วันที่นำเข้าข้อมูล 25 ธ.ค. 2560
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 30 พ.ย. 2565
ข่าวเด่นวันที่ 25 ธันวาคม 2560
นาย Nguyen Hoang Minh รองผู้อำนวยการธนาคารแห่งชาติ สาขานครโฮจิมินห์ กล่าวว่า การใช้เงินสกุล Bitcoin ในเวียดนามยังขัดต่อข้อกฎหมายการชำระหนี้เพื่อซื้อสินค้าภายในประเทศเวียดนาม ซึ่งธนาคารจะร่วมมือกับสำนักงานตำรวจนครโฮจิมินห์ในการตรวจสอบและจับกุมผู้ใช้เงินสกุล Bitcoin ในการประกอบธุรกรรมทางการเงินภายในนครโฮจิมินห์ โดยค่าปรับสูงสุดจะอยู่ที่ 200 ล้านด่ง (ประมาณ 8,800 ดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งจากการสำรวจของธนาคารแห่งชาติ พบว่า ร้านอาหารและร้านคาเฟ่หลายแห่งในนครโฮจิมินห์ยินดีรับเงินสกุล Bitcoin ในอนาคต
จากการสำรวจของสำนักข่าว VnExpress พบว่า ร้านอาหารและร้านคาเฟ่หลายๆ แห่งในเขต 1 ของนครโฮจิมินห์ ยินดีรับเงินสกุล Bitcoin เนื่องจากความสะดวกสบายในการชำระค่าบริการ และร้านค้าต่างๆ ยังสามารถนำเงินสกุล Bitcoin ที่ได้รับมาเก็งกำไรในตลาดออนไลน์ซึ่งมีแนวโน้มค่าเงินสูงขึ้นเรื่อยๆ ได้ ตลอดจนไม่ต้องออกใบกำกับภาษีให้กับลูกค้า
ปัจจุบัน กระแสการใช้เงินสกุล Bitcoin ได้รับความนิยมไปในทั่วโลก รวมถึงในประเทศเวียดนามเช่นกัน จากการสำรวจ ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2560 พบว่า มีอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่ใช้ในการขุดเงินสกุล Bitcoin จำนวน 1,478 ชิ้นถูกนำเข้ามาในเวียดนาม
อย่างไรก็ดี เมื่อเดือนตุลาคม 2560 ธนาคารแห่งชาติเวียดนามออกแถลงการณ์ว่า นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 การใช้และ/หรือการกระทำที่นำมาซึ่งเงินสกุล Bitcoin ถือเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายมาตรา 206 ของประมวลกฎหมายอาญาฉบับปี 2558 ซึ่งการทำธุรกรรมทางการเงินที่ถูกกฎหมายจะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลกลางเท่านั้น
หลังจากนั้น ธนาคารแห่งชาติเวียดนามยังได้ออกประกาศเตือนกลุ่มองค์กรและบุคคลใดๆ ในเวียดนามไม่ให้ลงทุนในสกุลเงิน Bitcoin เนื่องจากสกุลเงิน Bitcoin ขัดต่อข้อกฎหมาย ตรวจสอบได้ยาก เป็นการหลีกเลี่ยงภาษี และถูกใช้ในกระบวนการฟอกเงิน
อย่างไรก็ดี ในเดือนตุลาคม 2560 มหาวิทยาลัย FPT มหาวิทยาลัยด้านเทคโนโลยีชั้นนำของประเทศ ให้สัมภาษณ์ว่า มหาวิทยาลัยกำลังมองหาช่องทางให้นักศึกษาสามารถจ่ายค่าเล่าเรียนด้วยสกุลเงิน Bitcoin ได้
นับถึงวันที่ 20 ธันวาคม 2560 ราคาค่าเงินสกุล Bitcoin 1 เหรียญมีราคาสูงถึง 16,500 ดอลลาร์สหรัฐ
ที่มา สำนักข่าว VnExpress วันที่ 20 ธันวาคม 2560
นาย Pham Khanh Phong Lan ประธานคณะกรรมการบริหารจัดการความปลอดภัยของอาหารในนครโฮจิมินห์ กล่าวในการประชุมเกี่ยวกับความปลอดภัยของอาหารและสารตกค้าง เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2560 แจ้งว่า แม้ว่าในปีนี้ ผักผลไม้ภายในประเทศเวียดนามที่ส่งออกไปยังต่างประเทศจะมีมูลค่าสูงถึง 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ผู้บริโภคภายในประเทศยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับความสะอาดและสารตกค้าง
นาย Lan กล่าวเสริมว่า ผักผลไม้จากประเทศเวียดนามสามารถส่งออกไปขายยังประเทศที่ต้องการสินค้าคุณภาพสูง อาทิ ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกาได้แสดงให้เห็นถึงคุณภาพระดับสากลของผลิตภัณฑ์เหล่านั้น ทั้งนี้ ผักผลไม้ที่ขายในเวียดนามส่วนใหญ่ยังคงไม่ได้มาตรฐาน เนื่องจากผู้บริโภคยังไม่ให้ความสำคัญในเรื่องของคุณภาพมากเท่าเรื่องของปริมาณและราคา โดยคณะกรรมการฯ จะร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รวมถึงภาคเอกชนในการตรวจสอบคุณภาพ/ความสะอาดของผักผลไม้ที่ขายในนครโฮจิมินห์ให้รัดกุมยิ่งขึ้น
นาง Vu Thi Kim Hanh ประธานสมาคมผู้ผลิตสินค้าเวียดนามคุณภาพสูง กล่าวว่า สมาคมฯ ได้ลงนามข้อตกลงระหว่างภาครัฐและหน่วยงานระหว่างประเทศเพื่อร่วมมือกันในการตรวจสอบและส่งเสริมสินค้าที่มีคุณภาพให้กับผู้ส่งออกสินค้าและผู้บริโภคภายในประเทศ
จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนามชี้ให้เห็นว่า ระหว่างเดือนมกราคม – พฤศจิกายน การส่งออกผักและผลไม้มีมูลค่ากว่า 3.18 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 44 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาก่อนหน้า ตลาดส่งออกหลักได้แก่ประเทศจีน (มูลค่า 2.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 54.9) ประเทศญี่ปุ่น (มูลค่า 117 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 70) และประเทศสหรัฐอเมริกา (มูลค่า 93 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.2)
ที่มา หนังสือพิมพ์ The Saigon Times Daily วันที่ 22 ธันวาคม 2560 หน้า 1
จากงานสัมมนา “Finding resolutions to bring Ho Chi Minh City to become the Startup Center of the Country” ซึ่งจัดโดยสถาบันวิจัยและพัฒนานครโฮจิมินห์เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2560 นักวิชาการที่เข้าร่วมงานสัมมนาทุกคนเห็นพ้องกันว่า นครโฮจิมินห์จะต้องสร้างยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนในการพัฒนาธุรกิจ Startup เพื่อทำให้กลายเป็นศูนย์กลางของธุรกิจ Startup และเป็นเมือง Smart City แห่งแรกของประเทศให้ได้ โดยจะต้องมีแผนชัดเจนว่าจะเน้นการพัฒนาวิชาชีพใด รูปแบบการพัฒนาจะเป็นอย่างไร รวมถึงควรจะระบุสิทธิประโยชน์และนโยบายพิเศษสำหรับนักลงทุนที่สนใจลงทุนในธุรกิจ Startup ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ให้สอดคล้องกับแนวทางการปฎิวัติอุตสาหกรรม 4.0 ของประเทศ เนื่องจากในปัจจุบัน ธุรกิจ Startup ในนครโฮจิมินห์หรือทั่วทั้งประเทศยังไม่มีลักษณะเป็นธุรกิจ Startup ที่แท้จริง
นอกจากนั้น ที่สัมมนายังเสนอให้คณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์รวมทั้งรัฐบาลกลางตระหนักถึงความสำคัญในการวางแผนพัฒนาธุรกิจ Startup ของนครโฮจิมินห์ซึ่งปัจจุบัน ยังไม่มีแนวทางสนับสนุนที่ชัดเจน แม้ว่าจะมีการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาเป็นระยะเวลาหลายเดือนแล้ว โดยหากธุรกิจ Startup สามารถเติบโตในทิศทางที่ถูกต้องและถูกทางได้ จะสามารถยกระดับเศรษฐกิจของนครโฮจิมินห์และประเทศได้อย่างมาก
ที่สัมมนาให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า ธุรกิจ Startup ในนครโฮจิมินห์จะเกิดขึ้นได้ หากการแข่งขันทางธุรกิจมีความยุติธรรมและโปร่งใส นอกจากนั้น ภาครัฐบาลจะต้องใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรมต่อทุกภาคส่วน และที่สัมมนาได้เสนอแนวทางการพัฒนาธุรกิจ Startup ในนครโฮจิมินห์ ให้คณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์พิจารณา 5 ประการใน ได้แก่ (1) การยกระดับระบบการศึกษาและการสร้างอาชีพ (2) การลงทุนด้านสิ่งอำนวยความสะดวกและโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสม (3) การมียุทธศาสตร์และแนวทางการพัฒนา Startup ที่ชัดเจน (4) นโยบายและสิทธิประโยชน์ให้แก่นักลงทุนธุรกิจ Startup อาทิ การเปลี่ยนสินเชื่อ ข้อมูลเชิงลึกของตลาดสินค้าประเภทต่างๆ และอื่นๆ และ (5) การพัฒนาเทคโนโลยี
ที่มา หนังสือพิมพ์ Sai Gon Giai Phong วันที่ 21 ธันวาคม 2560
อีเมลสถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์
ติดต่อทั่วไป
แผนกเศรษฐกิจ
แผนกกงสุล (หนังสือเดินทาง, นิติกรณ์และทะเบียนราษฎร์, บัตรประชาชน, การตรวจลงตราและรับรองเอกสาร)