ข่าวเด่นวันที่ 4 - 5 กันยายน 2560

ข่าวเด่นวันที่ 4 - 5 กันยายน 2560

วันที่นำเข้าข้อมูล 6 ก.ย. 2560

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 21 พ.ย. 2565

| 1,063 view

ข่าวเด่นวันที่ 4 - 5 กันยายน 2560

1. กลุ่มบริษัท SCG เร่งความเร็วในการพัฒนาโครงการ Long Son Petrochemical Complex ในจังหวัดบ่าเหรี่ยะ-หวุงเต่า

เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2560 นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาศน์ ประธานผู้บริหารกลุ่มบริษัท SCG และนาย Nguyen Vu Truong Son ประธานกลุ่มบริษัท Petro Vietnam ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจร่วมกัน ที่กรุงเทพฯ โดยมีนายกรัฐมนตรีของไทยและเวียดนามร่วมเป็นสักขีพยาน ระหว่างการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี Nguyen Xuan Phuc ระหว่างวันที่ 17 – 19 สิงหาคม 2560 เพื่อเพิ่มเงินลงทุนในโครงการ Long Son Petrochemical Complex ในจังหวัดบ่าเหรี่ยะ-หวุงเต่า เป็น 5.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และให้คำมั่นว่า โครงการดังกล่าวจะสามารถเริ่มเปิดดำเนินการได้ภายในปี 2565

นายรุ่งโรจน์ กล่าวว่า โครงการ Long Son Petrochemical Complex เป็นโครงการปิโตรเคมีแรกของกลุ่มบริษัท SCG ที่ดำเนินการในประเทศเวียดนาม โดยคาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้าง 4 – 5 ปี เมื่อแล้วเสร็จ จะสามารถผลิตน้ำมัน Olefin ได้ประมาณ 1.6 ล้านตัน/ปี และสามารถผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีอื่นๆ ได้หลากหลายชนิดสำหรับใช้ในประเทศเวียดนาม โครงการดังกล่าวยังเป็นหนึ่งในก้าวที่สำคัญของการพัฒนาอุตสาหกรรมสนับสนุนของประเทศ และยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศเวียดนามในเวทีโลก โดยผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ผลิตจากโครงการจะนำมาใช้ในประเทศเวียดนามร้อยละ 100 ซึ่งกลุ่มบริษัท SCG  มีความภาคภูมิใจเป็นอย่างมากที่โครงการได้รับการยอมรับจากรัฐบาลและประชาชนชาวเวียดนาม ทั้งนี้โครงการ Long Son Petrochemical Complex เป็นโครงการที่กลุ่มบริษัท SCG ใช้เงินลงทุนมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

กลุ่มบริษัท SCG เป็นหนึ่งในบริษัทที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประเทศไทย และเป็นกลุ่มบริษัทชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งดำเนินธุรกิจมามากกว่า 103 ปี โดยลงทุนในเวียดนามมาแล้วกว่า 20 ปี ใน 3 ภาคธุรกิจ ได้แก่ (1) ปิโตรเคมี (2) การบรรจุภัณฑ์ และ (3) ปูนซีเมนต์ มีบริษัทในเครือกว่า 21 แห่งในประเทศเวียดนาม มีพนักงานกว่า 8,300 คน และให้การสนับสนุนภาคประชาสังคมของเวียดนามมาโดยตลอด อาทิ การจัดกิจกรรมเพื่อสังคม การให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียน/นักศึกษา การพัฒนาพื้นที่ชนบท  การพัฒนาการกีฬา และโครงการสนามเด็กเล็กในสวนสาธารณะ Hoang Van Thu ในนครโฮจิมินห์

ที่มา หนังสือพิมพ์ Thanh Nien วันที่ 30 สิงหาคม 2560 หน้า 14

 

2. นครโฮจิมินห์ควรหยุดก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยตามแนวถนนแออัด

คณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์ได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ยุติการออกใบอนุญาตการก่อสร้างอาคารสูง ตามแนวเส้นทางการจราจรที่มีความแออัดสูง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายแก้ไขและบรรเทาการจราจรที่ติดขัดอย่างหนักในเขตตัวเมืองนครโฮจิมินห์ เนื่องจากพื้นที่พักอาศัยและย่านอพาร์ทเมนท์ผุดขึ้นมาเป็นจำนวนมาก ในขณะที่ท้องถนนและสิ่งอำนวยความสะดวกและโครงสร้างพื้นฐานยังไม่ได้รับการพัฒนาตามไปด้วย

คณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์ ชี้แจงเพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่ดูแลการออกใบอนุญาตดำเนินการโครงการก่อสร้างที่พักอาศัยในตัวเมืองนครโฮจิมินห์ จะต้องทบทวนรูปแบบโครงการ ความเหมาะสมของโครงการ และสภาพแวดล้อมของท้องถิ่น ก่อนที่จะออกใบอนุญาตดำเนินโครงการ  โดยท้ายที่สุดแล้ว อำนาจการตัดสินใจสุดท้ายจะอยู่ที่ กรมการวางแผนและสถาปัตยกรรม ซึ่งล่าสุด ทั้งสองหน่วยงานได้ร่วมมือกับหน่วยงานอื่น ๆ ในการประเมินผลของโครงการก่อสร้างท้องถิ่น และหารือกับนักพัฒนาอาคารสูง เพื่อทำการประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้นกับโครงสร้างของการจราจร

ทั้งนี้ นาย Le Hoang Chau ประธานสมาคมอสังหาริมทรัพย์ในนครโฮจิมินห์ (Ho Chi Minh Real Estate Association; HoREA) กล่าวว่า สมาคมฯ ได้ยื่นข้อเสนอต่อรัฐบาลให้ปรับปรุงกฎหมายที่ดินปี 2556 โดยเพิ่มประเด็นการใช้ที่ดินสำหรับการท่องเที่ยว โดยให้ใช้ที่ดินเพื่อจุดประสงค์ในการพัฒนาโครงการท่องเที่ยวเท่านั้น ห้ามมิให้ใช้เพื่อจุดประสงค์อื่นๆ เช่น ที่อยู่อาศัย เพราะจะทำให้สิ่งอำนวยความสะดวกและโครงสร้างพื้นฐานในบริเวณดังกล่าวมีความแออัด

ตามกฎหมายที่ดินปี 2556 มีการกล่าวถึงการใช้ที่ดินเพื่อโครงการที่อยู่อาศัย โครงการนิคมอุตสาหกรรม โครงการนิคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง โครงการเศรษฐกิจพิเศษ โครงการคมนาคมขนส่ง โครงการการค้า โครงการการบริการ และอื่นๆ แต่ไม่ได้กล่าวถึงโครงการการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับการพัฒนาภาคการท่องเที่ยวตามเป้าหมายของรัฐบาล ซึ่งในปัจจุบัน โครงการ Condotel หลายๆ แห่ง ดำเนินการอย่างผิดกฎหมาย และชำระภาษีอย่างไม่ถูกต้อง

ที่มา สำนักข่าว Tap Chi Bat Dong San Viet Nam วันที่ 30 สิงหาคม 2560

URL: http://reatimes.vn/dat-su-dung-cho-du-lich-khong-duoc-bien-tuong-thanh-nha-o-gia-dinh-13807.html

 

3. ธุรกิจการพนันผิดกฏหมายในนครโฮจิมินห์

ธุรกิจการพนันผิดกฎหมายสามารถพบเห็นได้ในหลายๆ แห่งในนครโฮจิมินห์ ซึ่งคาสิโนหลายแห่งมักจะแฝงตัวมาในรูปแบบ Game Center โดยมีเครื่องเล่นการพนันเช่น เครื่องยิงปลา เครื่องยิงเงิน เครื่อง Baccaret เครื่องทายสูง-ต่ำ เครื่องทายสี หรือเครื่องเล่นการพนันชนิดอื่นๆ ซึ่งถูกนำเข้าอย่างผิดกฏหมาย โดยเงินพนันต่ำสุดครั้งละ 100,000 – 300,000 ด่ง และเสียค่าบัตรเติมเงินครั้งละ 50,000 ด่ง

เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2560 ผู้สื่อข่าวของสำนักข่าว Thanh Nien ได้แอบปลอมตัวเข้าไปเล่นการพนันในสถานที่เล่นการพนันแห่งหนึ่งบนถนน Kinh Duong Vuong เขต 6 นครโฮจิมินห์ ตั้งติดอยู่กับสถานศึกษาแห่งหนึ่ง ซึ่งรายล้อมไปด้วยกล้องวงจรปิดหลายตัว ป้ายสัญลักษณ์ห้ามถ่ายรูป และมีพนักงานคอยให้บริการตามติดผู้ใช้บริการ ซึ่งคอยพูดชักจูงให้ผู้เล่นหน้าใหม่ลองเล่นเครื่องเล่นการพนัน และได้เข้าไปเล่นการพนันใน Game Center แห่งหนึ่งในเขต 3 นครโฮจิมินห์ โดยได้พูดคุยกับผู้เล่นการพนันหลายราย ปรากฎว่ามีผู้ที่ได้กำไรจากการพนันน้อยราย และมีผู้เสียเงินเล่นพนันภายใน 2 วันถึง 150 ล้านด่ง

เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2560 ผู้สื่อข่าวรายเดิมได้แอบปลอมตัวเข้าไปเก็บข้อมูลของสถานที่เล่นการพนันอีกสองแห่งในเขต 3 และ เขต 1 นครโฮจิมินห์ ซึ่งมีเจ้าของเป็นชาวเวียดนามเชื้อสายจีนและนำเข้าเครื่องเล่นการพนันอย่างผิดกฎหมายจากประเทศจีน โดยในช่วงเวลา 16.00 น. – 20.00 น. เป็นช่วงระยะเวลาที่มีผู้เล่นการพนันเป็นจำนวนมาก และมีเงินหมุนเวียนในแต่ละแห่งไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันล้านด่งต่อวัน

จากข้อมูลของหนังสือพิมพ์ Thanh Nien พบว่า เครื่องเล่นการพนันที่นำเข้าอย่างผิดกฏหมายจำนวนมากล้วนนำเข้าจากประเทศจีน ราคาเครื่องเล่น Baccaret มีราคากว่า 200 – 240 ล้านด่ง เครื่องยิงปลามีราคาประมาณ 260 ล้านด่ง และเครื่องทายสีมีราคาประมาณ 140 ล้านด่ง ซึ่งราคาดังกล่าวยังไม่รวมค่าส่งสินค้าอย่างผิดกฎหมายเข้ามาในประเทศเวียดนาม โดยปัจจุบัน การส่งเครื่องเล่นการพนันอย่างผิดกฎหมายเข้ามายังประเทศเวียดนามมีราคาประมาณ 40 – 60 ล้านด่ง/เครื่อง

สำนักงานศุลกากรนครโฮจิมินห์ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในปัจจุบัน การนำเข้าเครื่องเล่นการพนันอย่างถูกกฎหมายสามารถทำได้โดยการเปิดสถานการพนันในโรงแรมระดับ 5 ดาว หรือคาสิโนที่ได้รับใบอนุญาตการลงทุนจากรัฐบาลเท่านั้น

ที่มา หนังสือพิมพ์ Thanh Nien วันที่ 30 – 31 สิงหาคม 2560 หน้า 10  และหน้า 3

**********************************************

ศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในนครโฮจิมินห์