ข่าวเด่นวันที่ 26 มกราคม 2561

ข่าวเด่นวันที่ 26 มกราคม 2561

วันที่นำเข้าข้อมูล 26 ม.ค. 2561

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 30 พ.ย. 2565

| 1,013 view

ข่าวเด่นวันที่ 26 มกราคม 2561

1. ภาคอุตสาหกรรมของนครโฮจิมินห์สะท้อนเสถียรภาพการเจริญเติบโตด้านเศรษฐกิจของนคร

สำนักงานอุตสาหกรรมและการค้านครโฮจิมินห์คาดการณ์ว่าผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของนครโฮจิมินห์จะสามารถรักษาอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2561 ถึงร้อยละ 8 – 8.5 โดยในปี 2560 ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมของนครโฮจิมินห์เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 7.9 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2559 นอกจากนี้ดัชนีการผลิตและการแปรรูปยังเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 8

นาย Nguyen Phuong Dong รองผู้อำนวยการสำนักงานฯกล่าวว่า ในปี 2561 ภาคการผลิตและการแปรรูปจะเติบโตขึ้นร้อยละ 8.2 ในขณะที่อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง และนครโฮจิมินห์จะเน้นการพัฒนาภาควิศวกรรมเครื่องกลให้มากขึ้น ซึ่งปัจจุบัน บริษัท Mercedes-Benz เตรียมลงทุนพัฒนาฐานการผลิตในเวียดนามเพื่อกระจายสินค้าไปยังตลาดภูมิภาคอาเซียน โดยบริษัทที่ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ภายในประเทศ อาทิ บริษัท Deahan Motor บริษัท Vinh Phat และบริษัท SAMCO จะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยสนับสนุนการพัฒนาของอุตสาหกรรมยานยนต์ของโฮจิมินห์

นาย Dong กล่าวเสริมว่า อุตสาหกรรมการผลิตในนครโฮจิมินห์ได้แสดงให้เห็นถึงความมีเสถียรภาพทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยเฉพาะดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นในปี 2560 (เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.02 ในช่วงสามเดือนแรกของปี และเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 7.51 ในช่วงกลางปี ร้อยละ 7.84 ในไตรมาสที่ 3 ของปี และเพิ่มขึ้นสูงสุดถึงร้อยละ 7.9 ในช่วงเวลาที่เหลือของปี) นอกจากนี้ ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น      เรื่อย ๆ ใน 5 ปีที่ผ่านมา (ร้อยละ 6.58 ในปี 2556 , ร้อยละ 6.99 ในปี 2557 , ร้อยละ 7.24 ในปี 2558 , ร้อยละ 7.25 ในปี 2559 , ร้อยละ 7.9 ในปี 2560)

นอกจากนั้น นาย Le Nguyen Duy Oanh รองผู้อำนวยการของสำนักงานฯ กล่าวว่า ในปี 2561 สำนักงานฯ จะมุ่งเน้นสนับสนุนการผลิตเพื่อขยายฐานผู้บริโภค เพิ่มกำลังการผลิต ติดต่อกับคู่ค้าทั้งในและนอกประเทศ และบูรณาการภาคอุตสาหกรรมของนครกับห่วงโซ่อุปทานโลก

นิคมอุตสาหกรรมขั้นสูงแห่งใหม่

นครโฮจิมินห์จะเปิดรับการลงทุนใน 5 ภาคธุรกิจต่างๆ ได้แก่ เทคโนโลยีสารสนเทศ พลังงานทดแทน เทคโนโลยีชีวภาพ วงจรสารกึ่งตัวนำ และเทคโนโลยีอวกาศแบบประยุกต์ โดยทางนครฯ จะเสนอเงินกู้ยืมระยะยาวที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ ให้กับผู้ประกอบการที่ต้องการเข้ามาลงทุนในภาคธุรกิจต่างๆ ในนิคมอุตสาหกรรม Sai Gon Hi-Tech Park แห่งที่ 2 ที่กำลังจะเปิดใช้บริการในเร็วๆ นี้ โดยนาย Le Hoai Quoc ผู้บริหารนิคมอุตสาหกรรม Sai Gon Hi-Tech Park กล่าวว่า เป้าหมายของนิคมอุตสาหกรรมแห่งที่ 2 คือการดึงดูดบริษัทยักษ์ใหญ่ของต่างประเทศให้เข้ามาลงทุน โดยผู้ประกอบการภายในประเทศยังสามารถรับสิทธิประโยชน์ในการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมขั้นสูงแห่งใหม่ได้เพิ่มขึ้นด้วย

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน ผู้ประกอบการภายในประเทศกำลังเผชิญกับอุปสรรคและความท้าทายอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การแข่งขันที่สูงขึ้นภายในประเทศและการบูรณาการตลาดจากนอกประเทศ รวมถึงการขาดแคลนแรงงานที่มีคุณภาพ โดยประธานสมาคมอาหารและผลิตภัณฑ์เพื่อการบริโภคของนครโฮจิมินห์ กล่าวว่า ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมส่วนใหญ่กำลังเผชิญกับอุปสรรคมากมาย อาทิ เงินทุน การส่งออกสินค้า และเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิต

ที่มา สำนักข่าว Vietnam+ วันที่ 16 มกราคม 2561

URL: https://en.vietnamplus.vn/hcm-city-industry-shows-stability/124925.vnp

 

2. ท่าเรือนานาชาติ Thi Vai เปิดใช้งานอย่างเป็นทางการ

ในวันที่ 22 มกราคม 2561 บริษัทท่าเรือนานาชาติ Thi Vai ได้จัดพิธีเปิดการใช้งานท่าเรือนานาชาติ Thi Vai จังหวัดบ่าเหรี่ยะ-หวุงเต่า อย่างเป็นทางการ โดยท่าเรือดังกล่าวมีพื้นที่ทั้งหมด 42,000 ตารางเมตร สามารถรองรับเรือที่มีขนาดตู้คอนเทนเนอร์ได้มากกว่า 50,000 DWT และมีเรือท้องแบนขนาด 5,000 DWT ที่สามารถออกไปรับสินค้าจากเรือใหญ่ ท่าเรือดังกล่าวมีความยาว 300 เมตร กว้าง 27 เมตร ซึ่งสามารถรองรับสินค้าได้มากถึง 20,000 ตัน/วัน

ท่าเรือนานาชาติ Thi Vai ได้รับใบอนุญาตการลงทุนจากกระทรวงการวางแผนและการลงทุนตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2540 แต่โครงการประสบปัญหาหลายอย่าง อาทิ ปัญหาเรื่องการลงทุน ทำให้ต้องใช้ระยะเวลากว่า 20 ปีจึงสามารถเปิดใช้บริการได้ โดยโครงการท่าเรือดังกล่าวเป็นการร่วมทุนระหว่างนักลงทุนชาวญี่ปุ่นและเวียดนาม

นาย Nguyen Dinh Viet รองอธิบดีกรมการท่าเรือเวียดนาม กล่าวว่า ท่าเรือนานาชาติ Thi Vai จะมีขีดความสามารถในการขนส่งสินค้า 3.5 ล้านตัน/ปี โดยรัฐบาลคาดหวังว่า โครงการดังกล่าวจะสามารถดึงดูดนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศได้ นอกจากนั้น ยังเป็นส่วนหนึ่งของแผนการพัฒนาท่าเรือจังหวัดบ่าเหรี่ยะ-หวุงเต่า ที่ตั้งเป้าไว้ว่าจะสามารถรองรับการส่งสินค้าได้ถึง 101 – 109 ล้านตัน/ปี ภายในปี 2563

ที่มา สำนักข่าว Bao Dau Tu วันที่ 23 มกราคม 2561

URL: http://baodautu.vn/chinh-thuc-khanh-thanh-cang-quoc-te-thi-vai-d76175.html

 

3. รายได้จากการเก็บภาษีของนครโฮจิมินห์ในปี 2560 มีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างมาก

สำนักงานศุลกากรนครโฮจิมินห์สามารถเก็บภาษีนำเข้าและส่งออกสินค้าในจำปี 2560 ได้กว่า 109,000 ล้านล้านด่ง (หรือประมาณ 4.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ร้อยละ 7.75 นอกจากนี้ สำนักงานศุลกากรยังได้จัดเก็บภาษีเงินได้เป็นมูลค่าถึง 49 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 118.8 ของเป้าหมายและเพิ่มขึ้นจากปี 2559 ถึงร้อยละ 326 นอกจากนี้ ทางสำนักงานศุลกากรได้ดำเนินการกับผู้ละเมิดกฎหมายถึง 1,598 ราย ในการปราบปรามการลักลอบการนำเข้าและการทุจริตทางการค้า ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 6.3

นาย Nguyen Xuan Binh ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรนครโฮจิมินห์ กล่าวว่า นครโฮจิมินห์ตั้งเป้าการเก็บภาษีในปี 2561 ต่ำกว่าปีที่แล้ว เนื่องจากการจัดเก็บภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าส่วนใหญ่ลดลงเหลือร้อยละศูนย์ตามข้อตกลงการค้าเสรีต่างๆ โดยเฉพาะข้อตกลงการค้า ASEAN นอกจากนี้ ปริมาณการใช้น้ำมันที่นำเข้าผ่านท่าเรือที่นครโฮจิมินห์มีแนวโน้มลดลง ตลอดจน ผู้นำเข้าอุปกรณ์/ชิ้นส่วนยานยนต์จะไม่จำเป็นต้องเสียภาษี หากเงื่อนไขตรงตามข้อกำหนดที่รัฐบาลตั้งไว้

นาง Vu Thi Mai รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้กล่าวชื่นชมการปฏิบัติงานของสำนักงานศุลกากรนคร  โฮจิมินห์ในปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ทุกฝ่ายควรจะร่วมกันปราบปรามการลักลอบนำเข้าและการทุจริตทางการค้า โดยควรจะเพิ่มการตรวจสอบหลังจากพิธีการทางศุลกากร การเรียกเก็บภาษี และกระบวนการอื่น ๆ

นาง Mai ยังได้ขอให้สำนักงานส่งเสริมการปฏิรูปการปกครอง ปรับปรุงกิจกรรมทางศุลกากร และใช้ระบบสำนักงานอัตโนมัติสำหรับการกำกับและการจัดการด้านศุลกากรของท่าเรือและท่าอากาศยาน

นาย Tran Vinh Tuyen รองประธานคณะกรรมการประชาชน นครโฮจิมินห์ กล่าวว่า นครโฮจิมินห์จะจัดให้มีการหารือระหว่างภาคธุรกิจและศุลกากรเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับรัฐวิสาหกิจ นอกจากนี้ ควรออกเงื่อนไขสำหรับการนำเข้าและส่งออกผ่านท่าเรือในเขตนครโฮจิมินห์ให้มีความสะดวกมากยิ่งขึ้น

ที่มา สำนักข่าว The Voice of Vietnam วันที่ 18 มกราคม 2561

URL: http://english.vov.vn/economy/hcm-citys-customs-hopes-to-meet-target-in-2018-366977.vov

 

4. นครโฮจิมินห์และจังหวัดโดยรอบจะกลายเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน

ในวันที่ 23 มกราคม 2561 กระทรวงการก่อสร้าง ร่วมกับคณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์และจังหวัดโดยรอบ จัดการประชุมการวางแผนแม่บทในการพัฒนาการก่อสร้างพื้นที่เศรษฐกิจนครโฮจิมินห์และบริเวณโดยรอบจนถึงปี 2573 และกำหนดวิสัยทัศน์จนถึงปี 2593 ซึ่งได้รับการเห็นชอบจากรัฐบาลตามมติหมายเลข 2076/QD-TTg วันที่ 12 ธันวาคม 2560 โดยที่ประชุมมีมติพัฒนาและยกระดับพื้นที่สำหรับนครโฮจิมินห์และจังหวัดโดยรอบ ซึ่งประกอบด้วย จังหวัดลองอาน จังหวัดด่งนาย จังหวัดเตยนิงห์ จังหวัดเตี่ยนยาง จังหวัดบิ่นห์เยือง จังหวัดบิ่นห์เฟื้อก และจังหวัดบ่าเหรี่ยะ-หวุงเต่า ซึ่งมีพื้นที่รวมกันกว่า 30,404 ตารางกิโลเมตร

ในการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจนครโฮจิมินห์และจังหวัดโดยรอบ ที่ประชุมวางแผนยกระดับ 3 ปัจจัย ได้แก่  (1) การพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจฯ ให้มีความทันสมัยและยั่งยืน (2) การบูรณาการระดับนานาชาติ โดยเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การเงิน วิทยาศาสตร์ และอุตสาหกรรมชั้นสูงที่สำคัญของประเทศ และของภูมิภาคอาเซียน และ   (3) การพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกและโครงสร้างพื้นฐานและการจัดการกับปัญหาสิ่งแวดล้อม

นอกจากนั้น แผนการดังกล่าวจะมุ่งเน้นในการยกระดับสิ่งอำนวยความสะดวกและโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ ทางด่วนและระบบถนนวงแหวน ซึ่งประกอบไปด้วย ทางด่วนสาย Bien Hoa – Vung Tau ทางด่วนสาย HCM City – Thu Dau Mot – Chon Thanh ทางด่วน HCM City – Moc Bai ทางด่วนสาย Dau Giay – Da Lat ถนนวงแหวนหมายเลข 3 และ 4 ทางรถไฟสาย Trang Bom – Sai Gon ทางรถไฟสาย Bien Hoa – Vung Tau ทางรถไฟสาย HCM City – My Tho – Can Tho และ ทางรถไฟสาย HCM City – Tay Ninh ซึ่งทุกโครงการมีแผนก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2573

นาง Phan My Linh รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการก่อสร้าง กล่าวว่า แผนแม่บทในการพัฒนาการพื้นที่เศรษฐกิจฯ โดยรอบจะช่วยให้ทุกๆ จังหวัดที่เกี่ยวข้องได้รับประโยชน์ด้านการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกและโครงสร้างพื้นฐานอย่างเป็นระบบ รวมถึงจะทำให้จังหวัดโดยรอบสามารถเชื่อมต่อกับนครโฮจิมินห์ได้ในทุกมิติและสามารถเชื่อมต่อกับพื้นที่เศรษฐกิจโดยรอบได้แก่ จังหวัดในภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง จังหวัดในบริเวณพื้นที่ราบสูงภาคกลาง  และจังหวัดในภาคกลางตอนล่าง และในอนาคต จะมีแผนการขยายเขตพื้นที่ออกไปทางภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ภายในปี 2573 คาดว่าพื้นที่เศรษฐกิจฯ จะมีประชากรราว 24 – 25 ล้านคน โดยในจำนวนนั้นอาศัยอยู่ในพื้นที่ตัวเมืองกว่า 18 – 19 ล้านคน และอีก 6 – 7 ล้านคนอาศัยอยู่ในพื้นที่ชนบท และมีอัตราการขยายตัวของเมืองร้อยละ 90 ตลอดจนจะกลายเป็นศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรมธรรม การศึกษา การอบรม เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ และการแพทย์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน

นอกจากนี้ รัฐบาลและผู้บริหารจังหวัดที่เกี่ยวข้องได้จัดตั้งคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจนครโฮจิมินห์และจังหวัดโดยรอบ เพื่อวิจัยและดำเนินโครงการตามกรอบการวางแผนร่วมกันกับรัฐบาล รวมถึงเป็นที่ปรึกษาพิเศษให้กับรัฐบาลในการตรวจสอบความก้าวหน้าของการดำเนินโครงการดังกล่าวต่อไป

ที่มา หนังสือพิมพ์ Tuoi Tre วันที่ 24 มกราคม 2561

URL: https://tuoitre.vn/cong-bo-quy-hoach-xay-dung-vung-tphcm-thanh-trung-tam-kinh-te-lon-cua-dong-nam-a-20180124153951144.htm