วันที่นำเข้าข้อมูล 3 ม.ค. 2561
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 24 พ.ย. 2565
ข่าวเด่นวันที่ 3 มกราคม 2561
แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมา นครโฮจิมินห์มีอัตราการพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมอย่างก้าวกระโดด ซึ่งส่งผลให้ภาคการส่งออกของนครโฮจิมินห์เติบโตตามไปด้วย อย่างไรก็ดี ภาคการส่งออกของนครโฮจิมินห์ยังต้องพึ่งพานักลงทุนต่างประเทศอยู่เป็นจำนวนมาก
ข้อมูลของสำนักงานอุตสาหกรรมและการค้า นครโฮจิมินห์ การส่งออกของนครโฮจิมินห์ในปี 2560 มีมูลค่าประมาณ 35.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.1 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งหากไม่นับการส่งออกน้ำมันดิบจะมีมูลค่าถึง 30 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว นอกจากนั้น ดัชนีการผลิตอุตสาหกรรมของนครโฮจิมินห์เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 7.25 เมื่อปี 2559 เป็นร้อยละ 8.48 ในปี 2560 แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดด
ทั้งนี้ ผลผลิตอุตสาหกรรมภายในนครโฮจิมินห์มากกว่าร้อยละ 50 มาจากบริษัทต่างชาติ และการส่งออกของนครโฮจิมินห์ร้อยละ 63 มาจากบริษัทต่างชาติเช่นกัน โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าไฮเทคซึ่งมีสัดส่วนกว่าร้อยละ 99
ปัญหาที่ทำให้นักลงทุนในประเทศมีสัดส่วนการส่งออกน้อย เนื่องจากขาดการประสานงานที่ดีระหว่างนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนท้องถิ่น นอกจากนั้น บริษัทโลจิสติกส์ภายในประเทศยังไม่เข้มแข็ง ทำให้ไม่สามารถแข่งขันด้านต้นทุนกับบริษัทโลจิสติกส์ต่างประเทศที่มีเครือข่ายและเงินทุนจำนวนมากได้
ปัญหาที่ทำให้ภาคการส่งออกของนักลงทุนในประเทศมีจำนวนน้อยเนื่องจากการขาดการประสานงานที่ดีระหว่างนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนท้องถิ่น นอกจากนั้น บริษัทโลจิสติกส์ภายในประเทศยังไม่เข้มแข็ง ทำให้ไม่สามารถแข่งขันด้านต้นทุนกับบริษัทโลจิสติกส์ต่างประเทศที่มีเครือข่ายและเงินทุนจำนวนมากได้
ที่มา ที่มา สำนักข่าว The Saigon Times วันที่ 27 ธันวาคม 2560 หน้า 1
รายงานจากบริษัท Saigon Newport Corporation (SNP) ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการท่าเรือขนาดใหญ่ภายในประเทศเวียดนามชี้ให้เห็นว่า ในปี 2560 บริษัทฯ สามารถให้บริการตู้ขนส่งสินค้าได้กว่า 6.28 ล้าน TEU หรือคิดเป็น 90 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.6 และคิดเป็นร้อยละ 50 ของการขนส่งสินค้าทั่วประเทศ และร้อยละ 92.5 ของนคร โฮจิมินห์
จากการรายงาน พบว่า การบริการขนส่งสินค้าของบริษัท SNP ในบริเวณท่าเรือน้ำลึก Cai Mep – Thi Vai จังหวัดบ่าเหรี่ยะ-หวุงเต่า คิดเป็นร้อยละ 72 ของการยอดการขนส่งสินค้าทั้งหมด และการดำเนินงานของบริษัทในภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงซึ่งบริษัท SNP ให้บริการท่าเรือ 5 แห่ง มีจำนวนตู้ขนส่งสินค้าเข้ามาใช้บริการกว่า 71,000 TEU โดยเฉพาะในบริเวณท่าเรือ Tan Cang – Cai Cui ในนครเกิ่นเทอมีตู้ขนส่งสินค้าจำนวนกว่า 44,700 TEU เข้ามาใช้บริการแม้ว่าเพิ่งจะเปิดให้บริการในปี 2559 ก็ตาม
ที่มา สำนักข่าว The Saigon Times วันที่ 26 ธันวาคม 2560 หน้า 1
คณะกรรมการประชาชนจังหวัดกว๋างหงายได้ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐบาลให้งดการเก็บค่าธรรมเนียมร้อยละ 7 ของการดำเนินงานในโครงการขุดเจาะน้ำมัน Dung Quat และอนุมัติให้ขยายแผนการดำเนินงาน เนื่องจากตลาดน้ำมันโลกอาจจะประสบกับความผันผวนทางด้านราคาในปีหน้า ซึ่งจะส่งผลให้บริษัท Binh Son Refining and Petrochemical Company (BSR) ผู้ดำเนินโครงการขุดเจาะน้ำมัน Dung Quat ได้รับกำไรลดลง
หากรัฐบาลอนุมัติข้อเสนอของกระทรวงการคลังในการเก็บค่าธรรมเนียมร้อยละ 7 ในช่วงระหว่างปี 2561 – 2563 ในโครงการขุดเจาะน้ำมัน Dung Quat รายได้ของบริษัท BSR จะลดลงถึง 0.7 – 3.8 ล้านล้านด่ง (30.83 – 167.34 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และจะทำให้ไม่สามารถแข่งขันในด้านราคากับโครงการขุดเจาะน้ำมัน Ngi Son ได้ ซึ่งโครงการดังกล่าวเสียภาษีแก๊สโซลินร้อยละ 7 แก๊ส LPG ร้อยละ 5 และเคมีภัณฑ์ร้อยละ 3 ในช่วงระยะเวลา 10 ปี
นอกจากนั้น การเก็บค่าธรรมเนียมดังกล่าวจะส่งผลให้การขายหุ้นของบริษัท BSR เป็นไปได้อย่างยากลำบากเนื่องจากนักลงทุนจำนวนมากอาจจะไม่สนใจเข้ามาซื้อกิจการดังกล่าวอีกต่อไป และหากผลกำไรลดลงอาจจะส่งผลถึงแผนการขยายโครงการขุดเจาะน้ำมัน Dung Quat ทำให้ไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดภายในประเทศได้
ทั้งนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เมื่อรัฐบาลถอนหุ้นจากบริษัท BSR จนเหลือต่ำกว่าร้อยละ 50 จะทำให้รัฐบาลไม่สามารถค้ำประกันการกู้ยืมสินเชื่อให้กับนักลงทุนโครงการขุดเจาะน้ำมัน Dung Quat ได้ เนื่องจากธนาคารใหญ่ๆ อาทิ Vietcombank, BIDV และ VietinBank จะให้กู้เฉพาะโครงการที่ได้รับการค้ำประกันโดยรัฐบาลเท่านั้น
ปัจจุบัน บริษัท BSR ส่งรายได้เข้างบประมาณจังหวัดกว๋างหงายกว่าปีละ 22.6 ล้านล้านด่ง (ประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) หรือคิดเป็นร้อยละ 90 ของงบประมาณทั้งหมดของจังหวัด
ที่มา สำนักข่าว VnExpress วันที่ 26 ธันวาคม 2560
อีเมลสถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์
ติดต่อทั่วไป
แผนกเศรษฐกิจ
แผนกกงสุล (หนังสือเดินทาง, นิติกรณ์และทะเบียนราษฎร์, บัตรประชาชน, การตรวจลงตราและรับรองเอกสาร)