ข่าวเด่นวันที่ 27 – 30 กันยายน 2560

ข่าวเด่นวันที่ 27 – 30 กันยายน 2560

วันที่นำเข้าข้อมูล 4 ต.ค. 2560

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 26 พ.ย. 2565

| 1,083 view

1. เหตุผลที่คนรวยและมีที่ดินในนครโฮจิมินห์นิยมลงทุนธุรกิจบ้านพักให้เช่า

นาย Nguyen Mac Hoai Nam ประธานบริษัทที่ปรึกษาด้านการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ Nam Phat ประเมินว่า ธุรกิจการลงทุนก่อสร้างบ้านพักให้เช่าเป็นธุรกิจที่กำลังได้รับความนิยมในหมู่คนรวย โดยยกเหตุผล 4 ประการด้วยกัน ได้แก่

1. ธุรกิจดังกล่าวไม่เคยตกยุค

ความต้องการการเช่าห้องพักในนครโฮจิมินห์มีจำนวนมหาศาลอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากมีคนจากต่างจังหวัดเข้ามาทำงานและใช้ชีวิตอยู่ในนครดังกล่าวเป็นจำนวนมาก มีจำนวนประชากรเพิ่มในแต่ละปีกว่า 2 แสนคน สิ่งอำนวยความสะดวกและโครงสร้างพื้นฐานได้รับการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา จึงเป็นเหตุผลให้ธุรกิจการสร้างบ้านพักให้เช่าเป็นธุรกิจที่นักลงทุนต้องการลงทุนในทุกยุคทุกสมัย ในปัจจุบัน ห้องพักให้เช่าแบ่งออกเป็น      3 ระดับ ได้แก่ (1) ระดับธรรมดาราคา 8 แสน – 1.5 ล้านด่ง/เดือน (2) ระดับกลางราคา 2 – 4 ล้านด่ง/เดือน และ (3) ระดับดีราคาตั้งแต่ 5 ล้านด่ง/เดือน ขึ้นไป

2. โอกาสขาดทุนน้อย

ธุรกิจดังกล่าวถูกยกย่องว่าเป็นช่องทางการลงทุนที่มีโอกาสขาดทุนน้อยมาก เนื่องจากความต้องการการเช่าที่พักสูงอยู่ตลอดเวลา และเป็นธุรกิจที่สามารถทำได้ง่ายเพียงแค่มีเงินลงทุนหรือกู้เงินมาลงทุนเท่านั้น นอกจากนั้น นักลงทุนยังมีโอกาสที่จะสร้างรายได้และกำไรที่มั่นคง

3. ประหยัดเวลา

เจ้าของบ้านที่ลงทุนในธุรกิจดังกล่าวจำนวนไม่น้อยนิยมเลือกใช้บริการของบริษัทตัวแทนบริหารจัดการบ้านเช่า ซึ่งช่วยให้พวกเขาประหยัดเวลาแม้ว่าจะต้องจ่ายเงินค่าใช้บริการเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับค่าเช่าบ้านที่ได้รับ และไม่ต้องปวดหัวกับปัญหาต่างๆ เพราะบริษัทตัวแทนต่างๆ จะเป็นคนจัดการให้ทุกอย่าง

4. เก็บที่ดินไว้รอเก็งกำไร

นักลงทุนหลายรายมีความตั้งใจในอนาคตว่าจะขายที่ดินดังกล่าวเมื่อราคาขึ้น โดยระหว่างรอสามารดำเนินธุรกิจประเภทอื่นเพื่อสร้างรายได้จากที่ดินที่ว่างเปล่า ซึ่งธุรกิจการปล่อยห้องเช่าเป็นธุรกิจที่มีโอกาสในการสร้างกำไรมากที่สุด

ที่มา สำนักข่าว VnExpress วันที่ 24 กันยายน 2560

URL: https://kinhdoanh.vnexpress.net/print/bat-dong-san/ly-do-nha-giau-sai-gon-rot-tien-ty-dau-tu-day-tro-cho-thue-3645891.html?vn_source=box-Topstory&vn_medium=ho&vn_campaign=vn

 

2. บริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงกำลังทรุดตัว

นาย Nguyen Huu Thien ผู้เชี่ยวชาญระบบนิเวศวิทยาและการเปลี่ยนแปลงของสภาอากาศ กล่าวว่า ในปัจจุบัน ระดับการทรุดตัวของพื้นดินและการเพิ่มขึ้นสูงของน้ำทะเลกำลังจะทำให้พื้นที่บริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงจมลงในอนาคตอันใกล้ โดยจำเป็นต้องมีมาตรการป้องกันโดยเร็วที่สุด

จากการวิจัยของนาย Thien ระบุว่า ในปัจจุบัน พื้นที่ปลูกข้าวทรุดตัวลง 1.1 เซนติเมตรต่อปี พื้นที่ตัวเมืองและพื้นที่อุตสาหกรรมทรุดตัวลงกว่า 2.5 เซนติเมตรต่อปี และระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้น 1 มิลลิเมตรต่อปี ในขณะที่พื้นที่บริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงอยู่เหนือระดับน้ำทะเลเพียง 1 – 1.5 เมตร เท่านั้น ซึ่งหากสถานการณ์ยังดำเนินไปในลักษณะดังกล่าวจะส่งผลให้พื้นที่บริเวณดังกล่าวทรุดตัวในระยะเวลาอันใกล้นี้

จากการวิจัยของมหาวิทยาลัย Utrecht ในประเทศเนเธอร์แลนด์ชี้ให้เห็นว่า ตั้งแต่ปี 2534 – 2559 พื้นที่บริเวณดังกล่าวทรุดตัวลงกว่า 18 – 53 เซนติเมตร และอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้พื้นดินบริเวณดังกล่าวทรุดตัวลงอย่างรวดเร็วเนื่องจากการใช้น้ำบาดาลมากเกินไป ซึ่งบริเวณดังกล่าวเคยมีพื้นดินเก็บกักน้ำสำรองถึง 7 ชั้น แต่ในปัจจุบันได้ถูกใช้หมดแล้ว และปนเปื้อนไปด้วยน้ำเกลือและสารเคมี

นอกจากนั้น ถึงแม้ว่าบริเวณดังกล่าวจะมีระบบชลประทานคอยควบคุม แต่ปัจจุบัน แหล่งน้ำต่างๆ ไม่ปลอดภัยสำหรับการใช้ในกิจกรรมต่างๆ อาทิ การว่ายน้ำหรือการนำมาประกอบอาหาร เนื่องจากปนเปื้อนไปด้วยสารเคมีและมลพิษจากการทำอุตสาหกรรม

นาย Thien กล่าวเสริมว่า พื้นดินบริเวณดังกล่าวทรุดตัวลง 40 มิลลิเมตรต่อปี ระหว่างปี 2534 – 2543   60 มิลลิเมตร ระหว่างปี 2543 – 2548  90 มิลลิเมตร ระหว่างปี 2549 – 2553 และ 1.1 เซนติเมตร ระหว่างปี 2554 – 2559

นาย Thien แนะนำว่า วิธีการเดียวที่จะป้องกันการทรุดตัวของพื้นดินได้คือการหยุดการใช้น้ำบาดาล           รักษาธรรมชาติในบริเวณดังกล่าวให้อุดมสมบูรณ์ งดการทิ้งสารเคมีลงแม่น้ำ ปรับใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการทำอุตสาหกรรมต่างๆ เกษตรกรควรเรียนรู้ที่จะใช้น้ำเค็มในการเพาะพันธ์ผลผลิตทางการเกษตรแทนการใช้น้ำจืด และไม่ควรสร้างเขื่อนเพราะจะเป็นการปิดกั้นทางน้ำและระบบนิเวศน์ในบริเวณดังกล่าว

ที่มา หนังสือพิมพ์ Tuoi Tre วันที่ 25 กันยายน 2560

URL: http://tuoitrenews.vn/news/society/20170925/vietnams-mekong-delta-sinking-at-worrying-rate-expert/41742.html

 

3. กระแสการดื่มชานมในนครโฮจิมินห์

หากคุณอาศัยหรือมาเที่ยวในนครโฮจิมินห์ คุณอาจจะสังเกตได้ถึงร้านชานมถึง 4 – 5 ร้านบนถนนเส้นเดียว ซึ่งมีรถมอเตอร์ไซต์หรือมีผู้บริโภคยืนต่อคิวยาวเหยียด นอกจากนั้น ยังมีแอพพลิเคชั่นสั่งชานมออนไลน์ซึ่งใช้งานได้อย่างง่ายดายและมีบริการเก็บเงินปลายทาง

สำนักข่าว VnExpress รายงานว่า ร้านชานมต่างๆ เริ่มเข้ามาดำเนินการในเวียดนามตั้งแต่ประมาณปี 2543 แต่กระแสการดื่มชานมของคนเวียดนามเพิ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว โดยในปัจจุบัน มีร้านชานมจากต่างประเทศมากมายที่เข้ามาลงทุนและประสบความสำเร็จในเวียดนาม อาทิ Dingtea, Chago, Gongcha, Igongcha, Royal Tea, Tea Story, Toco Toco, Chatime, Bobapop และ Taiwan Tea Good Tea ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนมีสัญชาติไต้หวัน แต่ก็ยังมีร้านชานมจากประเทศอื่นๆ อาทิ ไทย ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และฮ่องกง อีกเป็นจำนวนไม่น้อย ซึ่งร้านต่างๆ ต่างมีเอกลักษณ์และกิจกรรมส่งเสริมการขายในรูปแบบของตนเอง และมีแผนการเปิดร้านเพิ่มเติมในอนาคตอีกเป็นจำนวนมาก

ในนครโฮจิมินห์มีถนนที่ได้รับการขนานนามว่า “ถนนสายชานม” ซึ่งตั้งอยู่บนถนน Ngo Duc Ke เขต 1 นคร     โฮจิมินห์ โดยมีร้านชาเปิดอยู่รอบๆ เป็นจำนวนมาก และมีกลุ่มวัยรุ่นใช้บริการอย่างล้นหลาม ซึ่งในปัจจุบัน ถนนดังกล่าวมีราคาค่าเช่าที่ดินเพิ่มขึ้นร้อยละ 25 – 71 เมื่อเทียบกับปี 2559

ตัวแทนของร้านชานม Gong Cha ให้สัมภาษณ์ว่า ในอดีต เครื่องดื่มดังกล่าวได้รับความนิยมในหมู่ นักเรียน วัยรุ่น แต่ในปัจจุบัน ชานมได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายโดยเฉพาะในหมู่พนักงานออฟฟิสในนครโฮจิมินห์ โดยหลายๆ ร้านต่างปรับวิธีการส่งเสริมการขายเพื่อจูงใจกลุ่มบุคคลวัยทำงานมากขึ้น เพราะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อมากที่สุด

นาย Trung มอเตอร์ไซค์รับจ้างที่บริเวณสี่แยก Nguyen Van Troi – Nam Ky Khoi Nhai เขต 1 กล่าวว่า ปกติแล้ว ตนมีรายได้วันละ 2 – 3 แสนด่ง แต่ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ตนสามารถรับงานเสริมได้จากการเป็นพนักงานขับรถส่งชานม ซึ่งมีลูกค้าวันละ 6 – 7 ราย ค่าบริการรอบละ 20,000 ด่ง ซึ่งน้อยมากเมื่อเทียบกับค่าชานมที่ลูกค้าสั่งที่มีราคาแก้วละ 55,000 – 70,000 ด่ง

ที่มา สำนักข่าว VnExpress วันที่ 24 กันยายน 2560

URL: https://kinhdoanh.vnexpress.net/print/doanh-nghiep/con-sot-tra-sua-o-viet-nam-3643173.html?vn_source=box-Topstory&vn_medium=ho&vn_campaign=vn