วันที่นำเข้าข้อมูล 30 ส.ค. 2560
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 24 พ.ย. 2565
ข่าวเด่นวันที่ 28 – 29 สิงหาคม 2560
1. บริษัท Geleximco ร่วมกับบริษัท KAIDI สัญชาติจีนยื่นขออนุมัติสร้างสนามบินนานาชาติ Long Thanh จังหวัดด่งนาย แม้หลายฝ่ายมีความกังวล
บริษัท Geleximco และกลุ่มบริษัท KAIDI ของประเทศจีนได้ยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรีในการขออนุมัติก่อสร้างสนามบินนานาชาติ Long Thanh ในลักษณะความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน (Public Private Partnership; PPP)
ตัวแทนของบริษัท Geleximco ได้ประกาศว่า บริษัทฯ มีความสัมพันธ์ที่ดีกับหุ้นส่วนชาวจีนและบริษัทหุ้นส่วนสัญชาติฮ่องกงคือบริษัท IDG ซึ่งล้วนแต่เป็นบริษัทที่มีทุนทรัพย์มหาศาลและมีประสบการณ์ในการลงทุนโครงการสิ่งอำนวยความสะดวกและโครงสร้างพื้นฐานและท่าอากาศยานที่ทันสมัย ตลอดจนรับประกันได้ว่าจะสามารถดำเนินโครงการสร้างสนามบินนานาชาติ Long Thanh ให้แล้วเสร็จได้ภายในระยะเวลา 3 – 5 ปี
ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่บริษัท Geleximco และหุ้นส่วนบริษัทสัญชาติจีนได้ร่วมกันยื่นอนุมัติขอลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ซึ่งที่ผ่านมาเมื่อเดือนตุลาคม 2559 บริษัท Geleximco ร่วมกับบริษัท Hong Kong United Investors (HUI) ได้ยื่นเสนอต่อกระทรวงคมนาคมและการขนส่งในการก่อสร้างโครงการใหญ่ 4 โครงการ ประกอบไปด้วย (1) โครงการก่อสร้างสนามบินนานาชาติ Long Thanh (2) โครงการก่อสร้างทางด่วนเหนือ-ใต้ (3) โครงการก่อสร้างทางด่วน Ha Long – Van Dong – Mong Cai และ (4) โครงการก่อสร้างเส้นทางรถไฟความเร็วสูงเหนือ-ใต้ ซึ่งทุกโครงการจะใช้เงินรวมกันกว่า 50 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนั้น ในเดือนมีนาคม 2560 บริษัท Geleximco ยังได้เชิญให้บริษัทก่อสร้างและแผนงานเมืองหางโจว เข้ามาร่วมศึกษาความเป็นไปใด้และร่วมร่างแบบแผนอัตราส่วน 1 : 5,000 ในโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณสองข้างแม่น้ำ Hong อีกด้วย
ทั้งนี้ คณะกรรมการดำเนินงานโครงการสนามบินนานาชาติ Long Thanh ได้เปิดเผยว่า ขณะนี้ มีผู้สนใจเข้ามาลงทุนในโครงการดังกล่าวเป็นจำนวนมากจากนานาประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส เกาหลีใต้ และจีน
นาย Le Dinh Tho รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและการขนส่ง เปิดเผยว่า ในปัจจุบัน โครงการก่อสร้างสนามบินนานาชาติ Long Thanh ยังอยู่ในระยะการทำรายงานศึกษาความเป็นไปได้ในการดำเนินโครงการ (feasibility study report) เท่านั้น ซึ่งยังมิได้เลือกนักลงทุนเข้ามาลงทุนในโครงการ หากนักลงทุนรายใดสนใจเข้ามาลงทุนในโครงการก่อสร้างก็สามารถยื่นขออนุมติได้
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญหลายคนแสดงออกถึงความกังวลอย่างชัดเจนกับการลงทุนร่วมกันกับบริษัทสัญชาติจีนในโครงการก่อสร้างสนามบินนานาชาติ Long Thanh เนื่องมาจากโครงการใหญ่ๆ ที่ผ่านมา อาทิ โครงการรถไฟฟ้า Cat Linh – Ha Dong ซึ่งมีบริษัทจากประเทศจีนเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง มีกำหนดการเปิดใช้งานเดิมในปี 2555 แต่ปัจจุบันยังอยู่ในระยะการก่อสร้าง รวมถึงโครงการก่อสร้างสนามกีฬานานาชาติ My Dinh ซึ่งผู้ดำเนินโครงการได้ละเมิดสัญญาหลายข้อ
ศาสตราจารย์ Luu Bich Ho อดีตประธานสถาบันยุทธศาสตร์การพัฒนา สังกัดกระทรวงการวางแผนและการลงทุน ให้สัมภาษณ์ว่า ความต้องการการก่อสร้างโครงการสิ่งอำนวยความสะดวกและโครงสร้างพื้นฐานในเวียดนามมีเป็นจำนวนมาก แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเลือกนักลงทุนที่ถูกต้องมาลงทุนในโครงการที่มีความสำคัญระดับชาติ
ที่มา หนังสือพิมพ์ Thanh Nien วันที่ 29 สิงหาคม 2560
URL: http://thanhnien.vn/kinh-doanh/than-trong-chon-nha-thau-xay-san-bay-long-thanh-870289.html
2. สายการบินหลายสายเปิดเส้นทางการบินใหม่ในเขตกงสุล
เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2560 สายการบิน Vietjet สายการบินต้นทุนต่ำของเวียดนามประกาศเปิดเส้นทางการบินระหว่างประเทศเส้นทางใหม่ ซึ่งเชื่อมต่อระหว่างนครโฮจิมินห์และกรุงจาการ์ตาของอินโดนีเซีย ใช้เวลาในการบิน 3 ชั่วโมง ให้บริการทุกวัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2560 โดยออกจากนครโฮจิมินห์เวลา 20.40 น. และเดินทางถึงกรุงจาการ์ตาเวลา 21.40 น. และออกจากกรุงจาการ์ตาเวลา 01.40 น. และเดินทางกลับถึงนครโฮจิมินห์เวลา 04.40 น.
นาย Nguyen Phu Trong เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ของเวียดนาม กล่าวว่า เส้นทางการบินใหม่นี้จะตอบสนองความต้องการด้านการเดินทางระหว่างสองประเทศ และเพิ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าในภูมิภาค ASEAN ให้เพิ่มขึ้น
นาย Dinh Viet Phuong รองประธานสายการบิน Vietjet กล่าวว่า สายการบิน Vietjet ได้พัฒนาบริการทางอากาศในเส้นทางระหว่างประเทศที่สำคัญ เพื่อช่วยเชื่อมต่อธุรกิจหลักของเวียดนามและศูนย์กลางการท่องเที่ยว กับจุดหมายปลายทางต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงกรุงจาการ์ตาด้วย ซึ่งเส้นทางดังกล่าวจะช่วยเพิ่มความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และการลงทุนระหว่างสองประเทศ
สายการบิน Vietjet ได้เปิดบริการมาแล้ว 73 เส้นทางในเวียดนามและภูมิภาค รวมถึง ไทย สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ไต้หวัน ฮ่องกง จีน มาเลเซีย เมียนมาร์ และกัมพูชา ซึ่งปัจจุบันมีผู้โดยสารเกือบ 40 ล้านคนต่อปี
เช่นเดียวกัน เมื่อเร็วๆ นี้สายการบิน Thai AirAsia ได้เปิดเส้นทางเที่ยวบินตรงนครดานัง –กรุงเทพฯ ซึ่งได้เริ่มดำเนินการเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2560 โดยออกเดินทางจากกรุงเทพฯ เวลา 10.10 น. และถึงนครดานัง เวลา 11.30 น. ในขณะที่ขากลับจะออกเดินทางจากนครดานัง เวลา 12.00 น. และเดินทางถึงถึงกรุงเทพฯ เวลา 13.20 น. ซึ่งนครดานังถือเป็นเมืองที่ 3 ของเวียดนามที่บริษัท Thai AirAsia ได้เปิดเที่ยวบินตรงเชื่อมต่อกับกรุงเทพฯ ต่อจากกรุงฮานอยและนครโฮจิมินห์
นอกจากนั้น ในวันที่ 25 เดือนสิงหาคม 2560 บริษัททัวร์ Vietravel และรัฐบาลของจังหวัด Fukushima ของประเทศญี่ปุ่นได้ลงนามร่วมกันในข้อตกลงจะจัดเที่ยวบินเช่าเหมาลำจำนวน 15 เที่ยวพานักท่องเที่ยวชาวเวียดนาม 3.000 คนไปยังประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายน 2561 ซึ่งเป็นช่วงฤดูดอกซากุระ เที่ยวบินเช่าเหมาลำครั้งนี้ถือว่าเป็นโครงการที่ใหญ่ที่สุดของสนามบิน Fukushima นับตั้งแต่วันที่สนามบินได้เปิดให้บริการ เที่ยวบินเช่าเหมาลำนี้จะประหยัดค่าทัวร์ถึงร้อยละ 30 ให้แก่นักท่องเที่ยว
ข้อมูลขององค์การการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (JNTO) ระบุว่า จำนวนนักท่องเที่ยวชาวเวียดนามเดินทางมายังประเทศญี่ปุ่นจำนวน 233,000 คนในปี 2559 เพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2555 และในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2560 ประเทศญี่ปุ่นให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวจากเวียดนามถึง 181,900 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.6 เมื่อเปรียบเทียบช่วงเดียวกันของปี 2559
ทั้งนี้ เมื่อเดือนมีนาคม 2560 สำนักงานการท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น องค์การการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (JNTO) และสำนักการท่องเที่ยวแห่งชาติเวียดนาม ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจเรื่องการส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกัน โดยคาดว่า นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นจะมาเที่ยวเวียดนามกว่า 1 ล้านคน ภายในปี 2561 ซึ่งในปี 2559 มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นที่มาเที่ยวในเวียดนามเพียง 740,000 คน และจำนวนนักท่องเที่ยวชาวเวียดนามที่ไปประเทศญี่ปุ่นจะเพิ่มเป็น 500,000 คน เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า จากปี 2559
ที่มา สำนักข่าว Thoi Bao Kinh Te Sai Gon วันที่ 25 สิงหาคม 2560
3. สินเชื่อในนครโฮจิมินห์ปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่ภาค IT เรียกร้องการสนับสนุนจากภาครัฐ
นาย Nguyen Hoang Minh รองผู้อำนวยการธนาคารแห่งชาติเวียดนามสาขานครโฮจิมินห์ กล่าวว่า มูลค่าสินเชื่อในนครโฮจิมินห์เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,600 ล้านล้านด่ง (ประมาณ 70.41 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) นับถึงช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2560
ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ Dau tu Chung khoan รายงานว่า ในขณะนี้สถาบันสินเชื่อในนครโฮจิมินห์มีการระดมเงินทุนเกือบ 1,900 ล้านล้านด่ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.08 เมื่อเทียบกับช่วงสิ้นปี 2559 ในขณะที่เงินออมลดลง ร้อยละ 52.86
ในปัจจุบัน สินเชื่อระยะกลางและระยะยาวคิดเป็นกว่าร้อยละ 51 ของยอดสินเชื่อคงเหลือ ซึ่งเอื้อประโยชน์ในการสร้างสภาพคล่องให้กับบริษัทต่างๆ เพื่อขยายการดำเนินการปรับปรุงเทคโนโลยีและมีส่วนร่วมในโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐาน
ทั้งนี้ บริษัทเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) หลายบริษัท ยังต้องการให้นครโฮจิมินห์สนับสนุนภาคไอทีเพิ่มขึ้น โดย นาย Lam Nguyen Hai Long ผู้อำนวยการบริษัท Quang Trung Software City Development ได้ขอให้ สำนักงานคณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์นำกองทุนพัฒนาทรัพยากรมนุษย์กลับมาใช้อีกครั้ง และควรมีการจัดเตรียมการพัฒนา IT อย่างเป็นระบบ เพื่อพัฒนาคุณภาพบริษัท IT ในนครโฮจิมินห์
นาย Nguyen Thanh Thuy ผู้บริหารของบริษัท Smart World Technology กล่าวว่า ขั้นตอนการจัดการโดยเฉพาะอย่างยิ่งการชำระเงินและขั้นตอนการออกหนังสือรับรองทางราชการควรจะมีความสะดวกรวดเร็วขึ้น รวมถึงการให้คำนิยามผลิตภัณฑ์ซอฟท์แวร์ใหม่จะช่วยให้การส่งออกซอฟแวร์ของนครโฮจิมินห์เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เนื่องจากปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ซอฟท์แวร์ยังไม่ได้รับการนิยามว่าเป็นสินค้าทางกายภาพ
นาย Ngo Van Toan รองผู้อำนวยการบริษัท Global Cyber Soft กล่าวว่า บริษัทซอฟท์แวร์และไอทีส่วนใหญ่ที่ให้บริการ outsourcing ในนครโฮจิมินห์มีขนาดเล็ก ดังนั้น รัฐบาลควรให้การสนับสนุนบริษัทเหล่านั้นมากขึ้น และควรส่งเสริมให้เกิดแรงจูงใจด้านภาษีแก่แรงงานไอทีที่มีทักษะสูง เพื่อรับมือกับปัญหาการขาดแคลนแรงงานและส่งเสริมการลงทุน โดยนครโฮจิมินห์และสมาคม IT นครโฮจิมินห์ ควรมีการเชื่อมโยงที่ดีระหว่างกันเพื่อสร้างโอกาสในการลงทุนและการขยายการผลิต
ที่มา หนังสือพิมพ์ The Saigon Times Daily วันที่ 28 สิงหาคม 2560 หน้า 1
4. สามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงเตรียมพร้อมพัฒนาพลังงานทดแทน
ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานซึ่งได้เข้าร่วมงานสัมมนาสัปดาห์พลังงานทดแทน 2560 ในนครเกิ่นเทอ วันที่ 24 สิงหาคม 2560 เห็นพ้องกันว่า จังหวัดต่างๆ ในบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงควรลงทุนในด้านพลังงานทดแทน แทนที่จะพัฒนาโรงไฟฟ้าความร้อน 14 แห่ง ที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 20,000 MV
นาย Nguyen Anh Tuan ผู้อำนวยการศูนย์พลังงานทดแทน สังกัดสถาบันพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า กล่าวว่า เวียดนามมีศักยภาพในการพัฒนาพลังงานหมุนเวียน ซึ่งสามารถผลิตพลังงานสะอาดได้สูงกว่า 9.1 ล้าน MW โดยแบ่งเป็นพลังงานชีวมวล 15,000 MW พลังงานชีวภาพ 177,299 MW พลังงานทดแทน (WTE) 9,000 MW พลังงานลมเกือบ 2.1 ล้าน MW และพลังงานแสงอาทิตย์เกือบ 6.8 ล้าน MW
อย่างไรก็ตาม การผลิตพลังงานทดแทนยังไม่ได้รับความสนใจจากภาคส่วนต่างๆ เมื่อนับถึงช่วงปลายปี 2559 ที่ผ่านมา มีการใช้พลังงานลมเพียง 159 MW พลังงานแสงอาทิตย์เพียง 0.18 MW และพลังงานชีวภาพเพียง 2.5 MW
ในปัจจุบัน เวียดนามพึ่งการใช้พลังงานไฟฟ้าที่ผลิตจากโรงไฟฟ้าพลังความร้อน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเชื้อเพลิงจากถ่านหิน โดยโรงงานในบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงมีกำลังการผลิตขนาดใหญ่ ตั้งแต่ 600 MV ถึง 2,000 MW แต่ปัญหาการขาดแคลนถ่านหินที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้า ทำให้โรงไฟฟ้าความร้อนหลายแห่งจะต้องนำเข้าถ่านหินจากต่างประเทศ ทั้งนี้ข้อตกลงการนำเข้าถ่านหินยังไม่ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาล ในขณะที่การก่อสร้างท่าเรือสำหรับการนำเข้าถ่านหินก็ประสบปัญหาด้านการก่อสร้าง ราคาถ่านหินได้เพิ่มขึ้นจากตันละ 40 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นตันละ 60 ดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ราคาไฟฟ้าสูงขึ้น ตลอดจนมลพิษทางสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากโรงไฟฟ้าพลังความร้อนก็เป็นอีกปัจจัยที่น่ากังวลอย่างมาก
เนื่องจากปัจจัยด้านลบดังกล่าว ทุกฝ่ายได้เสนอให้รัฐบาลปรับปรุงแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าฉบับที่ 7 เพื่อยกเลิกการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนแห่งใหม่ในบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง
ที่มา สำนักข่าว Thoi Bao Kinh Te Saigon วันที่ 26 สิงหาคม 2560
***************************************************
ศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในนครโฮจิมินห์
อีเมลสถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์
ติดต่อทั่วไป
แผนกเศรษฐกิจ
แผนกกงสุล (หนังสือเดินทาง, นิติกรณ์และทะเบียนราษฎร์, บัตรประชาชน, การตรวจลงตราและรับรองเอกสาร)