ข่าวเด่นวันที่ 18-19 กรกฏาคม 2560

ข่าวเด่นวันที่ 18-19 กรกฏาคม 2560

วันที่นำเข้าข้อมูล 19 ก.ค. 2560

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 5 พ.ย. 2562

| 1,581 view

ข่าวเด่นวันที่ 18-19 กรกฏาคม 2560

1. คาราบาวเล็งลงทุนสร้างโรงงานผลิตเครื่องดื่มชูกำลังในเวียดนาม

ในวันที่ 14 กรกฏาคม 2560 นายเสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทคาราบาว ได้เดินทางมาเยือนนครโฮจิมินห์เพื่อหารือกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัท Ngoc Thien Bao บริษัทหุ้นส่วนที่ได้รับสิทธิ์ในการกระจายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มชูกำลังคาราบาวในเวียดนาม กลุ่มบริษัทคาราบาวมีแผนการที่จะลงทุนในโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตเครื่องดื่มชูกำลังมูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงระยะเวลาอันใกล้นี้

รายงานของหน่วยวิเคราะห์การตลาดกลุ่มบริษัทคาราบาวเปิดเผยให้เห็นว่า ในปัจจุบัน สินค้าประเภทเครื่องดื่มชูกำลังคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 17 ของตลาดเครื่องดื่มทั้งหมดในเวียดนาม โดยสัดส่วนดังกล่าวมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้ บริษัทวางแผนการจะผลิตผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มชูกำลังประเภทใหม่ๆ ที่จะตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวเวียดนามให้เพิ่มขึ้น

นายเสถียร เชื่อว่า ในระยะเวลาอันใกล้นี้ เศรษฐกิจของเวียดนามมีแนวโน้มเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องและตลาดเครื่องดื่มยังมีศักยภาพที่จะดึงดูดนักลงทุนต่างชาติอีกมาก โดยหากกลุ่มบริษัทคาราบาวตัดสินใจลงทุนในโครงการก่อสร้างโรงงานดังกล่าว บริษัทจะใช้เงินลงทุนประมาณ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตที่มีกำลังผลิตได้ถึง 240 ล้านขวดต่อปี นอกจากนั้น กลุ่มบริษัทคาราบาวมีแผนการจะเพิ่มการลงทุนในประเทศไทย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และเมียนมาร์ให้เพิ่มขึ้นอีกด้วย

ในปัจจุบัน เวียดนามมีแบรนด์เครื่องดื่มชูกำลังทั้งในและต่างประเทศประมาณ 20 แบรนด์ โดยในจำนวนนั้น เครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อกระทิงแดงของประเทศไทยเป็นหนึ่งในผู้นำในตลาดดังกล่าว โดยมีโรงงานการผลิตตั้งอยู่ที่จังหวัดบิ่นห์เยือง บริษัท Euromonitor บริษัทวิเคราะห์การตลาดชื่อดังได้ประเมินว่า ภาคธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังในระหว่างปี 2557 – 2560 จะมีอัตราการเติบโตขึ้นถึงร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ยของเครื่องดื่มที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ที่ร้อยละ 7

ที่มา สำนักข่าว Thoi Bao Kinh Te Sai Gon วันที่ 15 กรกฏาคม 2560

URL: http://www.thesaigontimes.vn/162572/Carabao-xem-xet-dau-tu-nha-may-nuoc-tang-luc-o-Viet-Nam.html

 

2. เงินลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมและเขตอุตสาหกรรมการส่งออกในนครโฮจิมินห์มีมูลค่ากว่า 384 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 6 เดือนแรก

ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2560 นิคมอุตสาหกรรม (Industrial Park) และเขตอุตสาหกรรมการส่งออก (Export Processing Zone) ต่างๆ ในนครโฮจิมินห์สามารถดึงดูดเงินลงทุนได้กว่า 384 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นในช่วง 6 เดือนต่อไป

นาย Nguyen Thanh Binh รองผู้จัดการสำนักงานควบคุมดูแลนิคมอุตสาหกรรมและเขตอุตสาหกรรมการส่งออกนครโฮจิมินห์ (HCMC Export Processing and Industrial Zones Authority; HEPZA) กล่าวว่า เงินลงทุนมูลค่า 384 ล้านดอลลาร์สหรัฐคิดเป็นร้อยละ 77 ของมูลค่าเงินลงทุนทั้งหมดที่คาดการณ์ไว้ของปี 2560 โดยในจำนวนนั้น เงินลงทุนทั้งภายในประเทศคิดเป็น 160 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเงินลงทุนจากต่างประเทศคิดเป็น 224 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 24 และ 52 ตามลำดับ

ภาคอุตสาหกรรมที่สามารถดึงดูดนักลงทุนได้มากที่สุด ได้แก่ อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม อุตสาหกรรมการบริการ อุตสาหกรรมเครื่องจักร และอุตสาหกรรมสนับสนุน ซึ่งโครงการที่มีมูลค่าการลงทุนมากที่สุดคือโครงการโรงงานผลิตและแปรรูปเนื้อสัตว์และอาหารทะเลของบริษัท CJ Cau Tre Food ใช้พื้นที่กว่า 7.1 เฮกตาร์ มูลค่าการลงทุนกว่า 1.2 ล้านล้านด่ง (ประมาณ 52.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ที่นิคมอุตสาหกรรม Hiep Phuoc ในเขต Nha Be โดยคาดว่าจะสามารถเปิดใช้งานได้ในเดือนกรกฏาคม 2561 และจะสามารถผลิตสินค้าได้กว่า 12,000 ตันต่อปี

ในปัจจุบัน มีโครงการที่ลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมและเขตอุตสาหกรรมการส่งออกในนครโฮจิมินห์กว่า 1,400 โครงการ ด้วยเงินจดทะเบียนกว่า 9.7 พันล้านด่ง มูลค่าการส่งสินค้าในช่วง 6 เดือนแรกของโครงการต่างๆ อยู่ที่ 2.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.24

ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา HEPZA ได้ร่วมมือกับสำนักงานคมนาคมนครโฮจิมินห์และนักลงทุนในการพัฒนาระบบสิ่งอำนวยความสะดวกและโครงสร้างพื้นฐานบริเวณภายในและภายนอกนิคมอุตสาหกรรมและเขตอุตสาหกรรมการส่งออกนครโฮจิมินห์ เพื่อที่จะสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุน ทั้งยังเป็นการลดต้นทุนทางโลจิสติกส์ นอกจากนั้น HEPZA ยังได้ร่วมมือกับสำนักงานสรรพากรและสำนักงานการคลังเพื่อลดอุปสรรคที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการด้านเอกสาร และร่วมมือกับสำนักงานเขตต่างๆ ของนครโฮจิมินห์ในการเร่งเวนคืนที่ดินกว่า 668 เฮกตาร์ ในการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรม Van Hai

สำหรับนักลงทุนระดับกลาง-ย่อม Hepza ได้ร่วมมือกับนิคมอุตสาหกรรม Hiep Phuoc ในการปล่อยเช่าที่ดิน 15 แห่งที่มีพื้นที่ตั้งแต่ 750 – 3,000 ตารางเมตร และที่ดินที่มีขนาด 350 ตารางเมตรในราคาย่อมเยา โดย Hepza ได้ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการก่อสร้างตึกสูงสำหรับใช้เป็นที่ตั้งบริษัทในบริเวณนิคมอุตสาหกรรม Dong Nam นิคมอุตสาหกรรม Linh Trung และนิคมอุตสาหกรรม Tan Thuan ตามแผนระยะปี 2559 – 2563

คณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์เรียกร้องให้ HEPZA เร่งปรับปรุงคุณภาพ ปฎิรูประบบการจัดการ ตลอดจนเร่งพัฒนาคุณภาพบุคลากรเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของนครโฮจิมินห์ให้สูงขึ้น

ที่มา หนังสือพิมพ์ The Saigon Times Daily วันที่ 17 มิถุนายน 2560 หน้า 3

 

3. ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการยกระดับการคมนาคมและเทคโนโลยีทางการแพทย์ในนครโฮจิมินห์

สำนักงานคมนาคมนครโฮจิมินห์ได้ขอความเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรีในการคัดเลือกนักลงทุนในการดำเนินโครงการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกโครงสร้างพื้นฐานจำนวน 6 โครงการภายใต้ลักษณะความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน (Public-Private Partnership; PPP) ได้แก่ การก่อสร้างถนนวงแหวนที่ 2 จำนวน 2 ส่วน จากสะพาน Phu Huu ถึงทางหลวงสายฮานอย และจากสี่แยก Binh Thai ถึงถนน Pham Van Dong รวมถึงทางด่วนเหนือใต้อีก 2 แห่ง จากถนน Nguyen Van Linh ถึงถนน Hoang Dieu และไปยัง Hiep Phuc บริเวณทางหลวงหมายเลข 1 และสะพาน Thu Thiem 4

ก่อนหน้านี้ สำนักงานคมนาคมกล่าวว่า ท่าอากาศยานนานาชาติ Tan Son Nhat และท่าเรือ Cat Lai มักประสบปัญหาการจราจรติดขัดอยู่บ่อยครั้ง รวมถึงย่านใจกลางนครโฮจิมินห์ ดั้งนั้น โครงการเหล่านี้ควรจะเร่งดำเนินการ เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับการขนส่งในเมือง

สำนักงานการวางแผนและการลงทุนนครโฮจิมินห์เห็นพ้องถึงแผนการข้างต้น และเสนอให้สำนักงานคณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์มีแผนจัดสรรที่ดินให้เพียงพอในการพัฒนาโครงการต่างๆ ให้ถูกหลักข้อกำหนดในการใช้ที่ดิน เพื่อให้นักลงทุนสามารถดำเนินโครงการต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธภาพ

เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2560 สำนักงานคณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์ได้ประกาศว่า สำนักงานคณะกรรมการฯ จะพิจารณาโครงการพัฒนาในลักษณะ PPP เป็นเครื่องมือในการระดมทุน เนื่องจากจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากในการพัฒนาโครงการต่างๆ

จากแผนการที่เคยประกาศไปก่อนหน้า สำนักงานคณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์ได้จัดสรรงบประมาณจำนวน 171.8 ล้านล้านด่ง (7.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) สำหรับโครงการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกและโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในช่วงปี 2559 – 2563 และในจำนวนนั้นจะเป็นเงินงบประมาณจากรัฐบาล 22 ล้านล้านด่ง และเงินจากงบประมาณของนครโฮจิมินห์เอง 150 พันล้านด่ง

นครโฮจิมินห์จะของบประมาณมูลค่า 11.2 ล้านล้านด่งจากงบประมาณความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาอย่างเป็นทางการ (Official Development Assistance; ODA) และเงินอีกจำนวน 9.2 ล้านล้านด่งสำหรับสนับสนุนโครงการลงทุนในลักษณะ PPP ซึ่งคณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์มองว่า การลงทุนในลักษณะนี้จะเป็นช่องทางที่ดีที่สุดในการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกและโครงสร้างพื้นฐานของนครโฮจิมินห์ เช่น โครงการพัฒนาการจราจร โครงการป้องกันน้ำท่วม โครงการพัฒนาคูคลอง และโครงการสร้างถิ่นที่อยู่อาศัยบริเวณใหม่ๆ

นอกจากนั้น รัฐบาลยังสั่งการให้นครโฮจิมินห์จะต้องเร่งเก็บภาษีเพิ่มให้ได้ 347.88 ล้านล้านด่ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม การบรรลุเป้าหมายดังกล่าวเป็นเรื่องที่ยากมากแม้ว่าเศรษฐกิจในภาพรวมของนครโฮจิมินห์จะเติบโตขึ้นก็ตาม แต่ปัญหาต่างๆ ก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน อาทิ การพัฒนาอุตสาหกรรมสนับสนุนในนครโฮจิมินห์ยังอยู่ในระดับต่ำ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวยังคงไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร และสภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจและความสามารถในการแข่งขันของนครโฮจิมินห์ยังพัฒนาช้ากว่าที่คาดไว้ ตลอดจนปัญหาทางด้านสังคม เช่น การจราจรติดขัด ปัญหาน้ำท่วม และปัญหาสิ่งแวดล้อมที่นับวันยิ่งรุนแรงเพิ่มมากขึ้น

นอกจากนั้น นครโฮจิมินห์ได้อนุมัติโครงการพัฒนาศูนย์ตรวจสุขภาพและศูนย์บำบัดโรคในโรงพยาบาลเขต 2  ในนครโฮจิมินห์ มูลค่าการลงทุนรวม 320 พันล้านด่งภายใต้โครงการ PPP

บริษัท HCMC Financial Investment Company (HFIC) และบริษัท Y Dao Service consulting Investment Corporation รวมถึงโรงพยาบาลเขต 2 ได้ลงนามในข้อตกลงในการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ เตียงผู้ป่วย 100 เตียง และการพัฒนาเครื่องมือทางการแพทย์สมัยใหม่ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสแรกของปี 2562

ศูนย์บำบัดโรคแห่งใหม่จะติดตั้งอุปกรณ์ที่ทันสมัย เช่น ระบบการตรวจเอ็กซเรย์ด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เพื่อตรวจจับโรคหัวใจหลอดเลือด กระดูกสันหลัง และช่องท้องภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว โดยโรงพยาบาลเขต 2 จะร่วมมือกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยทางการแพทย์และโรงพยาบาลอื่นๆ เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับการดูแลสุขภาพของคนในท้องถิ่น

โรงพยาบาลสามารถให้บริการทางการแพทย์ที่ซับซ้อน เช่น การผ่าตัดเปลี่ยนข้อ การผ่าตัดสมอง และการใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ เป็นโรงพยาบาลระดับเขตแห่งแรกในนครโฮจิมินห์ที่มีบริการคลินิคทั่วไปภายใต้รูปแบบ PPP ที่สามารถให้บริการตรวจสุขภาพให้กับผู้ป่วยนอก 2,500 ราย และผู้ป่วยใน 300 รายต่อวัน

ที่มา สำนักข่าว Thoi Bao Kinh Te Sai Gon วันที่ 15 กรกฏาคม 2560 และหนังสือพิมพ์ The Saigon Times Daily วันที่ 17 กรกฏาคม 2560 หน้า 3

URL: http://www.thesaigontimes.vn/162586/TPHCM-de-xuat-6-du-an-uu-tien-theo-hinh-thuc-PPP.html

 

4. นักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนโครงการรถไฟฟ้าใต้ดินและการสร้างศูนย์การค้าสารเคมี

เมื่อวันที่ 12 กรกฏาคม 2560 นาย Young Pyo Hong ประธานกรรมการบริหารบริษัท Kexim Bank ได้เข้าพบนาย Truong Quang Nghia รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อหารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าใต้ดินในนครโฮจิมินห์  

นาย Young Pyo Hong กล่าวว่า Kexim Bank เคยพัฒนาโครงการรถไฟฟ้าใต้ดินในเกาหลีใต้ และสนใจที่จะสร้างลงทุนสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินในนครโฮจิมินห์ โดยเฉพาะเส้นทางที่เชื่อมไปยังท่าอากาศยาน Tan Son Nhat การสร้างรถไฟใต้ดินสายที่ 4 และ รถไฟใต้ดินสายที่ 5

นอกจากนี้ใน ระหว่างการเยือนประเทศเยอรมันนีอย่างเป็นทางการของนาย Nguyen Xuan Phuc ระหว่างวันที่ 5 – 8 กรกฎาคม 2560 นั้น ทางบริษัท Siemen ยังได้แสดงความสนใจที่จะเข้าร่วมลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าใต้ดินในนครโฮจิมินห์เช่นกัน ซึ่งบริษัท Siemens เคยกล่าวกับสำนักข่าว VIR ว่าบริษัทฯ ได้ติดตามโครงการ รถไฟฟ้าสายที่ 2 ในนครโฮจิมินห์มาตั้งแต่ ปี 2556 และเคยสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินมาแล้วในหลายประเทศทั่วโลกรวมทั้งสิงคโปร์

ไม่เพียงแต่บริษัท Kexim Bank และ บริษัท Siemens แต่บริษัท Lotte Engineering & Construction Co, Ltd. ซึ่งเป็น บริษัท ในเครือของกลุ่มบริษัท Lotte Group ก็สนที่จะลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าใต้ดินสายเหนือ – ใต้ และเส้นทางท่าอากาศยานนานาชาติ Long Thanh 

นอกจากนั้น สำนักงาน อุตสาหกรรมและการค้า ในนครโฮจิมินห์ จัดการประกวดราคาเพื่อเลือกนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในโครงการศูนย์การค้าสารเคมี โดยโครงการนี้ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการประชาชนของนครโฮจิมินห์เรียบร้อยแล้ว แต่มีความล่าช้าเนื่องจากความกังวลในเรื่องความปลอดภัยที่ตลาด Kim Bien ซึ่งมีความไม่เหมาะสมในปัจจุบัน

ที่มา สำนักข่าว Talk Vietnam วันที่ 14 กรกฎาคม 2560 และหนังสือพิมพ์ The Saigon Times Daily วันที่ 17 กรกฏาคม 2560 หน้า 1

URL: https://www.talkvietnam.com/2017/07/foreign-investors-flock-to-metro-projects/

******************************************************************

ศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในนครโฮจิมินห์