่องเที่ยวในนครโฮจิมินห์ให้ดีขึ้นให้ได้
ที่มา Bao Tin Tuc วันที่ 3 เมษายน 2560
URL : http://baotintuc.vn/du-lich/khach-quoc-te-den-tp-ho-chi-minh-tang-manh-20170403184206754.htm
โครงการสร้างมหาวิทยาลัยมูลค่ากว่าพันล้านดอลลาร์สหรัฐในนครโฮจิมินห์โดยบริษัท Berjaya Land Berhad สัญชาติมาเลเซียต้องถูกหยุดชะงักลงอีกครั้ง เนื่องจากนักลงทุนจ่ายเงินลงทุนเพียงแค่ร้อยละ 0.2 จากแผนการลงทุนทั้งหมด 55 ล้านล้านด่ง ซึ่งโครงการดังกล่าวได้รับอนุญาตให้ลงทุนเกือบ 10 ปีแล้ว
โครงการก่อสร้างมหาวิทยาลัย The International University Township (VIUT) ในอำเภอ Hoc Mon นครโฮจิมินห์ ได้รับใบอนุญาตการดำเนินการในช่วงกลางปี 2551 โครงการนี้จะใช้งบประมาณ 55 ล้านล้านด่ง หรือ 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน นักลงทุนเพิ่งจะจ่ายเงินลงทุนเพียงแค่ 96.5 พันล้านด่งเท่านั้น
นาย Huynh Kim Mai รองผู้อำนวยการสำนักงานวางแผนและการลงทุนนครโฮจิมินห์กล่าวว่า คณะกรรมการ นครโฮจิมินห์มีความคาดหวังว่าโครงการนี้จะเปลี่ยนพื้นที่ด้านตะวันตกเฉียงเหนือของนครโฮจิมินห์ให้กลายเป็นพื้นที่มหาวิทยาลัยนานาชาติ อย่างไรก็ตาม บริษัทเพิ่งจะทำการวางแผน 1/500 Scale Zoning และเวนคืนที่ดินเสร็จเท่านั้น ในตอนแรก นักลงทุนวางแผนดำเนินการโครงการนี้ให้เสร็จภายในระยะเวลา 10 ปี อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพบว่านักลงทุนมีปัญหากับการเวนคืนที่ดินและการจ่ายค่าชดเชย และมีการดำเนินการก่อสร้างที่ล่าช้าและสลับซับซ้อน
โครงการนี้ได้รับการคาดหวังจากรัฐบาลว่าจะเป็นศูนย์กลางทางการศึกษาที่ทันสมัยที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไปเกือบ 10 ปี พื้นที่การก่อสร้างโครงการดังกล่าวยังเป็นพื้นที่รกร้างอยู่
ที่มา หนังสือพิมพ์ The Saigon Times Daily วันที่ 4 เมษายน 2560 หน้า 1
***************************************
ศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในนครโฮจิมินห์
อีเมลสถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์
ติดต่อทั่วไป
แผนกเศรษฐกิจ
แผนกกงสุล (หนังสือเดินทาง, นิติกรณ์และทะเบียนราษฎร์, บัตรประชาชน, การตรวจลงตราและรับรองเอกสาร)