ข่าวเด่นวันที่ 20 - 21 พฤศจิกายน 2560

ข่าวเด่นวันที่ 20 - 21 พฤศจิกายน 2560

วันที่นำเข้าข้อมูล 21 พ.ย. 2560

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 27 พ.ย. 2565

| 911 view

ข่าวเด่นวันที่ 21 – 22 พฤศจิกายน 2560

1. นครโฮจิมินห์จับมือกับบริษัท Viettel เพื่อพัฒนาเมืองอัจฉริยะ

ในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2560 นครโฮจิมินห์และบริษัท Viettel บริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ในเวียดนามได้ร่วม  ลงนามในบันทึกความร่วมมือเพื่อการพัฒนานครโฮจิมินห์ให้กลายเป็นเมืองอัจฉริยะในช่วงระหว่างปี 2560 – 2563 พร้อมด้วยวิสัยทัศน์จนถึงปี 2568 โดยทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกันวิจัย ค้นคว้า และพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ Chip หน่วยความจำ และ Technology Solution

นาย Trong Viet Trung รองผู้อำนวยการบริษัท Viettel กล่าวถึงความท้าทายด้านเศรษฐกิจและสังคมหลายประการในปัจจุบันของนครโฮจิมินห์ อาทิ ปัญหาการจราจร สิ่งแวดล้อม และการขาดแคลนสิ่งอำนวยความสะดวกและโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคม ดังนั้น บริษัทจะร่วมมือกับภาครัฐในการจัดตั้งศูนย์ IT Start up Support Center ที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทในเขต 10 ของนครโฮจิมินห์ ซึ่งจะสามารถดูแลและควบคุมสภาพการจราจร วิเคราะห์สถานการณ์ไฟไหม้ สนับสนุนตำรวจในการจับกุมผู้กระทำผิด ป้องกันการโจรกรรมฐานข้อมูลออนไลน์ ควบคุมข้อมูลของสื่อต่างๆ และตอบคำถามเกี่ยวกับภาครัฐแก่ประชาชน

ศูนย์ดังกล่าวจะสามารถเชื่อมต่อข้อมูลของระบบกล้องวงจรปิดทุกตัวภายในนครโฮจิมินห์และจะจัดตั้งบริการสายแจ้งเหตุด่วน/เหตุร้าย (คล้ายกับ 911 ของสหรัฐอเมริกา) ที่จะสามารถรับทราบที่อยู่ของผู้ที่โทรเข้าและสามารถส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที

นอกจากนั้น ทั้งสองฝ่ายจะให้ความสำคัญในการร่วมมือพัฒนาการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลข่าวสาร การแบ่งปันข้อมูลออนไลน์ โครงสร้างพื้นฐานสำหรับข้อมูลด้านสาธารณสุข การศึกษา และโทรคมนาคม

นาย Nguyen Thanh Phong ประธานคณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์กล่าวว่า โครงการดังกล่าวจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการจัดการกับข้อท้าทายต่างๆ ของนครโฮจิมินห์ และจะเป็นก้าวที่สำคัญในการพัฒนานครโฮจิมินห์อย่างยั่งยืนในอนาคต

ที่มา หนังสือพิมพ์ Tuoi Tre วันที่ 18 พฤศจิกายน 2560

URL: http://nhipsongso.tuoitre.vn/tphcm-hop-tac-voi-viettel-xay-dung-thanh-pho-thong-minh-20171118104934334.htm

 

2. มติการพัฒนาภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงอย่างยั่งยืน

ปัจจุบัน ภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงมีพื้นที่คิดเป็นร้อยละ 12 ของทั้งประเทศ มีประชากรร้อยละ 19 ของทั้งประเทศ พื้นที่ปลูกข้าวร้อยละ 50 ของทั้งประเทศ (ร้อยละ 95 เป็นการผลิตเพื่อส่งออกต่างประเทศ) พื้นที่การทำประมงร้อยละ 65 ของทั้งประเทศ (ร้อยละ 65 เป็นการผลิตเพื่อส่งออกต่างประเทศ) และพื้นที่ปลูกผลไม้ร้อยละ 70 ของทั้งประเทศ ตลอดจนเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญในการคมนาคมเชื่อมต่อกับประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งทางบก เรือ และอากาศ และเป็นภูมิภาคที่มีโอกาสในการพัฒนาสูงที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ

อย่างไรก็ดี ในช่วงที่ผ่านมา ภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงประสบกับปัญหาและความท้าทายจากภาวะการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้หลายฝ่ายมีความกังวลต่อประเด็นดังกล่าว นาย Nguyen Xuan Phuc นายกรัฐมนตรีเวียดนามจึงได้ลงนามในมติหมายเลข 120/NQ-CP ลงวันที่ 17 พฤจิกายน 2560 หัวข้อการพัฒนาภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงอย่างยั่งยืนเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ซึ่งกำหนดวิสัยทัศน์การพัฒนาภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงถึงปี 2643 และตั้งเป้าหมายการพัฒนาภูมิภาคสามเหลี่ยมปากให้เป็นแหล่งเกษตรกรรมขั้นสูง ผสมผสานกับการท่องเที่ยวและพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน ตลอดจนการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกและโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมที่ โดยตั้งเป้าภายในปี 2593 ภูมิภาคฯ จะมีระดับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในระดับสูง ค่าเฉลี่ยรายได้ต่อหัวประชากรสูงกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งประเทศ การทำการเกษตรอินทรีย์และเกษตรกรรมขั้นสูงมีสัดส่วนถึงร้อยละ 80 โดยวางแผนการการจัดตั้งพื้นที่การทำเกษตรอินทรีย์โดยเฉพาะ ตลอดจนจัดทำแผนแม่บทในการพัฒนาอย่างยั่งยืนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และกลไก/นโยบายพิเศษ อาทิ การกู้ยืมเงิน เพื่อดึงดูดนักลงทุนในโครงการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกและโครงสร้างพื้นฐาน และการท่องเที่ยว

นอกจากนี้ มติดังกล่าวได้มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศเวียดนามส่งเสริมความร่วมมือกับอีก 5 ประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ประเด็นการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืนและเป็นธรรม ร่วมมือกับองกรค์ที่มิใช่ภาครัฐอื่นๆ (NGOs) ในการผลักดันความร่วมมือและกิจกรรมของ Mekong River Commission และมอบหมายให้สภาแห่งชาติเวียดนามจัดสรรและกระจายงบประมาณในการดำเนินโครงการต่างๆ ตามที่ระบุไว้ในมติดังกล่าวอย่างเหมาะสม

ที่มา สำนักข่าว Zing Vietnam วันที่ 17 พฤศจิกายน 2560

URL: https://news.zing.vn/nghi-quyet-ve-phat-trien-ben-vung-dong-bang-song-cuu-long-post796944.html

 

3. หุ้น Sabeco จะถูกประมูลขายในเดือนธันวาคม 2560

กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม กล่าวว่า ตามมติหมายเลข 118 รัฐบาลจะประกาศลดสัดส่วนการถือครองหุ้นจากบริษัท Sabeco ภายในเดือนธันวาคม 2560 ในลักษณะการประมูลขายให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เช่นเดียวกันกับการลดสัดส่วนการถือครองหุ้นในบริษัท Vinamilk โดยรัฐบาลหวังว่า การขายหุ้นในครั้งนี้จะสามารถสร้างรายได้จำนวนมากให้กับประเทศได้ หลังจากบริษัทผู้ผลิตเบียร์ต่างชาติหลายรายให้ความสนใจเป็นเวลานาน

กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมประกาศว่า ขั้นตอนการขายหุ้น ราคาขาย และอัตราการขายหุ้นให้นักลงทุนต่างชาติจะต้องดำเนินตามขั้นตอนของกฎหมายเวียดนาม มีราคาที่เหมาะสมกับสภาพความเป็นจริง และนักลงทุนต่างชาติจะต้องรักษาและยกระดับคุณภาพของเบียร์เวียดนามได้ อย่างไรก็ตาม กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมยังไม่ได้ประกาศจำนวนหุ้นที่จะขายโดยแน่ชัด โดยจะประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้งในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2560

นอกจากนั้น กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าได้ส่งหนังสือถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานตรวจสอบและดูแลตลาดหุ้นแห่งชาติ และตลาดหุ้นสาขานครโฮจิมินห์ในการตรวจสอบและดูแลความเรียบร้อยในการซื้อขายหุ้น SAB เพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดและรับประกันความโปร่งใสในการประมูลขายหุ้นในครั้งนี้

จากรายงานของคณะกรรมการร่วมเพื่อการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงรัฐวิสาหกิจ คาดว่า รัฐบาลจะขายหุ้น Sabeco ร้อยละ 53.59 ในลักษณะการประมูล อย่างไรก็ตาม ยังไม่แน่ชัดว่าจะขายรอบเดียวหรือหลายรอบ โดยในปัจจุบัน กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าถือหุ้นบริษัท Sabeco อยู่ร้อยละ 89.59 คาดการณ์ว่า การขายหุ้นร้อยละ 53.59 ในครั้งนี้จะมีมูลค่ากว่า 3.85 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

คาดการณ์ว่า บริษัท Sabeco จะมีกำไรหลังจากการหักภาษีประมาน 215 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.4 การขายหุ้นสุทธิในปีนี้ของหุ้น SAB จะมีมูลค่ากว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.4

ที่มา สำนักข่าว VNexpress วันที่ 15 พฤศจิกายน 2560

URL: https://kinhdoanh.vnexpress.net/tin-tuc/doanh-nghiep/nha-nuoc-ban-von-tai-sabeco-trong-thang-12-3670767.html

 

4. สถานการณ์การควบรวมกิจการในภาคอสังหาริมทรัพย์นครโฮจิมินห์ไตรมาสที่ 3

รายงานสถานการณ์การควบรวมกิจการ (M&A) ในภาคอสังหาริมทรัพย์นครโฮจิมินห์ไตรมาสที่ 3 ของบริษัท Jones Lang Lasalle Viet Nam (JLL) ชี้ให้เห็นว่า ในช่วงไตรมาสที่ 3 สถานการณ์ M&A ในนครโฮจิมินห์มีการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและมีโครงการใหม่ๆ ถูกควบรวมกิจการโดยนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศจำนวนมาก โดยเฉพาะโครงการที่อยู่อาศัยและโครงการศูนย์การค้า ยกตัวอย่างเช่น บริษัท VinaLand Limited หนึ่งในบริษัทลูกของบริษัท Vina Capital ได้ขายหุ้นทั้งหมดในโครงการ Vina Square ที่มีพื้นที่ 3 เฮกตาร์ บริเวณเขต 5 นคร    โฮจิมินห์ ให้บริษัท Dia oc Tri Duc มูลค่า 41.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมอัตราผลตอบแทนภายใน (Internal Rate of Return : IRR) ร้อยละ 3.3  และโครงการ Palm Marina เขต 9 นครโฮจิมินห์ ที่บริษัท Novaland ซื้อกิจการจากบริษัท Saigontourist Holdings

นอกจากนั้น ก่อนหน้าที่จะขายหุ้นของโครงการ Vina Square บริษัท Vina Capital ได้ขายหุ้นจำนวนมากในโครงการอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ อาทิ โครงการ Danang Beach Resort นครดานัง โครงการ Dai Phuoc Lotus  จังหวัดด่งนาย และโครงการ My Gia Township จังหวัดคั้นห์หว่า รวมมูลค่าทั้งหมดกว่า 126 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

นาย Le Hong Chau ประธานสมาคมอสังหาริมทรัพย์ในนครโฮจิมินห์ (Ho Chi Minh City Real Estate Association; HoREA) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 โครงการอสังหาริมทรัพย์ในนครโฮจิมินห์ถูกควบรวมกิจการกว่า 29 โครงการ และมีแนวโน้มที่จะเกิดการควบรวมกิจการขึ้นอีกเป็นจำนวนมากในอนาคต อย่างไรก็ดี นักลงทุนควรจะจัดการปัญหาหนี้เสียในการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ มิเช่นนั้น อาจประสบปัญหาขาดทุนในอนาคต

ที่มา นิตยสาร Doanh Nhan Saigon วันที่ 8 – 14 พฤศจิกายน 2560 หน้า 14

**************************

ศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในนครโฮจิมินห์