ข่าวเด่นวันที่ 18 - 20 กันยายน 2560

ข่าวเด่นวันที่ 18 - 20 กันยายน 2560

วันที่นำเข้าข้อมูล 20 ก.ย. 2560

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 29 พ.ย. 2565

| 1,082 view

ข่าวเด่นวันที่ 18 - 20 กันยายน 2560

1. นายกรัฐมนตรีเวียดนามสนับสนุนนโยบายพิเศษเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของนครโฮจิมินห์ และแผนการสร้างศูนย์นิทรรศการและการประชุม ประจำนครโฮจิมินห์

นาย Nguyen Xuan Phuc นายกรัฐมนตรีเวียดนามกล่าวในที่ประชุมกับคณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์เกี่ยวกับทิศทางการพัฒนานครโฮจิมินห์ในปี 2563 เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2560 ว่า รัฐบาลสนับสนุนนโยบายพิเศษเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของนครโฮจิมินห์ และเห็นว่านครโฮจิมินห์ควรได้รับอำนาจในการบริหารจัดการที่มากขึ้น

สาเหตุที่นครโฮจิมินห์ต้องมีอำนาจพิเศษในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจนั้น เนื่องจากนครมีบทบาทสำคัญในกระบวนการพัฒนาทางสังคมและเศรษฐกิจของประเทศเวียดนาม เป็นศูนย์กลางการฝึกอบรมด้านทรัพยากรมนุษย์ของประเทศและมีมหาวิทยาลัย ตลอดจนวิทยาลัย และภาคธุรกิจขนาดใหญ่และธุรกิจ start up จำนวนมาก อีกทั้งมีส่วนสำคัญในการสร้างรายได้ให้กับภาครัฐจำนวนมหาศาล ซึ่งนาย Phuc จะทบทวนการพิจารณานโยบายพิเศษสำหรับนครโฮจิมินห์ และมติของกรมการเมือง ฉบับที่ 16-NO/TW เกี่ยวกับแผนการพัฒนานครโฮจิมินห์จนถึงปี 2563

นาย Phuc กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลจะให้อำนาจในการตัดสินใจแก่หน่วยงานต่าง ๆ มากขึ้น และจัดทำแผนพัฒนายุทธศาสตร์ระยะยาวสำหรับนครโฮจิมินห์ ที่มีวิสัยทัศน์และเป้าหมายจนถึงปี 2568 และดำเนินการต่อเนื่องให้สอดคล้องตามวิสัยทัศน์ในปี 2578 เนื่องจากปัจจุบัน นครโฮจิมินห์กำลังเผชิญกับปัญหาต่างๆ เช่น โครงสร้างพื้นฐานที่ไม่ได้รับการพัฒนา มลภาวะทางสิ่งแวดล้อม และปัญหาทางสังคม

นาย Trinh Dinh Dung รองนายกรัฐมนตรี กล่าวเสริมว่า รัฐบาลมีความจำเป็นที่จะต้องมีนโยบายและกลไกเฉพาะทางสำหรับนครโฮจิมินห์ มิเช่นนั้นการเติบโตของนครโฮจิมินห์จะชะลอตัวลงในระยะยาว โดยควรมุ่งเน้นการดำเนินการควบคู่ไปกับแผนพัฒนาเมือง เช่น การพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางทางการเงินที่บริษัทข้ามชาติต้องการมาตั้งสำนักงาน

นาย Nguyen Thien Nhan เลขาธิการคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์ นครโฮจิมินห์ กล่าวในที่ประชุมดังกล่าวว่า นครโฮจิมินห์เป็นเมืองที่มีการพัฒนามากที่สุดในเวียดนาม โดยมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศถึง 1.5 เท่า อย่างไรก็ตาม การพัฒนาของนครโฮจิมินห์ได้ชะลอตัวลงในช่วงตั้งแต่ปี 2550 – 2559  ที่ผ่านมา เนื่องจากความต้องการในการลงทุนของนักลงทุนลดลง โดยนครโฮจิมินห์มีประชากรจำนวนมากที่สุด    ในประเทศ ซึ่งมีความหนาแน่นของประชากรสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ 15 – 20 เท่าและผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) สูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ 30 – 40 เท่า ดังนั้น นครโฮจิมินห์จำเป็นต้องมีการลงทุนด้านสิ่งอำนวยความสะดวกโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การพัฒนาการขนส่งทางบก การบำบัด น้ำเสีย การประปา การศึกษา และอนามัย โดยได้เสนอให้นครโฮจิมินห์มีอิสระทางการเงินเพิ่มขึ้น เพิ่มค่าจ้างให้กับข้าราชการภายในนคร และพัฒนาคุณภาพประชากร

นอกจากนั้น นครโฮจิมินห์จะต้องมีพื้นที่ในการจัดประชุมและจัดนิทรรศการขนาดใหญ่ เพื่อส่งเสริมการพัฒนา ด้านธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการจัดการท่องเที่ยวธุรกิจไมซ์ (Meetings, Incentive Travel, Conventions, Exhibitions; MICE) โดยนาย Bui Ta Hoang Vu ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวของนครโฮจิมินห์ กล่าวว่า จะมี   การสร้างพื้นที่สำหรับการจัดนิทรรศการและศูนย์การประชุมนานาชาติบนพื้นที่ 14 เฮกตาร์ในเขตเมืองใหม่ Thu Thiem ในปี 2561 และคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2563 และมีโครงการสร้างโรงแรมระดับหรูหราเพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวรูปแบบ MICE

ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2560 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติในนครโฮจิมินห์จำนวนมากกว่า 2.7 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2559 และปัจจุบันนครโฮจิมินห์มีโรงแรมจำนวนมากกว่า 2,100 แห่ง    มีห้องพักจำนวนทั้งสิ้น 50,300 ห้อง จากสถิติของบริษัท McKinsey บริษัทที่ปรึกษาด้านการท่องเที่ยวของสหรัฐฯ ชี้ว่า ร้อยละ 17 ของนักท่องเที่ยวเดินทางมายังนครโฮจิมินห์เพื่อหาโอกาสในการลงทุน ซึ่งถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคที่มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 14 - 15

อย่างไรก็ตาม นอกจากเรื่องปัญหาโครงสร้างพื้นฐานดังที่กล่าวข้างต้นแล้ว หลายฝ่ายได้ร้องเรียนถึงปัญหาการขาดแคลนพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการและการจัดประชุมขนาดใหญ่ เนื่องจากศูนย์การประชุม Saigon Exhibition and Convention Center (SECC) มักจะถูกจองเต็มตลอดทั้งปี

นาย Thuong My An ผู้อำนวยการใหญ่ของบริษัท Saigon Exhibition and Convention ให้ข้อมูลว่า เมื่อปี 2559 มีผู้จัดงานจำนวนมากกว่า 53 กิจกรรมในศูนย์การประชุมฯ แห่งนี้ ซึ่งไม่เพียงพอกับจำนวนลูกค้าที่ต้องการใช้บริการ โดยบริษัทฯ มีแผนการขยายพื้นที่เพิ่มอีก 10,000 ตารางเมตร เพื่อรองรับการจัดนิทรรศการต่างๆ ที่มีจำนวนร้านค้า 1,000 ร้านค้า ซึ่งมากกว่าปัจจุบันที่มีรองรับได้เพียง 500 ร้านค้า

ที่มา สำนักข่าว Cuu Chien Binh Thanh Pho Ho Chi Minh วันที่ 13 กันยายน 2560

URL: http://www.cuuchienbinhtphcm.vn/index.php?option=com_content&view=article&id=3690:tph-chi-minh-s-c-phan-cp-phan-quyn-ti-a-&catid=66:thong-tin-tong-hop&Itemid=129

 

2. ความเชื่อมโยงในภูมิภาคจำเป็นสำหรับการค้าในภาคใต้ของเวียดนาม

ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลเวียดนามมีความพยายามที่จะสร้างความเชื่อมโยงในการกระจายสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ดี ปัญหาด้านโลจิสติกส์และการเข้าถึงห่วงโซ่อุปทานยังไม่ได้รับการแก้ไข อาทิ ในภาคเกษตรกรรม เกษตรกรในพื้นที่ภาคใต้ยังไม่สามารถสร้างแบรนด์สินค้าขึ้นมาเป็นของตนเองได้ ทำให้สินค้าของตนถูกกดราคาจากพ่อค้าคนกลาง

นาย Le Minh Duc ผู้อำนวยการสำนักงานอุตสาหกรรมและการค้า จังหวัดลองอาน กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์หลายชนิดไม่สามารถเข้าถึงตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากขาดความร่วมมือระหว่างผู้ผลิตและผู้จำหน่ายสินค้า บริษัทค้าปลีกรายใหญ่หลายราย อาทิ บริษัท Saigon Co.op บริษัท Lotte Mart บริษัท Aeon Vietnam และบริษัท Big C สัญญาว่าจะให้สิทธิพิเศษกับสินค้าเวียดนามในเครือข่ายร้านสะดวกซื้อของตน แต่บริษัทต่างๆ ก็ยังมีมาตรการควบคุมคุณภาพและข้อจำกัดที่ค่อนข้างเข้มงวด ดังนั้น สิ่งสำคัญที่ทุกภาคส่วนควรจะร่วมกันดำเนินการคือการพัฒนาคุณภาพของสินค้าและเครือข่ายการกระจายสินค้า ตลอดจนลดบทบาทของพ่อค้าคนกลางเพื่อให้สินค้าส่งตรงไปยังผู้บริโภคให้เร็วที่สุดและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

นาย Nhuyen Minh Toai ผู้อำนวยการสำนักงานอุตสาหกรรมและการค้า นครเกิ่นเทอ กล่าวว่า จังหวัดในภาคใต้ควรจะร่วมมือกันส่งเสริมการค้า ขยายตลาด และพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานทางการค้า อาทิ การสร้างตลาดกระจายสินค้าปลีก-ส่ง และซุปเปอร์มาเก็ต นอกจากนั้น ทุกๆ ฝ่ายควรจะร่วมมือกันพัฒนาห่วงโซ่ใน  การผลิตและพัฒนายุทธศาสตร์ระหว่างกัน เพื่อให้สินค้าต่างๆ สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดให้ได้มากที่สุดและลดการฉ้อโกงทางการค้า

จังหวัดในภาคใต้ของเวียดนามมีจำนวนเพียง 20 จังหวัด แต่มูลค่าการผลิตอุตสาหกรรมคิดเป็นร้อยละ 60 ของทั้งประเทศ และมูลค่าสินค้าและบริการคิดเป็นร้อยละ 57 ของทั้งประเทศ โดยในปี 2560 คาดการณ์ว่ามูลค่าการค้าปลีกของทั้งภูมิภาคจะมีมูลค่ากว่า 8.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.5 และมูลค่าการส่งออกรวม 105 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.6 เมื่อเทียบกับปี 2559

ที่มา สำนักข่าว Vietnam Investment Review วันที่ 18 กันยายน 2560

URL: http://www.vir.com.vn/regional-links-key-for-south-vn-trade.html

 

3. การเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในนครโฮจิมินห์

สมาคมอสังหาริมทรัพย์นครโฮจิมินห์ (Ho Chi Minh Real Estate Association; HoREA) รายงานตลาดอสังหาริมทรัพย์ของนครโฮจิมินห์ระยะปี 2549 – 2560 ว่าเป็นช่วงเวลาที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยระยะปี 2549 – 2553 อัตราการขยายตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในนครโฮจิมินห์อยู่ที่ 0.9 เท่า ในขณะที่ระยะปี 2554 – 2558 อัตราการขยายตัวอยู่ที่ 1.6 เท่า ซึ่งสะท้อนให้เห็นการพัฒนาการทางด้านเศรษฐกิจของนคร       โฮจิมินห์ที่ก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางทางด้านเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ตลอดจนเป็นหนึ่งในเมืองที่สำคัญ   ของนักลงทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

จากการวิจัยของสมาคมฯ ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในนครโฮจิมินห์ได้เปลี่ยนผ่านมา 7 ระดับ ได้แก่ (1) ช่วงการเติบโต (2) ช่วงสร้างความมั่นคง (3) ช่วงได้รับความนิยม (4) ช่วงหยุดนิ่ง (5) ช่วงหดตัว (6) ช่วงฟื้นฟู และ (7) ช่วงเติบโตอีกครั้ง โดยช่วงที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในนครโฮจิมินห์ได้รับความนิยมมากที่สุดได้แก่ช่วงปี 2536 ปี 2554 - 2555 ปี 2553 ช่วงหยุดนิ่งได้แก่ปี 2538 – 2542 ปี 2551 – 2552 และปี 2554 – ปี 2556 ในขณะที่ช่วงฟื้นตัวของตลาดอยู่ระหว่างปี 2546 – 2547 ต้นปี 2553 และตั้งแต่ปี 2556 – ปัจจุบัน

นอกจากนั้น สมาคมฯ ยังรายงานเสริมว่า นับตั้งแต่ต้นปี 2559 ถึงเดือนสิงหาคม 2560 ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในนครโฮจิมินห์ยังมีแนวโน้มขยายตัวขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าคอนโดขนาด 3 ห้องนอนขึ้นไปและโครงการวิลล่าจะได้รับความนิยมลดลง

สมาคมฯ สรุปว่า ในช่วงระยะเวลาอันใกล้นี้ ตลาดอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มพัฒนาขึ้นในทิศทางเดียวกันกับ    สภาพเศรษฐกิจ โดยคาดการณ์ว่า ตั้งแต่ปัจจุบัน – ปี 2563 นักลงทุนจะเลือกลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่มีขนาดพื้นที่ขนาดกลาง – เล็ก และมีราคาที่สามารถเข้าถึงได้มากขึ้น

ที่มา สำนักข่าว VnExpress วันที่ 14 กันยายน 2560

URL : https://kinhdoanh.vnexpress.net/tin-tuc/bat-dong-san/dia-oc-sai-gon-tang-truong-gan-gap-doi-sau-moi-chu-ky-5-nam-3640033.html

 

4. จังหวัดบินห์เยืองมุ่งสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะภายในปี 2573

คณะกรรมการประชาชนจังหวัดบินห์เยืองได้กำหนดเป้าหมายให้จังหวัดเป็นเมืองอัจฉริยะภายในปี 2573 โดยคณะกรรมการความปลอดภัยทางการจราจรแห่งชาติ (The Nation Traffic Safety Committee) ได้ร่วมมือกับคณะกรรมการประชาชนจังหวัดบินห์เยืองในการจัดงานแถลงข่าวเพื่อแนะนำการประชุมเกี่ยวกับความปลอดภัยในการจราจรของเวียดนาม ในการประชุมวิชาการนานาชาติครั้งที่ 12 ของสมาคมการศึกษาการขนส่งแห่งเอเชียตะวันออก (Eastern Asia Society for Transportation Studies; EASTS)

นาย Tran Thanh Liem รองประธานคณะกรรมการประชาชนของจังหวัดบินห์เยือง กล่าวว่า จังหวัดบินห์เยืองได้ให้ความสำคัญเป็นพิเศษในการพัฒนาระบบขนส่งที่ปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงการทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญและนักวิทยาศาสตร์ เพื่อทำให้จังหวัดนี้ปลอดภัยและน่าอยู่ โดยได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการที่รับผิดชอบในการดำเนินการโครงการเมืองอัจฉริยะขึ้น

ในระหว่างการประชุม เจ้าหน้าที่ของจังหวัดได้เสนอตัวอย่างการขนส่ง แนวทางแก้ไขและนโยบายในการแก้ปัญหาการจราจรติดขัดและการรับมือกับอุบัติเหตุทางการจราจร ที่สอดคล้องกับนโยบายการปฎิวัติอุตสาหกรรม 4.0 ของเวียดนาม

ผู้เชี่ยวชาญและผู้บริหารทั้งระดับท้องถิ่นและนานาชาติได้แบ่งปันประสบการณ์กับผู้แทนของจังหวัดบินห์เยืองอีกทั้งคณะกรรมการความปลอดภัยทางการจราจรแห่งชาติได้เสนอแนวทางล่าสุดจากความเห็นของรัฐบาลและหน่วยงานกลางในการพัฒนาด้านการขนส่งและความปลอดภัยในการจราจรด้วย

การประชุม EASTS 2017 จัดขึ้นที่นครโฮจิมินห์และจังหวัดบินห์เยือง ตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน ถึง 21 กันยายน 2560 โดยมีผู้เชี่ยวชาญและนักวิทยาศาสตร์ด้านการขนส่งทั้งในประเทศและต่างประเทศจำนวนมากกว่า 1,000 คนเข้าร่วม

ที่มา หนังสือพิมพ์ The Saigon Time Daily วันที่ 18 กันยายน 2560 หน้า 3

*******************************************

ศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในนครโฮจิมินห์