ข่าวเด่นวันที่ 17 มกราคม 2561

ข่าวเด่นวันที่ 17 มกราคม 2561

วันที่นำเข้าข้อมูล 17 ม.ค. 2561

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 24 พ.ย. 2565

| 1,307 view

ข่าวเด่นวันที่ 17 มกราคม 2561

1. แนวโน้มภาคอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดคั้นหว่าและนครดานัง

จากรายงานของกรมการท่องเที่ยวเวียดนาม ในปี 2560 เวียดนามมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 12.9 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และมีนักท่องเที่ยวภายในประเทศเองถึง 73 ล้านคน โดยเวียดนามได้รับการจัดอันดับจากองค์กรการท่องเที่ยวโลกให้ติดอันดับ 6 ของสถานที่ท่องเที่ยวที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วมากที่สุดในโลก และเป็นอันดับที่ 1 ของทวีปเอเชีย โดยคาดการณ์ว่าภายในปี 2563 จะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติกว่า 20 ล้านคนเดินทางมายังประเทศเวียดนาม

จากข้อมูลดังกล่าว สอดคล้องกันกับสภาพแนวโน้มภาคอสังหาริมทรัพย์ในภาคกลางของเวียดนามที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องภายในปี 2560 ซึ่งจากการรายงานของสมาคมอสังหาริมทรัพย์เวียดนาม (Vietnam Real Estate Association) ชี้ให้เห็นว่า ราคาที่ดินในตัวเมือง Nha Trang จังหวัดคั้นหว่า มีราคาสูงขึ้นตั้งแต่ 70 – 300 ล้านด่ง (ประมาณ 1 แสนบาท – 5 แสนบาท) ต่อหนึ่งตารางเมตร เนื่องจากมีนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายคนต้องการซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการโรงแรม คอนโดเทล รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ

นอกจากนั้น ภาคการท่องเที่ยวและภาคอสังหาริมทรัพย์ของนครดานังในปี 2560 ได้รับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดสืบเนื่องจากการประชุม APEC 2017 ที่ผ่านมาในเดือนพฤศจิกายน 2560 โดยสมาคมอสังหาริมทรัพย์เวียดนามรายงานว่า ราคาซื้อขายที่ดินในเขตตัวเมืองมีราคาสูงขึ้นร้อยละ 20 – 30 เนื่องจากนักลงทุนมองเห็นถึงศักยภาพในการพัฒนาการท่องเที่ยวซึ่งปัจจุบัน นครดานังเป็นเสมือนศูนย์รวมการท่องเที่ยวในภาคกลางของเวียดนาม

ที่มา สำนักข่าว VnExpress วันที่ 12 มกราคม 2561

https://kinhdoanh.vnexpress.net/tin-tuc/bat-dong-san/dat-da-nang-tang-7-8-lan-tu-2012-3697824.html

 

2. สายการบินเวียดนามแอร์ไลน์จะจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ (HOSE) ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2561

สายการบินเวียดนามแอร์ไลน์ประกาศว่า สายการบินฯ จะจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ (HOSE) ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2561 เพื่อระดมทุนสำหรับการซื้อเครื่องบินลำใหม่และขยายเครือข่ายเส้นทางการบินระหว่างประเทศโดยสายการบินฯ จะให้สิทธิในการเพิ่มหุ้นกับผู้ที่ถือหุ้นในปัจจุบันมากขึ้นเพื่อเพิ่มข้อได้เปรียบในข้อสัญญาและเร่งขายหุ้นที่ถือโดยภาครัฐ

สายการบินฯ ได้ประเมินไว้ว่า ตลาดการขนส่งทางอากาศภายในประเทศมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในปีนี้ ทำให้สายการบินฯ จำเป็นต้องเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องบิน รวมทั้งการเปิดเส้นทางการบินใหม่ๆ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการเปิดเที่ยวบินตรงไปยังสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ สายการบินฯ มีโครงการที่จะจัดซื้อเครื่องบิน Airbus A350-900 และ A321neo ลำใหม่ โดยในปี 2560 สายการบิน Jetstar Pacific (สายการบินเครือข่าย) และบริษัท Vietnam Air Services Company (VASCO) ได้ให้บริการเที่ยวบินกว่า 180,000 เที่ยวบิน และมีจำนวนผู้โดยสารกว่า 26.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.7 จากปี 2559

ในปี 2560 สายการบินฯ ครองส่วนแบ่งทางการตลาดการบินภายในประเทศกว่าร้อยละ 60 และตลาดการบินภายนอกประเทศร้อยละ 32.3 มีรายได้ทั้งหมดประมาณ 3.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และได้กำไรก่อนหักภาษีประมาณ 123 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าแล้วร้อยละ 8.3

นอกจากนั้น สายการบินฯ ได้รับมอบเครื่องบิน Airbus A350-900 XBs จำนวน 4 ลำ และ Boeing 787-9 Dreamliner จำนวน 1 ลำ ส่งผลให้สายการบินฯ ,uเครื่องบินทั้งสองประเภทจำนวน 10 ลำและ 11 ลำ ตามลำดับ โดยเครื่องบินลำใหม่จะใช้บินในเส้นทางกรุงฮานอย-นครโฮจิมินห์ และเส้นทางการบินต่างประเทศ ได้แก่ ยุโรป เอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ และออสเตรเลีย ทั้งนี้ สายการบินฯ มีแผนที่จะปรับปรุงเครื่องบินที่ตัวเครื่องมีขนาดแคบ โดยได้ลงนามในสัญญาระยะยาวกับบริษัท Aviation Capital Group (ACG) เพื่อปรับปรุงเครื่องบินรุ่น A321neos จำนวน 6 ลำ และลงนามในสัญญาซื้อขายเครื่องมือและบริการในการพัฒนาเครื่องบินรุ่น A321neo กับบริษัท American aerospace firm Pratt &Whitney มูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังได้ทำสัญญาและข้อตกลงความร่วมมือในการเป็นพันธมิตรกับสายการบินต่างประเทศ เช่น สายการบิน Air France, สายการบินบางกอกแอร์เวย์ ของประเทศไทยและสายการบิน LOT Polish ของประเทศโปแลนด์

สำหรับเส้นทางการบินในประเทศ สายการบินฯ ร่วมมือกับสายการบิน Jetstar Pacific ในการให้บริการ โดยทั้งสองสายการบินมีเที่ยวบินระหว่างกรุงฮานอย นครโฮจิมินห์ และนครดานัง ซึ่งมีเวลาระหว่างเที่ยวบินไม่เกิน 30 นาที

ที่มา หนังสือพิมพ์ Saigon Giai Phong วันที่ 12 มกราคม 2561

URL: http://www.sggp.org.vn/vietnam-airlines-dat-loi-nhuan-ky-luc-2800-ty-dong-493752.html

 

3. นครเกิ่นเทอครองอันดับ 3 ด้านมูลค่าการค้าและบริการของประเทศเวียดนาม

สำนักงานอุตสาหกรรมและการค้านครเกิ่นเทอ เปิดเผยมูลค่าการค้าบริการของนครเกิ่นเทอในปี 2560 มีมูลค่าสูงถึง 106 ล้านล้านด่ง (ประมาณ 4.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เป็นลำดับที่สามของประเทศ และเป็นปีแรกที่มีมูลค่าการค้าและบริการมากกว่า 100 ล้านล้านด่ง (ประมาณ 4.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เป็นลำดับที่ 3 ตามหลัง      นครโฮจิมินห์ และกรุงฮานอย ตามลำดับ

ในบริเวณภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง จังหวัดที่มีมูลค่าการค้าและบริการสูงสุดเป็นลำดับที่ 2 คือจังหวัดอานยาง จำนวน 4.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่จังหวัดจ่าวิงห์เป็นจังหวัดที่มีมูลค่าการค้าและบริการน้อยที่สุด โดยมีมูลค่าเพียง 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ในปี 2560 ภาคการค้าและบริการของนครโฮจิมินห์มีมูลค่ามากที่สุดของทั้งประเทศประมาณ 40.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยกรุงฮานอยครองอันดับสองด้วยมูลค่าการค้าและบริการกว่า 24.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นประมาณ 10.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และ 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐตามลำดับ เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าในขณะที่นครที่เหลือได้แก่ นครไฮฟองและนครดานังมีมูลค่าการค้าและบริการประมาณ 4.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และ 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐตามลำดับ

นาย Truong Quang Hoai Nam รองประธานคณะกรรมการประชาชนนครเกิ่นเทอ รายงานว่า ในปี 2560     ภาคการค้าและบริการในนครเกิ่นเทอมีการพัฒนาขึ้นอย่างมากเนื่องจากการพัฒนาของธุรกิจการค้าปลีกภายในนคร ซึ่งมีร้านค้า ห้างสรรพสินค้า และร้านสะดวกซื้อต่างๆ ของภาคเอกชน อาทิ บริษัท Saigon Trading Corporation (Satra) และบริษัท Vingroup เข้ามาแข่งขันในนครเพิ่มมากขึ้น นอกจากนั้น การส่งออกสินค้าและบริการของนครยังมีมูลค่าถึง 1.77 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.9 และการนำเข้าสินค้ามีมูลค่า 428 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.7 เมื่อเทียบกับปี 2559

ในปี 2561 นครเกิ่นเทอตั้งเป้ามูลค่าการค้าและบริการให้ได้ 117.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 5.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.9 และเพิ่มมูลค่าการส่งออกให้ได้ร้อยละ 1.2 และลดการนำเข้าลงร้อยละ 6.5

ที่มา สำนักข่าว Vietnam Investment Review วันที่ 14 มกราคม 2561

URL: http://www.vir.com.vn/can-tho-retail-revenue-hits-100-trillion.html

 

4. นครโฮจิมินห์จะวางยุทธศาสตร์เพื่อยกระดับการท่องเที่ยว

นาย Tran Vinh Tuyen รองประธานคณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์กล่าวว่า นครโฮจิมินห์จะยกร่างยุทธศาสตร์เพื่อยกระดับการท่องเที่ยว โดยกำหนดมีวิสัยทัศน์ไปจนถึงปี 2573 โดยยุทธศาสตร์การพัฒนาดังกล่าวจะได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากภาคเอกชนมูลค่า 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2561 นาย Tuyen กล่าวว่า งบประมาณดังกล่าวจะใช้ในการคัดเลือกบริษัทที่ปรึกษาที่เหมาะสมเพื่อพัฒนาแผนการท่องเที่ยวของนครโฮจิมินห์ โดยปัจจุบัน มีบริษัทที่ปรึกษาด้านการท่องเที่ยวจำนวน 4 – 5 บริษัทที่ให้ความสนใจเข้าร่วมพัฒนางานดังกล่าว โดยสำนักงานคณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์จะคัดเลือกบริษัทที่ดีที่สุดหลังช่วงเทศกาลตรุษเวียดนาม นอกจากนั้น นครโฮจิมินห์ตั้งเป้าหมายว่าจะสามารถต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้กว่า 7.5 ล้านคนภายในปี 2561 และมีรายได้จากการท่องเที่ยวกว่า138 ล้านล้านด่ง (ประมาณ 6.07 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)

นครโฮจิมินห์จะปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและคุณภาพการให้บริการเพื่อรองรับการพัฒนาการท่องเที่ยวโดยเฉพาะการคมนาคมทางบก การพัฒนาท่าเรือขนส่งผู้โดยสารทางน้ำ การพัฒนาคุณภาพบุคลากรให้บริการด้านการท่องเที่ยว ตลอดจนการสร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์ในการท่องเที่ยวของนครโฮจิมิจห์

นาย Tuyen สั่งการให้สำนักงานการท่องเที่ยวนครโฮจิมินห์ร่วมมือกับสายการบินเวียดนามแอร์ไลน์และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ใช้จ่ายในนครโฮจิมินห์เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ ในปีนี้ นครโฮจิมินห์จะจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างเวียดนามและญี่ปุ่น เพื่อเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 45 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเวียดนาม – ญี่ปุ่น 

ทั้งนี้ นาย Nguyen Quoc Ky ผู้อำนวยการทั่วไปของบริษัท Vietravel ให้ความเห็นว่า ปัจจุบันนครโฮจิมินห์ไม่มีผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวตอนกลางคืน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวใช้จ่ายสูง นอกจากนั้น โฮจิมินห์ควรสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์อันเป็นเอกลักษณ์ตามแต่ละพื้นที่

จากรายงานสำนักงานการท่องเที่ยวนครโฮจิมินห์ ในปี 2560 นครโฮจิมินห์ได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 6.4 ล้านคนและนักท่องเที่ยวภายในประเทศจำนวน 24.9 ล้านคนเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.9 และร้อยละ 14.6 ตามลำดับ โดยมีรายจากการท่องเที่ยวรวมทั้งสิ้นประมาณ 119,000 ล้านบาท (5.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.6 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

ที่มา หนังสือพิมพ์ The Saigon Times Daily วันที่ 12 มกราคม 2561