ข่าวเด่นวันที่ 1 - 5 พฤษภาคม 2560

ข่าวเด่นวันที่ 1 - 5 พฤษภาคม 2560

วันที่นำเข้าข้อมูล 5 พ.ค. 2560

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 5 พ.ย. 2562

| 1,095 view

ข่าวเด่นวันที่ 1 - 5 พฤษภาคม 2560

  1. ภายหลังหยุดโครงการท่าเรือ Ke Ga บริษัท Vinacomin ยังไม่ยอมจ่ายเงินชดเชยค่าเสียผลประโยชน์

คณะกรรมการประชาชนจังหวัดบิ่งถ่วนได้ออกหนังสือถึงบริษัท Vinacomin ให้จ่ายเงินชดเชยมูลค่า 85.1 พันล้านด่งเข้าบัญชีของสำนักงานพัฒนาที่ดินจังหวัดบิ่งถ่วนเพื่อที่จะชดเชยให้กับค่าเสียโอกาสภายหลังหยุดโครงการก่อสร้างท่าเรือ Ke Ga

ก่อนหน้านั้น คณะกรรมการประชาชนจังหวัดบิ่งถ่วนได้มีหนังสือหมายเลข 283 (วันที่ 23 มกราคม 2560) ส่งไปถึงกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเพื่อให้บริษัท Vinacomin จ่ายเงินชดเชยให้กับโครงการการท่องเที่ยวที่เหลือ 11 โครงการที่ได้รับผลกระทบจากการหยุดการสร้างท่าเรือ Ke Ga ในจำนวนเงิน 85.1 พันล้านที่คณะกรรมการประชาชนจังหวัดบิ่งถ่วนสั่งให้บริษัทชดเชยคืนเป็นเงินชดเชยสำหรับ 9 โครงการ ส่วนอีก 2 โครงการยังไม่สามารถตกลงค่าชดเชยที่เหมาะสมกันได้ อย่างไรก็ตาม วันที่ 31 มีนาคม 2560 บริษัท Vinacomin มีหนังสือแจ้งให้ทางคณะกรรมการประชาชนจังหวัดทราบว่าจะจ่ายเงินชดเชยเพียงแค่ 65.1 พันล้านด่งเท่านั้น

อย่างไรก็ตามเมื่อนับถึงวันที่ 25 เมษายน 2560 บริษัท Vinacomin ยังคงไม่ยอมจ่ายเงินชดเชยเข้าบัญชีของสำนักงานพัฒนาที่ดิน นาย Pham Van Nam รองประธานคณะกรรมการจังหวัดบิ่งถ่วนให้สัมภาษณ์ว่า คณะกรรมการประชาชนจังหวัดกำลังพยายามอย่างเต็มที่ที่จะดำเนินการทางกฎหมายให้นักลงทุนที่ได้รับผลกระทบจากการหยุดสร้างโครงการดังกล่าวได้รับเงินชดเชยที่ถูกต้อง

นาย Nguyen Truong Vinh นักลงทุนในโครงการการท่องเที่ยว Doi Phong Lan ที่จะต้องได้รับเงินชดเชย 36 พันล้านด่งกล่าวว่า โครงการลงทุนของบริษัทได้รับผลกระทบอย่างมาก และบริษัท Vinacomin ยังไม่ได้จ่ายเงินชดเชยให้บริษัทเป็นระยะเวลาเกือบ 10 ปีแล้ว จากเดิมที่ควรจะได้มากกว่า 50 พันล้านด่ง แต่ปรับลดลงให้เหลือ 36 พันล้านด่งแล้วยังคงไม่มีการชดเชยเกิดขึ้น ซึ่งทำให้เสียโอกาสในการลงทุนในโครงการอื่นๆ เป็นอย่างมาก เงินแค่ไม่กี่พันล้านด่งสำหรับบริษัท Vinacomin อาจเป็นจำนวนเงินเพียงเล็กน้อย แต่สำหรับบริษัทอื่นๆ แล้ว จำนวนเงินชดเชยที่ควรจะได้รับนั้นเป็นเงินที่มีมูลค่ามหาศาล

นอกจากนั้น นาง Ta Thi Phuong Ly นักลงทุนโครงการ Phuong Bac ที่จะได้รับเงินชดเชย 1.2 พันล้านด่งกล่าวว่า บริษัทต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากเพียงเพื่อจะได้รับเงินชดเชยมูลค่า 1.2 พันล้านด่งในช่วงระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมได้ส่งหนังสือมาถึงบริษัทว่าบริษัท Vinacomin จะจ่ายเงินชดเชยให้แล้วเสร็จก่อนเดือนมีนาคม 2560 แต่ปัจจุบันจะหมดเดือนเมษายน 2560 แล้ว บริษัทยังคงไม่ได้เงินชดเชยกลับคืนมาแต่อย่างใด

ที่มา หนังสือพิมพ์ Thanh Nien วันที่ 27 เมษายน 2560

ภาพที่ 1 การหยุดสร้างท่าเรือ Ke Ga ส่งผลให้หลายๆ โครงการได้รับผลกระทบต้องหยุดล้มเลิกโครงการไปด้วย

 

  1. โครงการมูลค่าพันล้านดอลลาร์สหรัฐเตรียมลงทุนในจังหวัดลองอาน

มีรายงานว่านักลงทุนหลายบริษัทพยายามที่จะลงทุนในเขตอุตสาหกรรมแห่งใหม่ของจังหวัดลองอาน ในจำนวนโครงการลงทุนต่างๆ มีโครงการผลิตกระจกอัจฉริยะที่มีมูลค่าการลงทุนกว่าพันล้านดอลลาร์สหรัฐรวมอยู่ด้วย

นาย Tran Van Can ประธานคณะกรรมการประชาชนจังหวัดลองอานเพิ่งจะออกประกาศหมายเลข 1018/UBND – KT ลงวันที่ 15 มีนาคม 2560 ให้กับกระทรวงการวางแผนและการลงทุนเพื่อเสนอให้ปรับแผนการการลงทุนของชาติระยะปี 2559 -2563 เพื่อที่จะสามารถดึงดูดนักลงทุนและพัฒนาอุตสาหกรรมให้ดีขึ้น

ปัจจุบัน จังหวัดลองอานมี 28 เขตอุตสาหกรรม พื้นที่กว่า 10,216 เฮกตาร์ ในจำนวนนั้นมีเขตอุตสาหกรรม 16 แห่งกำลังดำเนินการอยู่ โดยมีอัตราการเช่าพื้นที่ในเขตอุตสาหกรรมต่างๆ ที่กำลังดำเนินการอยู่ร้อยละ 67.33 ในจำนวนนั้น มีเขตอุตสาหกรรมบางแห่งที่มีอัตราการเช่าพื้นที่อยู่มากกว่าร้อยละ 90 ด้วย ทั้งนี้ ที่ดินในเขตอุตสาหกรรมต่างๆ ยังสามารถขยายและพัฒนาได้อีกมาก โดยนาย Can ได้กล่าวว่า การพัฒนาเขตอุตสาหกรรมในจังหวัดเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำโดยเร็วเพื่อที่จะสามารถพัฒนาภาคอุตสาหกรรมของจังหวัดตามแนวทางของพรรคคอมมิวนิส์และรัฐบาล ในเร็วๆ นี้ จังหวัดลองอานมีแผนที่การที่จะพัฒนาเขตอุตสาหกรรมอีก 8 แห่ง พื้นที่รวม 1,748 เฮกตาร์ ในจำนวนนั้นแบ่งเป็นการขยายเขตอุตสาหกรรม 4 แห่ง การสร้างเขตอุตสาหกรรมใหม่ 3 แห่ง และการเปลี่ยนพื้นที่อยู่อาศัยให้เป็นเขตอุตสาหกรรมอีก 1 แห่ง

จากรายงานของสำนักงานการวางแผนและการลงทุนจังหวัดลองอาน เมื่อนับถึงปลายปี 2559 มีโครงการการลงทุนจาก 37 ประเทศในจังหวัด จำนวน 772 โครงการ มีมูลค่าการลงทุนรวมมากกว่า 5.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และในจำนวนโครงการลงทุนดังกล่าว มี 459 โครงการที่กำลังดำเนินการอยู่ มูลค่าเงินลงทุนกว่า 3.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเป็นจังหวัดลำดับต้นๆ ของบริเวณพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงในด้านการดึงดูดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติและเป็นจังหวัดลำดับที่ 12 จาก 63 จังหวัดของเวียดนามที่มีเงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติสูงที่สุด แต่ปัจจุบันนี้ จังหวัดลองอานก็ยังไม่มีโครงการการลงทุนใดๆ ที่มีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2560 จังหวัดลองอานมีโครงการการลงทุนใหม่ 22 โครงการที่ได้รับใบอนุญาตให้ลงทุนในเขตอุตสาหกรรมของจังหวัด ในจำนวนนั้นเป็นโครงการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ 11 โครงการ มูลค่าการลงทุน 19.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมี 6 โครงการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติเพิ่มมูลค่าการลงทุน 16.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ทั้งนี้ มีกระแสข่าวว่ามีโครงการลงทุนจากประเทศสหรัฐอเมริกาที่จะลงทุนในการผลิตกระจกอัจฉริยะเตรียมพร้อมที่จะลงทุนในเขตอุตสาหกรรมใหม่ของจังหวัดลองอานมูลค่าการลงทุนกว่าหนึ่งพันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยผลิตภัณฑ์ที่ผลิตได้ร้อยละ 99 จะถูกส่งออกไปทั่วโลก

ที่มา หนังสือพิมพ์ Bao Dau Tu วันที่ 24 เมษายน 2560

URL: http://baodautu.vn/du-an-ty-usd-ngap-nghe-vao-long-an-d62335.html

 

  1. บริษัทจดทะเบียนรายใหม่ในนครโฮจิมินห์มีจำนวนเพิ่มขึ้น

สำนักงานการจัดการการลงทะเบียนธุรกิจ สังกัดกระทรวงการวางแผนและการลงทุน ประกาศว่า ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2560 บริษัทจดทะเบียนใหม่จำนวนกว่า 12,088 ยอดเงินลงทุนรวมมีมูลค่า 132.6 ล้านล้านด่ง (ประมาณ 5.84 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ร้อยละ 12 ทั้งด้านจำนวนบริษัท และร้อยละ 60 ในด้านเงินลงทุน

จากรายงานของทางการนครโฮจิมินห์ระบุว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีสัดส่วนเงินทุนจดทะเบียนสูงที่สุดในช่วงเดือนมกราคม-เมษายน คิดเป็นร้อยละ 38 ในขณะที่ธุรกิจการซ่อมบำรุงยานยนต์ และธุรกิจการค้าส่งมีเงินทุนจดทะเบียนสูงเป็นลำดับที่ 2 คิดเป็นร้อยละ 20 ธุรกิจการผลิตและการแปรรูปมาเป็นลำดับ 3 ธุรกิจการสื่อสารและสารสนเทศมาเป็นลำดับ 4 คิดเป็นร้อยละ 5.2 และ 5 ตามลำดับ

ในปัจจุบัน จำนวนบริษัทในนครโฮจิมินห์กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีบริษัทจดทะเบียนประมาณ 306,400 บริษัท ซึ่งทางการนครโฮจิมินห์ตั้งเป้าหมายการเปลี่ยนธุรกิจในครัวเรือนให้เป็นบริษัทจดทะเบียน 2560 ประมาณ 60,000 บริษัท และ 500,000 บริษัทในปี 2563

ทางการนครโฮจิมินห์ระบุว่า เงินลงทุนภายในประเทศเพิ่มขึ้นสูงมาก ตัวเลขบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนกำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกัน เงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติในนครโฮจิมินห์เพิ่มขึ้นร้อยละ 43 ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยคิดเป็นมูลค่า 896 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ

ทั้งนี้ ในเดือนพฤษภาคม 2560 ทางการนครโฮจิมินห์จะหาแนวทางส่งเสริมการลงทุนของบริษัท โดยพัฒนาเงื่อนไขที่เอื้อประโยชน์ให้กับนักลงทุนให้ลงทุนในด้านการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เพิ่มขึ้น

 ที่มา: หนังสือพิมพ์ Saigon Times Daily ฉบับวันที่ 27 เมษายน 60 หน้าที่ 1

 

4. นักลงทุนญี่ปุ่นลงทุนในโครงการอุตสาหกรรมสนับสนุนในจังหวัดด่งนาย

ข้อมูลของสำนักงานวางแผนและการลงทุนจังหวัดด่งนายเผยให้เห็นว่าในช่วงไตรมาสแรกของปี 2560 จังหวัด    ด่งนายได้ออกใบอนุญาตการลงทุนกับโครงการลงทุนใหม่ 16 โครงการ มูลค่ารวม 177 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเพิ่มทุนโครงการที่มีอยู่เดิม 15 โครงการ มูลค่ารวม 137 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

นักลงทุนชาวญี่ปุ่นเป็นนักลงทุนลำดับต้นของจังหวัด โดยตั้งแต่ต้นปี 2560 นักลงทุนชาวญี่ปุ่นลงทุนในภาคอุตสาหกรรมสนับสนุน ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของทางจังหวัดเพื่อเป็นการช่วยลดต้นทุนการผลิตของอุตสาหกรรมอื่นๆ ในจังหวัดและลดการนำเข้าวัตถุดิบในการผลิต

เมื่อไม่นานมานี้ นาย Toru Asai ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของเขตคันไซได้เข้าหารือกับผู้บริหารจังหวัดด่งนายได้ข้อสรุปว่า ทั้งสองฝ่ายจะส่งเสริมการพัฒนาความสัมพันธ์ทางธุรกิจร่วมกันให้แน่นแฟ้นมากขึ้น และทางเขตคันไซจะช่วยส่งคนมาสอนวิทยาการต่างๆ ให้กับบุคลากรของจังหวัด นอกจากนั้น   จังหวัดด่งนายจะคัดเลือกบุคลากรของจังหวัดไปศึกษาดูงานอุตสาหกรรมของเขตคันไซอีกด้วย โดยนาย Asai ได้กล่าวเสริมว่า ในช่วงระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมานี้ นักลงทุนของญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในจังหวัดด่งนายค่อนข้างมากในภาคอุตสาหกรรมสนับสนุน อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมไฟฟ้า อุตสาหกรรมเครื่องกล และอุตสาหกรรมเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย

นอกจากนั้น ตั้งแต่ต้นปี 2560 จนถึงปัจจุบัน นักลงทุนชาวญี่ปุ่นจำนวนมากได้มาศึกษาหาลู่ทางการลงทุนในจังหวัดด่งนาย โดยล่าสุด บริษัท Kobelco บริษัทในเครือกลุ่มบริษัทผลิตเหล็ก Kobe ได้รับอนุญาตจากทางการจังหวัดด่งนายให้ลงทุนในโครงการบริหารจัดการน้ำสะอาดของจังหวัด

จากการวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญทางด้านเศรษฐกิจ ในบริบทที่เวียดนามกำลังบรรลุข้อตกลง FTA กับหลายๆ ประเทศทำให้นักลงทุนจากต่างประเทศสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในเวียดนามเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นับตั้งแต่ข้อตกลง FTA กับประเทศญี่ปุ่นเริ่มต้นใช้งาน การส่งออกสินค้าจากเวียดนามไปสู่ญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นจำนวนมาก โดยในปี 2559 มูลค่าการส่งออกสินค้าของจังหวัดด่งนายสู่ประเทศญี่ปุ่นมีมูลค่ากว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับปี 2558 และเป็นตลาดส่งออกลำดับที่สองของจังหวัด

ตัวแทนบริษัท Mabuchi Motor เวียดนามได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า หลังจากที่ทั้งสองประเทศลงนามในสนธิสัญญา FTA แล้ว ผลิตภัณฑ์กว่าร้อยละ 50 ของบริษัทได้รับผลประโยชน์ทางด้านภาษีที่เพิ่มขึ้นทำให้การส่งออกเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 13 ต่อปี บริษัทสามารถส่งออกผลิตภัณฑ์อะไหล่รถยนต์ได้มากถึง 35 – 45 ล้านชิ้นต่อเดือน และบริษัทมีแผนการที่จะพัฒนาโครงการต่างๆ ของบริษัทต่อไปในอนาคตอีกหลากหลายโครงการ

ที่มา หนังสือพิมพ์ Bao Dau Tu วันที่ 29 เมษายน 2560

URL: http://baodautu.vn/nhat-ban-mo-rong-dau-tu-vao-du-an-cong-nghiep-ho-tro-tai-dong-nai-d62465.html

 

5. มูลค่าเงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติในนครโฮจิมินห์เพิ่มขึ้นร้อยละ 43

นาย Su Ngoc Anh ผู้อำนวยการสำนักงานวางแผนและการลงทุนนครโฮจิมินห์รายงานว่าในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2560 นครโฮจิมินห์ได้อนุมัติให้โครงการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติจำนวน 212 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวม 213 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีอีก 64 โครงการเดิมที่เพิ่มเงินลงทุนรวม 215.65 ล้านดอลลาร์ดอลลาร์สหรัฐ และยังอนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติซื้อขายหุ้นกว่าอีก 600 ครั้ง มูลค่าการซื้อขายกว่า 467.12 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อนับรวมมูลค่าเงินลงทุนทั้งหมดแล้วในช่วง 4 เดือนแรกของปี นครโฮจิมินห์สามารถดึงดูดเงินลงทุนจากต่างชาติได้ถึง 895.74 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 43 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2559

ในจำนวนโครงการลงทุนดังกล่าว นักลงทุนต่างชาติลงทุนในด้านกิจการซื้อขายปลีก ส่งและกิจการการซ่อมรถยนต์มากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 36.2 มูลค่ากว่า 77.02 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลำดับที่ 2 คือโครงการด้านโทรคมนาคม คิดเป็นร้อยละ 24.8 มูลค่าการลงทุนกว่า 52.84 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลำดับ 3 คืออุตสาหกรรมแปรรูป คิดเป็นร้อยละ 22.9 มูลค่าการลงทุนกว่า 48.86 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลำดับที่ 4 คืออุตสาหกรรมเทคโนโลยี คิดเป็นร้อยละ 5.4 มูลค่าการลงทุนกว่า 11.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

เมื่อคิดจากประเทศที่มีการลงทุนในนครโฮจิมินห์มากที่สุดคือนักลงทุนชาวมาเลเซีย ร้อยละ 21.1 มูลค่าการลงทุน 44.92 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลำดับที่ 2 คือนักลงทุนชาวไต้หวัน ร้อยละ 16.6 มูลค่าการลงทุน 35.38 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และลำดับที่ 3 คือนักลงทุนชาวญี่ปุ่น คิดเป็นร้อยละ 16 มูลค่าการลงทุน 34.04 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่านครโฮจิมินห์จะสามารถดึงดูดโครงการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติได้เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ก็ยังไม่ติดอันดับ 3 จังหวัดแรกที่มีมูลค่าการดึงดูดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติสูงที่สุดในเวียดนาม ในช่วง 4 เดือนแรก จังหวัดบั๊กนิงห์สามารถดึงดูดเงินลงทุนได้มากที่สุดมูลค่ากว่า 2.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 25.51 ของทั้งประเทศ จังหวัดบิงห์เยืองตามมาเป็นลำดับที่สองด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 1.53 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 14.48 ของทั้งประเทศ และจังหวัดเกียนยางเป็นจังหวัดที่มีมูลค่าการลงทุนโดยตรงลำดับที่ 3 มูลค่าการลงทุนกว่า 1.28 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 8.77 ของทั้งประเทศ

ที่มา หนังสือพิมพ์ Bao Dau Tu วันที่ 29 เมษายน 2560

URL: http://baodautu.vn/tphcm-thu-hut-von-fdi-tang-43-d62598.html

ภาพที่ 2 นครโฮจิมินห์

6. ทางการสร้างสถานีเฝ้าระวังสิ่งแวดล้อมติดกับโรงงานกระดาษ Lee & Man

จากการปล่อยน้ำเสียของบริษัท Lee & Man Vietnam Paper บริษัทสัญชาติจีนในช่วงที่ผ่านมาซึ่งส่งผลให้สัตว์น้ำบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงตายเป็นจำนวนมากทำให้ทางการจังหวัดเหิ่วซางเตรียมสร้างสถานีเฝ้าระวังภัยสิ่งแวดล้อมติดกับโรงงานกระดาษ Lee & Man

นาย Nguyen Van Dong ประธานสำนักงานการเกษตรและการพัฒนาชนบทจังหวัดเหิ่วซางกล่าวว่า สถานีเฝ้าระวังสิ่งแวดล้อมจะตั้งอยู่ในคลอง Mai Dam ใกล้โรงงาน Lee & Man และจะเริ่มการก่อสร้างในเดือนพฤษภาคมนี้ ตามมาตรา 32 กฎหมายการประมงของกระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบท แต่ละเขตพื้นที่ต้องมีสถานีเฝ้าระวังสิ่งแวดล้อมสำหรับผลผลิตสัตว์น้ำ อย่างไรก็ตามจังหวัดเหิ่วซางยังไม่มีสถานีเฝ้าระวังสิ่งแวดล้อม หลังจากการก่อสร้างแล้วเสร็จ สถานีเฝ้าระวังสิ่งแวดล้อมแห่งนี้จะสามารถบอกผลตัวชี้วัดที่จำเป็นในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมได้ เช่น อุณหภูมิน้ำ ค่า pH ค่าทางจุลชีววิทยา ค่าโลหะปรอทในน้ำ

ก่อนหน้านี้ สมาคมผู้ส่งออกอาหารทะเลเวียดนาม (VASEP) ได้ร้องขอให้ทางการตรวจสอบเทคโนโลยีบำบัดน้ำเสีย และเครื่องมือเฝ้าระวังสิ่งแวดล้อมของบริษัท Lee & Man เนื่องจากการปล่อยน้ำเสียของบริษัทส่งผลกระทบต่อผลผลิตสัตว์น้ำบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง

บริษัท Lee & Man กำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการแก้ไขปรับปรุงสภาพสิ่งแวดล้อมในบริเวณดังกล่าว อย่างไรก็ตาม บริษัทยังสร้างมลภาวะทางฝุ่นและกลิ่นรบกวนชาวบ้านที่อาศัยโดยรอบ นักลงทุนกำลังดำเนินการแก้ไขปัญหาและคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 5 พฤษภาคม 2560

ที่มา: หนังสือพิมพ์ Saigon Times Daily ฉบับวันที่ 3 พฤษภาคม 60 หน้า 1

ภาพที่ 3 ท่อปล่อยน้ำของโรงงาน Lee&Man

7. นักลงทุนต้องการร่วมลงทุนในโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสาร T4 สนามบิน Tan Son Nhat

ภาพที่ 4 สนามบินนานาชาติ Tan Son Nhat ในปัจจุบันเริ่มมีจำนวนผู้โดยสารมากขึ้นเรื่อยๆ

แม้ว่าแผนแม่บทปรับปรุงสนามบินนานาชาติ Tan Son Nhat ยังไม่ได้รับการอนุมัติจากทางรัฐบาล แต่กระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่ามีนักลงทุนรายใหญ่ 4 รายสนใจลงทุนในโครงการสร้างอาคารรองรับผู้โดยสาร T4  ได้แก่ 1. บริษัท Imex Pan Pacific Co Ltd 2. บริษัทร่วมลงทุนระหว่างบริษัท Danang International Terminal Investment and Operation JSC และ Thang Long Infrastructure Investment JSC         3. บริษัท Vietnam Airlines Corp และ 4. บริษัท Vietjet Aviation JSC

บริษัท Imex Pan Pacific ต้องการลงทุนร่วมกับบริษัท Airports Corporation of Vietnam (ACV) เพื่อให้โครงการแล้วเสร็จในระยะเวลา 1 ปีครึ่ง ในขณะที่บริษัทร่วมลงทุนระหว่างบริษัท Danang International Terminal Investment and Operation JSC และ Thang Long Infrastructure Investment JSC ก็มีความหวังว่าจะได้ลงทุนร่วมกับบริษัท ACV เช่นกัน โดยหากได้รับการอนุมัติจากทางรัฐบาล การร่วมลงทุนดังกล่าวจะทำให้มีเงินงบประมาณเพียงพอในการก่อสร้าง โดยคาดว่าโครงการจะสามารถสร้างเสร็จในปี 2561 โดยจะเร่งเปิดใช้ก่อนช่วงเทศกาลตรุษเวียดนามในปี 2562

นาย Lai Xuan Thanh ประธานสถาบันการบินพลเรือนเวียดนาม (CAAV) กล่าวว่า แผนแม่บทพัฒนาสนามบินยังไม่ได้รับการอนุมัติ ดังนั้นบริษัท ACV ยังไม่ได้ตัดสินใจร่วมมือลงทุนในโครงการกับนักลงทุนรายใด อย่างไรก็ตาม ได้มีการหารือกับนักลงทุนบางส่วนแล้วในการร่วมลงทุน

นอกจากนั้น ในแผนแม่บทดังกล่าวจะมีการสร้าง Taxiway คู่ขนานใหม่ และ Runway อีกสองแห่ง และจะพัฒนาอาคาร T4 ให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 15 ล้านคนต่อปี ทั้งนี้ สถาบันการบินพลเรือนได้ส่งรายงานต่อกระทรวงคมนาคมว่า ภายหลังการพัฒนาตามแผนแม่บทดังกล่าว สนามบิน Tan Son Nhat จะสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 43-45 ล้านคนต่อปี ด้วยพื้นที่จอดเครื่องบินประมาณ 80-85 ที่

โครงการพัฒนาสนามบินคาดว่าจะใช้งบประมาณมากกว่า 19.3 ล้านล้านด่ง จากการระดมทุนจากหลายแหล่ง เช่น งบประมาณจากรัฐ และเงินกู้ยืม

เนื่องจากโครงการพัฒนาสนามบินดังกล่าวจำเป็นต้องรีบดำเนินการโดยเร่งด่วนทำให้สถาบันการบินพลเรือนแจ้งกับกระทรวงคมนาคมว่าจะเลือกบริษัท ACV ให้เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างหลักโดยใช้งบประมาณของบริษัทเอง และยังมีการระดมเงินทุนจากหลายองค์กรเพื่อพัฒนาอาคารผู้โดยสารให้สำเร็จโดยเร็ว

ที่มา: หนังสือพิมพ์ Thoi Bao Kinh Te Sai Gon Online วันที่ 1 พฤษภาคม 2560

URL: http://www.thesaigontimes.vn/159619/Nhieu-nha-dau-tu-muon-xay-nha-ga-T4-Tan-Son-Nhat.html

 

8. รายได้ของนครโฮจิมินห์เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.4 ในช่วง 4 เดือนแรกของปี

สำนักงานการคลังนครโฮจิมินห์รายงานว่า ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2560 รายได้ของนครโฮจิมินห์อยู่ที่ 124.427 ล้านล้านด่ง (ประมาณ 5.47 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.4 ในช่วงเวลาเดียวกันของ 2559 คิดเป็นร้อยละ 36 ของรายได้ทั้งหมดที่คาดการณ์ไว้ในปีนี้

รายได้ที่เพิ่มขึ้นของนครโฮจิมินห์แสดงให้เห็นถึงการผลิตและกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงระหว่างเดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน 2560 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การปรับระยะเวลาเรียกชำระภาษีปี 2560 จาก 6 เดือนเป็น 3 เดือน ส่งผลให้งบรายได้ของรัฐเพิ่มขึ้นเช่นกัน

ในขณะที่งบประมาณที่ได้จากการเช่าที่ดิน ค่าน้ำประปา มีมูลค่า 1.66 ล้านล้านด่ง เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 50.7 โดย Tan Hoang Minh Group จ่ายค่าเช่า 264 พันล้านด่ง และบริษัท Empire City Limited Liability จ่ายค่าการเช่าพื้นที่ Thu Thiem ในช่วงเดือนมกราคม-เมษายนถึง 2.8 ล้านล้านด่ง

รายได้จากภาษีส่วนบุคคลมีมูลค่า 11.52 ล้านล้านด่ง (เพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 20 ในช่วงเวลาเดียวกัน) รายได้จากน้ำมันดิบมีมูลค่า 5.83 ล้านล้านด่ง (เพิ่มขึ้นร้อยละ 26) และรายได้จากการนำเข้า-ส่งออกมีมูลค่า 34.5 ล้านล้านด่ง (เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.7) จากมติการจัดสรรงบประมาณปี 2560 โดยคณะกรรมการประชาชน นครโฮจิมินห์ตั้งเป้าหมายการจัดเก็บรายได้ในปีนี้อยู่ที่ประมาณ 347.88 ล้านล้านด่ง (ประมาณ 15.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ในปี 2559 ร้อยละ 15.79)

การจัดสรรงบประมาณในนครโฮจิมินห์ปี 2560 มีมูลค่าประมาณ 70.646 ล้านล้านด่ง (ประมาณ 3.1 พันล้านเหรียญดอลลาร์) โดยจะใช้ในโครงการพัฒนาการลงทุนต่างๆ  25.164 ล้านล้านด่ง งบประมาณใช้จ่ายทั่วไป 34.2 ล้านล้านด่ง งบประมาณการจ่ายดอกเบี้ยและงบประมาณสำรอง 1.511 ล้านล้านด่ง และเงินที่เหลือสำหรับค่าใช้จ่ายอื่นๆ

ที่มา หนังสือพิมพ์ The Saigon Times Daily วันที่ 3 พฤษภาคม 2560 หน้าที่ 1

 

9. บริษัท FLC จะพัฒนาพื้นที่ชุมชนเมืองขนาด 35 เฮกตาร์ในจังหวัดบิ่งดิ่ง

คณะกรรมการประชาชนจังหวัดบิ่งดิ่งได้อนุมัติให้บริษัท FLC Faros Binh Dinh Investment and Development พัฒนาพื้นที่ชุมชนเมืองขนาด 35 เฮกตาร์ ซึ่งมีชื่อโครงการว่า FLC Lux City Quy Nhon ในบริเวณพื้นที่เขตเศรษฐกิจ Nhon Hoi

สำนักงานการส่งเสริมการลงทุนจังหวัดบิ่งดิ่งรายงานว่า บริษัท Faros ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทลูกของกลุ่มบริษัท FLC Group JSC จะใช้เงินลงทุนในโครงการดังกล่าวกว่า 600 พันล้านด่ง โดยจะสร้างพื้นที่ชุมชนที่ทันสมัย เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์บริเวณ Nhon Hoi นอกจากนั้น โครงการดังกล่าวจะมีสถาปัตยกรรมที่ทันสมัย ศูนย์การค้า และบ้านพักที่ได้รับมาตราฐานสากลซึ่งบริเวณที่อยู่อาศัยจะมีขนาดมากกว่า 11 เฮกตาร์ นอกจากนั้นจะมีโรงเรียนเด็กอนุบาล อาคารสำนักงาน ที่จอดรถ โรงพยาบาล โรงภาพยนตร์ และสวนสาธารณะ โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในอีก 2 ปีข้างหน้า

บริษัท FLC กำลังลงทุนในหลายโครงการในจังหวัดบิ่งดิ่ง อย่างเช่นโครงการสนามกอล์ฟ FLC Quy Nhon Golf Links โครงการ EP GIO Eco-Tourism Resort และโครงการ FLC Quy Nhon Beach & Golf Resort ใช้พื้นที่ 1,300 เฮกตาร์ เงินลงทุน 7,000 พันล้านด่ง ซึ่งประกอบด้วยห้องพักกว่า 1,500 ห้อง สนามกอล์ฟขนาด 36 หลุม สวนน้ำเชิงนิเวศน์ และสวนสัตว์

ที่มา The Saigon Times Daily วันที่ 3 พฤษภาคม 2560 หน้าที่ 3

ภาพที่ 5 รูปแบบโครงการ FLC Lux City Quy Nhon

*****************************

ศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในนครโฮจิมินห์