วันที่นำเข้าข้อมูล 20 ธ.ค. 2560
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 30 พ.ย. 2565
ข่าวเด่นวันที่ 20 ธันวาคม 2560
จากการประชุมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในนครโฮจิมินห์เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์หลายคนเห็นพ้องกันว่า ปริมาณโครงการอพาร์ตเมนท์/คอนโดมิเนียมใหม่ๆ ในนครโฮจิมินห์จะมีจำนวนกว่า 40,000 ห้อง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโครงการระดับปานกลาง
นาง Duong Thy Dung ผู้อำนวยการอาวุโสของบริษัท CBRE Vietnam บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังในเวียดนาม กล่าวว่า จำนวนโครงการอพาร์ตเมนท์ในนครโฮจิมินห์ในปี 2561 จะเพิ่มขึ้นอย่างมากและราคาอาจจะปรับตัวขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับปี 2560 สวนทางกับสภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงฮานอยที่จะมีปริมาณโครงการลดลงเล็กน้อย
นาย Can Van Luc ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในนครโฮจิมินห์ในปี 2561 มีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จากปี 2560 โดยเมื่อนับถึงเดือนกันยายน 2560 บริษัทอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ในนครโฮจิมินห์มีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นร้อยละ 40 และร้อยละ 6 ตามลำดับ นอกจากนั้น ค่าเช่าสำนักงานและคอนโดมิเนียมได้ปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 5 – 10 และการลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์ส่วนบุคคลมีอัตราเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 60 ซึ่งกระแสการลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ในนครโฮจิมินห์จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากความต้องการที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้นของชาวเวียดนาม รวมถึงชาวต่างชาติที่ต้องการซื้อที่ดินในเวียดนาม
ทั้งนี้ นาย Nguyen Quoc Anh รองผู้อำนวยการเว็บไซต์ Bat Dong San เว็บไซต์ซื้อ – ขาย – เช่า อสังหาริมทรัพย์ชื่อดังในเวียดนามกล่าวว่า ในปี 2560 มีผู้บริหารใช้คำค้นในเว็บไซต์จำนวน 86 ล้านครั้ง โดยในจำนวนนั้นร้อยละ 48.3 เป็นการค้นหาอสังหาริมทรัพย์ในนครโฮจิมินห์ รองลงมาได้แก่กรุงฮานอย นครดานัง เมืองเบียนฮวา (จังหวัดด่งนาย) และนครไฮฟอง ร้อยละ 27.2 ร้อยละ 4.2 ร้อยละ 2.2 และร้อยละ 1.5 ตามลำดับ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์ในนครโฮจิมินห์ที่เป็นที่ได้รับการจับตามองมากที่สุดของประเทศ
นอกจากนั้น พฤติกรรมผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในนครโฮจิมินห์ยังมีข้อแตกต่างกับผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในกรุงฮานอยอย่างชัดเจน อาทิ ผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในนครโฮจิมินห์มักจะเลือกซื้อห้องขนาด 50 – 80 ตร.ม. ในขณะที่ผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในกรุงฮานอยมักจะซื้อห้องขนาด 100 – 150 ตร.ม. นอกจากนั้น มีผู้ใช้บริการเว็บไซต์ชาวฮานอยกว่าร้อยละ 20 – 22 สนใจเลือกดูข้อมูลตลาดอสังหาริมทรัพย์ประเภทต่างๆ ในนครโฮจิมินห์ ในขณะที่มีผู้ใช้บริการเว็บไซต์ชาวโฮจิมินห์ร้อยละ 5 เท่านั้นที่สนใจเลือกดูข้อมูลตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงฮานอย
ข้อมูลจากที่ประชุมยังชี้ให้เห็นว่า ในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2560 นครโฮจิมินห์มีอพาร์ตเมนท์/คอนโดมิเนียมแห่งใหม่เพิ่มขึ้นจำนวน 25,000 ห้อง โดยในจำนวนนั้น 14,000 ห้องสามารถขายได้แล้ว โดยคาดการณ์ว่า ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2560 และคาดการณ์ว่า ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2560 จะสามารถขายได้อีก 9,300 ห้อง
ที่มา สำนักข่าว VnExpress วันที่ 15 ธันวาคม 2560
ในการสัมมนา “Luring Investment Into Hi-tech Agriculture in Da Nang City” เมื่อวันศุกร์ที่ 15 ธันวาคม 2560 สำนักงานคณะกรรมการประชาชนนครดานังเรียกร้องให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในโครการพัฒนาการเกษตรด้วยเทคโลยีขั้นสูง มูลค่ารวมกว่า 1.5 ล้านล้านด่ง (ประมาณ 66 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
ปัจจุบัน นครดานังกำลังประสบข้อท้าทายในภาคการเกษตรบางประการ อาทิ พื้นที่การเกษตรยังกระจัดกระจายไม่เป็นระเบียบ และการทำฟาร์มขนาดเล็กยังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก นอกจากนั้น การพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ การใช้เทคโนโลยีออโตเมชั่น เทคโนโลยีชีวภาพ และเทคโนโลยีที่ทันสมัยอื่นๆ ยังไมได้รับความนิยมมากนัก ทำให้ผลผลิตทางการเกษตรของนครดานังยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้
นอกจากนั้น ภาคการเกษตรในนครดานังยังขาดการเชื่อมโยงจากทุกผ่านส่วน ได้แก่ นักวิจัย รัฐบาล ภาคเอกชน และเกษตรกร อย่างเป็นระบบ ซึ่งส่งผลต่อภาพลักษณ์และการประชาสัมพันธ์สินค้า
ด้วยเหตุนี้ คณะกรรมการประชาชนนครดานัง จึงมีนโยบายสนับสนุนให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในการพัฒนาฟาร์มการเกษตรเทคโนโลยีขั้นสูงจำนวน 5 แห่งในนครดานัง ซึ่งจะประกอบไปด้วยฟาร์มเลี้ยงปศุสัตว์ ฟาร์มปลูกเห็ด ผลิตภัณฑ์พืชผัก/ผลไม้ออร์แกนิกและปลอดสารพิษ ผลิตภัณฑ์สมุนไหร พื้นที่ทำการประมง และพื้นที่การแปรรูป ในพื้นที่ 3 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่บ้าน Hoa Vang หมู่บ้าน Ngu Hanh Son และหมู่บ้าน Son Tra
หากนักลงทุนรายใดสนใจเข้ามาลงทุนในโครงการดังกล่าว คณะกรรมการฯ จะให้สิทธิประโยชน์ในการลงทุนเพิ่มเติม ได้แก่ การลดค่าเวนคืนที่ดินร้อยละ 50 เหลือเฮกตาร์ละ 20 ล้านด่ง (884 ดอลลาร์สหรัฐ) เป็นระยะเวลา 5 เดือน แต่จะต้องไม่เกิน 3 พันล้านด่ง/โครงการ (131,000 ดอลลาร์สหรัฐ) เงินสนับสนุนนักลงทุน 20 ล้านด่ง/เฮกตาร์/ปี เป็นระยะเวลา 5 ปี เงินค่าก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกและโครงสร้างพื้นฐานไม่เกินโครงการละ 2 พันล้านด่ง (87,800 ดอลลาร์สหรัฐ) และสินเชื่อให้กู้ไม่เกิน 10 ล้านด่ง (439,000 ดอลล่าร์สหรัฐ) ภายในระยะเวลา 3 ปี
นาย Ho Ky Minh รองประธานคณะกรรมการประชาชนนครดานัง กล่าวว่า โครงการการเกษตรเทคโนโลยีขั้นสูงจะช่วยเพิ่มมูลค่าการผลิตของผลิตภัณฑ์การเกษตรของนครดายัง และยังสามารถใช้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวได้อีกด้วย ซึ่งปัจจุบัน พื้นที่การเกษตรของนครดานังกำลังลดลงเนื่องจากผลของการขยายตัวของเขตตัวเมืองและการขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ส่งผลให้การลงทุนภาคการเกษตรมีจำนวนลดลง โดยผลผลิตด้านการเกษตรของนครดานังมีมูลค่าเพียง 873 พันล้านด่ง (38 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) หรือเพียงร้อยละ 2 ของการผลิตรวมของนครดานังเท่านั้น
ปัจจุบัน ในขณะที่นครดานังมีประชากรมากกว่า 1 ล้านคนซึ่งบริโภคอาหารทะเลกว่า 145,000 ตัน และผักกว่า 140,000 ตันในแต่ละ แต่กลับมีฟาร์มการเกษตรเพียง 50 แห่ง ซึ่งสามารถรองรับความต้องการเหล่านั้นได้เพียงร้อยละ 10
เมื่อเร็วๆ นี้ นาย Nguyen Xuan Phuc นายกรัฐมนตรีเวียดนามได้กล่าวว่า รัฐบาลจะให้การสนับสนุนโครงการการลงทุนการเกษตรออร์แกนิก ให้มากขึ้น เนื่องจากผลิตภัณฑ์ต่างๆ กำลังได้รับความนิยมจากผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ โดยปัจจุบัน ทั้งประเทศมีพื้นที่ปลูกฟาร์มการเกษตรออร์แกนิกยู่ 76,000 เฮกตาร์ เพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2553 โดยในอนาคตอันใกล้นี้ รัฐบาลจะจัดตั้งสถาบันวิจัยและประกาศนโยบายใหม่เพื่อการพัฒนาและส่งเสริมการลงทุนในโครงการการเกษตรออร์แกนิก
นาย Tran Dinh Thien ผู้อำนวยการสถาบันเศรษฐกิจศึกษาประเทศเวียดนาม กล่าวว่า ปัจจุบัน เวียดนามมีโครงการด้านการเกษตรเพียง 4,000 โครงการ หรือร้อยละ 1 ของโครงการลงทุนทั้งหมดในประเทศ ซึ่งส่วนใหญ๋เป็นเพียงการลงทุนขนาดเล็กและมีมูลค่าเล็กน้อยเท่านั้น
ที่มา หนังสือพิมพ์ Lao Dong วันที่ 15 ธันวาคม 2560 และสำนักข่าว Cafef วันที่ 16 ธันวาคม 2560
URL: https://www.laodong.vn/kinh-te/da-nang-keu-goi-dau-tu-1500-ti-dong-phat-trien-nong-nghiep-cong-nghe-cao-581530.ldo
URL: http://cafef.vn/thu-tuong-chinh-phu-nguyen-xuan-phuc-nong-nghiep-huu-co-khong-chi-cho-nguoi-giau-20171216163027044.chn
แอพพลิเคชั่น Airbnb หนึ่งในแอพพลิเคชั่นให้บริการเช่าห้องพัก/บ้านพักในลักษณะรายวันและรายเดือนซึ่งได้รับความนิยมทั่วทั้งโลกกำลังค่อยๆ เปลี่ยนรูปแบบการท่องเที่ยวในนครโฮจิมินห์ ซึ่งจากรายงานของสำนักข่าว VnExpress ชี้ให้เห็นว่า ปัจจุบัน โรงแรมระดับ 3 ดาวกำลังได้รับผลกระทบจากกระแสการใช้บริการแอพพลิเคชั่น Airbnb ของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในนครโฮจิมินห์ เนื่องจากนักท่องเที่ยวบางคนชอบที่จะพักในบ้านมากกว่าพักในโรงแรม และยังมีราคาค่าบริการที่ถูกกว่าเท่าตัว
Airbnb เริ่มให้บริการในเวียดนามตั้งแต่ปี 2558 และมีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว ปัจจุบัน มีผู้ให้บริการในเวียดนามกว่า 6,500 ราย โดยในจำนวนนั้น 4,000 รายอยู่ในนครโฮจิมินห์ โดยบริษัท Airbnb เปิดเผยว่า กระแสการใช้บริการ Airbnb จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั้งผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการ เนื่องจากความต้องการที่อยู่อาศัยของนักท่องเที่ยว ตลอดจนสถานะนิสัยของชาวเวียดนามที่ชอบประกอบธุรกิจและต้องการทำอาชีพเสริม
นาย Tony Chisholm ผู้จัดการทั่วไปของโรงแรม Hotel Pullman Saigon Center กล่าวว่า กระแสการใช้ บริการแอพพลิเคชั่นแบ่งปันที่อยู่อาศัยสร้างภาวะการแข่งขันกับการใช้บริการโรงแรมในลักษณะดั้งเดิม ซึ่งโรงแรมระดับ 3 ดาวจะได้รับผลกระทบมากที่สุด เนื่องจากเป็นตลาดที่ทั้งสองรูปแบบสามารถแข่งขันกันได้มากที่สุด ซึ่งจากสถิติของสำนักงานการท่องเที่ยวนครโฮจิมินห์ ชี้ให้เห็นว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2560 ราคาค่าที่พักของโรงแรมระดับ 3 – 5 ดาวในนครโอจิมินห์ลดลงร้อยละ 11.3 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2557
อย่างไรก็ดี นิตยสาร Forbes รายงานเสริมว่า กระแสการใช้บริการ Airbnb อาจจะเหมาะกับเมืองใหญ่ๆ ที่มีค่าครองชีพสูง อาทิ มหานครนิวยอร์ก หรือกรุงลอนดอน แต่ในเวียดนามนั้น ผู้ให้บริการ Airbnb อาจจะประสบกับข้อท้าทายบางประการซึ่งไม่สามารถแข่งขันกับโรงแรมแบบดั้งเดิมที่มีระบบการจัดการที่ดีได้ อาทิ ปัญหามลภาวะทางเสียง ปัญหาการขาดไฟฟ้า ปัญหาอินเตอร์เน็ต และอื่นๆ ซึ่งโรงแรมแบบดั้งเดิมมีประสบการณ์และเตรียมแนวทางการแก้ไขปัญหาข้างต้นไว้แล้ว
ในช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา จำนวนนักท่องเที่ยวในเวียดนามมีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และคาดการณ์ว่าในปีนี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติจะมีจำนวนถึง 12.8 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 28 จากปีก่อนหน้า โดยในจำนวนนั้น มากกว่าครึ่งเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางมานครโฮจิมินห์
ที่มา สำนักข่าว VnExpress วันที่ 19 ธันวาคม 2560
URL: https://e.vnexpress.net/news/business/booming-airbnb-service-puts-pressure-on-hotels-in-vietnam-3686338.html
เมื่อเร็วๆ นี้ มีรายงานว่า คณะกรรมการประชาชนจังหวัดเบ๊นแจได้อนุญาตให้บริษัท Nexif Energy สัญชาติสิงคโปร์ ลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในจังหวัดเบ๊นแจ อำเภอ Hanh Phu โดยเมื่อแล้วเสร็จ จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าได้กว่า 80 MW/ปี มูลค่าการลงทุนรวม 160 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยจะแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 3 ระยะ ระยะแรกจะสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ 30 MW/ ปี และเปิดใช้งานได้ในปี 2563
นาย Surender Singh ประธานผู้บริหารบริษัท Nexif Energy ซึ่งเป็นบริษัทที่ลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในหลายประเทศของทวีปเอเชียและประเทศออสเตรเลีย มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ และมีเงินจดทะเบี
ยนลงทุนในโครงการลงทุนทั้งหมดกว่า 9.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้สัมภาษณ์ว่า บริษัทฯ มีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งในการลงทุนในโครงการไฟฟ้าพลังงานลมในจังหวัดเบ๊นแจ ซึ่งเป็นโครงการหนึ่งที่สำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของจังหวัดเบ๊นแจ และประเทศเวียดนามในภาพรวม โดยในอนาคต บริษัทฯ มีแผนการลงทุนในเวียดนามอีกเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง และภายใน 3 ปีข้างหน้า บริษัทฯ วางเป้าหมายในการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทั้งหมดของบริษัทในเวียดนามให้มีความสามารถผลิตไฟฟ้ารวม 500 MW/ ปี
ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2560 ที่ผ่านมา บริษัทฯ เริ่มลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม Lincoln Gap ที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้าได้กว่า 212 MW/ ปี ที่ประเทศออสเตรเลีย และบริษัทฯ ยังถือหุ้นหลักในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ Coc San ที่สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ 30 MW/ ปี ที่จังหวัดลาวก่ายอีกด้วย
ทั้งนี้ เมื่อไม่นานมานี้ มีรายงานว่า บริษัท Mekong Wind Power บริษัทลูกของกลุ่มบริษัท Thanh Thanh Cong Group สัญชาติเวียดนาม ได้เริ่มก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในอำเภอ Binh Dai พื้นที่โรงงาน 22.6 เฮกตาร์ มีความสามารถในการผลิตไฟฟ้าได้ 310 MW/ ปี โดยในระยะแรกจะสามารถผลิตได้ 30 MW / ปี และจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2563 มูลค่าการลงทุน 65.36 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และระยะที่ 2 จะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 310 MW /ปี
ที่มา หนังสือพิมพ์ Nhan Dan วันที่ 18 ธันวาคม 2560
อีเมลสถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์
ติดต่อทั่วไป
แผนกเศรษฐกิจ
แผนกกงสุล (หนังสือเดินทาง, นิติกรณ์และทะเบียนราษฎร์, บัตรประชาชน, การตรวจลงตราและรับรองเอกสาร)