วันที่นำเข้าข้อมูล 9 ส.ค. 2560
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 5 พ.ย. 2562
ข่าวเด่นวันที่ 7-9 สิงหาคม 2560
1. กลุ่มบริษัท Central ตั้งเป้าขยายสาขาศูนย์การค้า Nguyen Kim ให้ได้ 50 สาขาภายใน 2 ปีข้างหน้า
ในเดือนสิงหาคม 2560 ศูนย์การค้า Nguyen Kim มีแผนการจะเปิดศูนย์การค้าเพิ่ม 5 แห่งในนครโฮจิมินห์และจังหวัดด่งนาย โดยบริษัทเปิดเผยว่า มีแผนการที่จะเปิดสาขาเพิ่มกว่า 50 แห่งทั่วประเทศภายในอีก 2 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ในปี 2558 บริษัท Nguyen Kim ได้ขายหุ้นร้อยละ 49 ให้กับกลุ่มบริษัท Central Group หุ้นส่วนทางธุรกิจสัญชาติไทย ทำให้การพัฒนาศูนย์การค้าแห่งใหม่เติบโตเร็วขึ้น ซึ่งเป็นไปตามแผนการที่กลุ่มบริษัท Central ได้ประกาศไว้เมื่อตอนเข้าซื้อหุ้น ซึ่งในขณะนั้นมีศูนย์การค้าเพียง 20 แห่งเท่านั้น โดยกลุ่มบริษัท Central ได้ขยายร้าน Nguyen Kim เข้าไปในห้างสรรพสินค้าและซุปเปอร์มาเก็ตหลายแห่ง
ศูนย์การค้าแห่งใหม่เปิดให้บริการในวันที่ 4 สิงหาคม 2560 ที่ถนน Nguyen Thi Thap เขต 7 นครโฮจิมินห์ ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานเดี่ยว 2 ชั้น พื้นที่ทั้งหมด 1,300 ตารางเมตร ทั้งนี้ศูนย์การค้า Nguyen Kim ในเขต 7 จะต้องแข่งขันกับร้านค้าอิเล็กทรอนิกส์รายอื่นๆ ที่ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียง เช่น ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า Dien May Xanh ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า Cho Lon และร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า Thien Hoa
ในเดือนกรกฎาคม 2560 บริษัท Nguyen Kim ได้เปิดศูนย์การค้า 2 แห่งในจังหวัดบากเลียวและจังหวัดญาลาย และในกลางเดือนสิงหาคม 2560 บริษัท Nguyen Kim จะเปิดศูนย์การค้าอีก 3 แห่งในนครโฮจิมินห์ และอีก 1 แห่งที่เขต Trang Bom จังหวัดด่งนาย
ศูนย์การค้าใหม่ทั้ง 5 แห่งนี้จะเป็นศูนย์การค้าระดับกลางที่มีพื้นที่ประมาณ 1,500 ตารางเมตร นอกจากนี้บริษัท Nguyen Kim ยังให้ความสำคัญกับศูนย์การค้าขนาดเล็ก 3 แห่งที่มีพื้นที่แสดงสินค้าน้อยกว่า 500 ตารางเมตร ซึ่งแต่ละศูนย์การค้าขนาดกลางจะมีพื้นที่ประมาณ 1,500 ตารางเมตร และศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่แสดงสินค้ามากกว่า 5,000 ตารางเมตร
อย่างไรก็ตาม การขยายเครือข่ายของบริษัท Nguyen Kim ยังล่าช้ากว่าศูนย์การค้า Dien May Xanh ซึ่งเป็นหนึ่งในคู่แข่งหลักของธุรกิจค้าปลีกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ของบริษัท The Gioi Di Dong ซึ่งมีสาขาทั่วประเทศกว่า 443 สาขา
ที่มาสำนักข่าว Thoi Bao Kinh Te Saigon วันที่ 2 สิงหาคม 2560
URL: http://www.thesaigontimes.vn/163239/Sau-hon-2-nam-co-Central-Nguyen-Kim-vuot-moc-50-trung-tam.html
2. ร้านสะดวกซื้อ GS25 เตรียมตัวเข้ามาแข่งขันในตลาดค้าปลีกเวียดนาม
ร้านสะดวกซื้อ GS25 สัญชาติเกาหลีใต้เตรียมตัวเข้ามาแข่งขันในตลาดค้าปลีกเวียดนาม โดยตั้งเป้าเปิดสาขาแรกในปีนี้ ในพื้นที่ใจกลางเมืองของนครโฮจิมินห์ ซึ่งบริษัท GS Retail เจ้าของกิจการร้านสะดวกซื้อ GS25 ได้บรรลุข้อตกลงกับกลุ่มบริษัท Son Kim หุ้นส่วนทางการตลาดสัญชาติเวียดนามเรียบร้อยแล้ว
จากการสำรวจการตลาดของบริษัท Insideretail ชี้ให้เห็นว่า ประเทศเวียดนามจะเป็นตลาดต่างประเทศแห่งแรกที่ร้านสะดวกซื้อ GS25 ลงทุนนอกประเทศเกาหลีใต้ โดยบริษัทมองว่าตลาดค้าปลีกเวียดนามเป็นตลาดค้าปลีกที่น่าลงทุนและมีศักยภาพมากกว่าตลาดค้าปลีกในประเทศจีนหรือประเทศอินโดนีเซีย และบริษัท Businesskorea รายงานสาเหตุที่ทำให้บริษัท GS25 เลือกที่จะลงทุนในเวียดนามเป็นประเทศแรกสืบเนื่องจากการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดดของประเทศเวียดนาม ตลอดจนมีประชากรวัยรุ่นเป็นจำนวนมาก โดยมีประชากรอายุต่ำกว่า 35 ปีถึงร้อยละ 57 จากจำนวนประชากรทั้งประเทศ นอกจากนั้น บริษัท GS25 ยังคาดหวังว่าการลงทุนในเวียดนามจะสามารถทำกำไรได้ปีละหลายพันล้านวอน
แม้ว่าในปัจจุบัน ตลาดการค้าปลีกในเวียดนามมีนักลงทุนด้านการค้าปลีกรายใหญ่หลายรายที่ได้ลงทุนมาเป็นระยะเวลาพอสมควรแล้วก็ตาม เช่น Lotte และ E-Mart แต่ผู้บริหารของบริษัท GS25 ได้แสดงออกถึงความมั่นใจในการลงทุนร้านสะดวกซื้อในประเทศเวียดนาม
บริษัทวิเคราะห์การตลาดทั้งในและต่างประเทศหลายราย อาทิ บริษัท A.T. Kearney สัญชาติสหรัฐอเมริกา ประเมินว่า ในปี 2560 ตลาดการค้าปลีกเวียดนามมีความน่าดึงดูดมากที่สุดลำดับที่ 6 ตามดัชนีการพัฒนาการค้าปลีกโลก (Global Retail Development Index; GRDI) ซึ่งธุรกิจการค้าปลีกได้เติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศเวียดนาม นอกจากนั้น จากรายงาน Fast Moving Consumer Goods (FMCG) ของบริษัท Kantar Worldpanel ชี้ให้เห็นว่า รายได้ของร้านสะดวกซื้อและซุปเปอร์มาเก็ตขนาดย่อมในประเทศเวียดนามเพิ่มขึ้นอย่างมากและมีแนวโน้มที่สดใสในอนาคต
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตลาดการค้าปลีกในประเทศเวียดนามจะได้รับการประเมินว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการพัฒนาสูง แต่ก็มีการแข่งขันในตลาดสูงเช่นกัน เนื่องจากมีผู้เล่นหลายรายในตลาดที่มีประสบการณ์ในการลงทุนและมีเม็ดเงินลงทุนจำนวนมาก เช่น ร้านสะดวกซื้อ Circle K, B’sMart, FamilyMart, Ministop, Shop&Go, และ 7-Eleven เป็นต้น อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญทางการตลาดหลายรายยังประเมินว่า การลงทุนของบริษัท GS25 และกลุ่มบริษัท Son Kim มีแนวโน้มจะประสบความสำเร็จได้ เนื่องจากบริษัท GS25 เป็นหนึ่งในผู้นำด้านการกระจายสินค้าของประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งมีธุรกิจร้านสะดวกซื้อและซุปเปอร์มาเก็ตหลายแห่งในประเทศเกาหลีใต้ และกลุ่มบริษัท Son Kim ก็เป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำของประเทศเวียดนามในด้านการขายปลีก การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ และสารสนเทศ
ที่มา สำนักข่าว Thoi Bao Kinh Te Saigon วันที่ 2 สิงหาคม 2560
URL: http://www.thesaigontimes.vn/163238/Canh-tranh-cua-hang-tien-loi-sap-co-them-GS25.html
3. บริษัทสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มภายในประเทศเวียดนามยังไม่สามารถใช้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรี
นาย Nguyen Ngoc Hoa รองผู้อำนวยการสำนักงานอุตสาหกรรมและการค้า นครโฮจิมินห์ กล่าวในงานประชุมผู้ประกอบการสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ในวันที่ 2 สิงหาคม 2560 ในนครโฮจิมินห์ ว่า บริษัทสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มภายในประเทศเวียดนามยังไม่สามารถใช้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรี (Free Trade Agreement; FTA) ที่เวียดนามได้บรรลุข้อตกลงกับนานาประเทศทั้ง 12 ฉบับ ได้แก่ Vietnam – ASEAN, ASEAN - India, ASEAN – Australia – New Zealand, ASEAN – South Korea, ASEAN – China, ASEAN – Japan, Vietnam – Chile, Vietnam – Japan, Vietnam – South Korea และ Vietnam – Eurasian Economic Union ได้ประโยชน์จากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเพียงอย่างเดียว
นาย Hoa กล่าวเสริมด้วยว่า ในช่วงระหว่างปี 2559 – 2563 ภาษีการนำเข้า-ส่งออก ภายใต้ข้อตกลง FTA จะลดลงในหลายประเภทและบางส่วนเป็นศูนย์ ซึ่งอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มเป็นหนึ่งในสินค้าส่งออกที่สำคัญของประเทศและของนครโฮจิมินห์ ซึ่งหากผู้ประกอบการสามารถใช้ประโยชน์จากข้อตกลงต่างๆ จะสามารถเพิ่มมูลค่าการส่งออกและขยายตลาดได้เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มภายในประเทศยังคงประสบกับข้อท้าทายบางประการ เช่น อุตสาหกรรมสนับสนุนยังไม่ได้รับการพัฒนาและวัตถุดิบที่ยังมีคุณภาพไม่เหมาะสม
นาย Pham Xuan Hong ประธานสมาคมสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม และการเย็บปักถักร้อยในนครโฮจิมินห์ (Garment-Textile-Embroidery-Knitting Association in HCMC) กล่าวว่า อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มยังคงต้องนำเข้าวัตถุดิบกว่าร้อยละ 70 จากต่างประเทศ โดยวัตถุดิบหลักๆ มาจากประเทศจีน นอกจากนั้น สาเหตุที่บริษัทภายในประเทศไม่สามารถใช้ประโยชน์จากข้อตกลง FTA ต่างๆ ได้เป็นเพราะสินค้าที่บริษัทต่างๆ ผลิตไม่ตรงตามข้อกำหนดของข้อตกลงต่างๆ และแหล่งที่มาของการผลิตไม่ถูกต้อง จึงไม่มีหนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า (Certificate of Origin) ที่ถูกต้อง
นาง Trinh Thi Thu Hien ประธานแผนกตรวจสอบที่มาของสินค้า สำนักงานการส่งออกและการนำเข้า กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทผลิตสินค้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มกว่าร้อยละ 50 ได้ประโยชน์จากข้อตกลง FTA ต่างๆ อย่างไรก็ตามบริษัทเหล่านั้นส่วนมากเป็นบริษัทต่างชาติ ซึ่งสินค้าที่จะผ่านกระบวนการ C/O ของข้อตกลง ASEAN FTA ได้จะต้องถูกตัด-ผลิต-ประกอบ ในประเทศเวียดนามภาย แต่สำหรับข้อตกลง FTA อื่นๆ เช่น ASEAN – Japan, EU – Vietnam หรือ Vietnam – Japan จะมีเงื่อนไข C/O ที่ซับซ้อนกว่า
นาย Hoa ได้กล่าวปิดท้ายว่า ในปัจจุบัน ตลาดส่งออกสินค้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มของเวียดนามยังคงมีจำกัด ซึ่งนักลงทุนควรจะขยายตลาดไปในประเทศที่เวียดนามได้มีข้อตกลง FTA ให้มากขึ้น และผู้ประกอบการภายในประเทศควรจะศึกษาขั้นตอนการส่งออกสินค้าและเงื่อนไข C/O ให้ละเอียด
มูลค่าการส่งออกสินค้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2560 มีมูลค่ากว่า 14 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยหลายฝ่ายคาดการว่า การส่งออกสินค้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มของปี 2560 จะมีมูลค่ากว่า 30 – 31 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
ที่มา หนังสือพิมพ์ Vietnamnews วันที่ 3 สิงหาคม 2560
URL: http://vietnamnews.vn/economy/381337/local-textile-garment-firms-yet-to-reap-fta-benefits.html#qF2zUsc8YdcGcRbx.97
4. บริษัท Lotte Group เตรียมลงทุน 884 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับการพัฒนาโครงการ Eco-Smart City ในนครโฮจิมินห์
เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2560 กลุ่มบริษัท Lotte สัญชาติเกาหลี และคณะกรรมการประชาชนของนครโฮจิมินห์ได้ลงนามในสัญญาความร่วมมือการพัฒนาโครงการ Eco-Smart City มูลค่า 20.1 ล้านล้านด่ง (ประมาณ 884 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในบริเวณ Thu Thiem เขต 2 นครโฮจิมินห์
ทั้งนี้ 4 บริษัทในเครือของกลุ่มบริษัท Lotte Group ซึ่งประกอบไปด้วยบริษัท Lotte Asset Development, บริษัท Lotte Shopping, บริษัท Lotte Hotel และบริษัท Lotte Engineering and Construction จะร่วมดำเนินการโครงการนี้ด้วย
โครงการ Lotte Eco-Smart City ได้รับการออกแบบให้เป็นโครงการทันสมัย ที่ครอบคลุมพื้นที่ถึง 6 แปลงในเขตพื้นที่ 2A บริเวณ Thu Thiem ด้วยทุนจดทะเบียนประมาณ 884 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยจะพัฒนาพื้นที่ 74,000 ตารางเมตร ซึ่งประกอบไปด้วยห้างสรรพสินค้า สำนักงาน โรงแรม และอาคารที่พักอาศัยจำนวน 11 อาคาร ที่มี15 – 40 ชั้น บนพื้นที่กว่า 50,000 ตารางเมตร ส่วนพื้นที่ที่เหลืออีก 25,000 ตารางเมตรจะใช้พัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกและโครงสร้างพื้นฐานบริเวณรอบๆ โครงการ รวมถึงการตัดถนนใหม่ 4 เส้น
ในปี 2556 กลุ่มบริษัท Lotte ได้เสนอโครงการนี้อย่างเป็นทางการให้คณะกรรมการประชาชนของนครโฮจิมินห์ พิจารณา และในเดือนเมษายาน 2559 คณะกรรมการประชาชนของนครโฮจิมินห์ได้อนุมัติให้บริษัททั้ง 4 แห่งในเครือของบริษัท Lotte Group เป็นผู้ลงทุนในโครงการนี้
นาย Shin Dong Bin ประธานกลุ่มบริษัท Lotte และนาย Nguyen The Minh หัวหน้าคณะกรรมการบริหารพื้นที่ Thu Thiem เห็นพ้องว่า โครงการนี้มีขนาดใหญ่และมีความสำคัญมากสำหรับการพัฒนาเขตตัวเมืองใหม่ของนครโฮจิมินห์ เนื่องจากจะเป็นการพัฒนาพื้นที่การค้าการลงทุนสมัยใหม่ และโครงการอื่นๆ อีกหลายรูปแบบ
กลุ่มบริษัท Lotte จะดำเนินการก่อสร้างโครงการนี้ภายใน 72 เดือนนับจากวันที่ได้รับใบอนุญาตให้เช่าที่ดิน อย่างไรก็ตาม ในเดือนสิงหาคม 2558 บริษัท Lotte Group ได้จ่ายเงินค่ามัดจำที่ดินจำนวน 2 ล้านล้านด่ง (ประมาณ 89.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และทำการจองที่ดิน 6 แปลงสำหรับการพัฒนาโครงการนี้เรียบร้อยแล้ว
นาย Nguyen Thanh Phong ประธานคณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์ ได้เสนอให้กลุ่มบริษัท Lotte เร่งดำเนินการพัฒนาโครงการดังกล่าวภายในไตรมาสที่ 3 ของปี 2560
กลุ่มบริษัท Lotte ได้เข้าลงทุนในประเทศเวียดนามครั้งแรกเมื่อปี 2539 ในโครงการโรงงานผลิตขนม ในปัจจุบัน กลุ่มบริษัท Lotte ได้ขยายธุรกิจหลายประเภท เช่น ศูนย์การค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต โรงหนัง โรงแรม และอสังหาริมทรัพย์ โดยมีทุนจดทะเบียนในเวียดนามทั้งสิ้นประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ที่มา สำนักข่าว Vietnamnet วันที่ 1 สิงหาคม 2560
http://english.vietnamnet.vn/fms/business/182895/new-wave-of-billion-dollar-fdi-projects-hits-vietnam.html
**********************************************
ศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในนครโฮจิมินห์
อีเมลสถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์
ติดต่อทั่วไป
แผนกเศรษฐกิจ
แผนกกงสุล (หนังสือเดินทาง, นิติกรณ์และทะเบียนราษฎร์, บัตรประชาชน, การตรวจลงตราและรับรองเอกสาร)