วันที่นำเข้าข้อมูล 23 ก.พ. 2561
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 24 พ.ย. 2565
ข่าวเด่นวันที่ 22 - 23 กุมภาพันธ์ 2561
1. ปัจจัย 4 ประการที่ทำให้อสังหาริมทรัพย์ในนครโฮจิมินห์มีแนวโน้มสดใสในปี 2561
นาย Troy Griffith รองผู้อำนวยการบริษัท Savills ประจำประเทศเวียดนาม บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังระดับโลกเปิดเผยว่า จากผลสำรวจล่าสุดเกี่ยวกับอนาคตของอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลกของบริษัท ชี้ให้เห็นว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในนครโฮจิมินห์กำลังมีแนวโน้มสดใส และมีศักยภาพในการพัฒนามากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยตลาดอสังหาริมทรัพย์นครโฮจิมินห์ได้รับการจัดอันดับที่ 3 ในด้านความสามารถในการเพิ่มมูลค่าค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ อันดับที่ 5 ในด้านความสามารถในการลงทุน และอันดับที่ 2 ในด้านความสามารถในการพัฒนา
นาย Troy Griffith กล่าวเสริมว่า อสังหาริมทรัพย์ประเภทสำนักงานให้เช่าในนครโฮจิมินห์เป็นหนึ่งในอสังหาริมทรัพย์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดประเภทหนึ่งและสามารถดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการได้เป็นจำนวนมาก นอกจากนั้น อสังหาริมทรัพย์ประเภทพื้นที่ให้เช่าเพื่อขายสินค้าปลีกในบริเวณตัวเมืองนครโฮจิมินห์ก็กำลังได้รับความสนใจจากบริษัททั้งในและต่างประเทศ ส่งผลให้ราคาค่าเช่าปรับตัวสูงขึ้นในหลายๆ แห่ง
ปัจจัย 4 ประการที่ทำให้อสังหาริมทรัพย์ในนครโฮจิมินห์มีแนวโน้มสดใสในปี 2561 ได้แก่
ในปี 2560 ที่ผ่านมา ภาครัฐนครโฮจิมินห์และจังหวัดโดยรอบได้พัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกและโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมหลายโครงการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณทิศตะวันตก ทิศตะวันออก และทิศใต้ของนครโฮจิมินห์ ส่งผลให้โครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ผุดขึ้นเป็นจำนวนมาก
นครโฮจิมินห์เป็นหนึ่งในนครที่สามารถดึงดูดผู้คนทั้งในและต่างประเทศให้เข้ามาอาศัย พักผ่อน ตลอดจนทำงานในนครโฮจิมินห์ ทำให้ความต้องการด้านที่อยู่อาศัยปรับตัวสูงขึ้นตามลำดับ
บริษัทต่างชาติที่ลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์หลายบริษัทจากประเทศญี่ปึ่น เกาหลีใต้ และสิงคโปร์ ต่างให้ความสนใจในการควบรวมและซื้อกิจการอสังหาริมทรัพย์ในนครโฮจิมินห์มาโดยตลอด ดังปรากฎจากการควบรวมและซื้อกิจการอสังหาริมทรัพย์ที่สำคัญๆ หลายแห่งในตัวเมืองนครโฮจิมินห์ในปี 2560 ที่ผ่านมา
ในปลายปี 2560 รัฐสภาแห่งชาติเวียดนามได้ผ่านมตินโยบายพิเศษในการบริหารงบประมาณนครโฮจิมินห์เพื่อให้สามารถยกระดับคุณภาพเศรษฐกิจและสังคมภายในนครโฮจิมินห์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตลอดจนสามารถเก็บงบประมาณ และภาษีชนิดพิเศษเพื่อใช้ในการพัฒนาโครงการที่สำคัญต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว
ที่มา สำนักข่าว VnExpress วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2561
2. Hyosung Group เตรียมทุ่มงบ 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อลงทุนในอุตสาหกรรมเคมีและอุตสาหกรรมในจังหวัดบ่าเหรี่ยะ-หวุงเต่า และจังหวัดกว๋างนาม
กลุ่มบริษัท Hyosung Group กลุ่มบริษัทเคมีและสิ่งทอชั้นนำของเกาหลีใต้เตรียมลงทุนกว่า 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อใช้เวียดนามเป็นฐานการผลิตฐานการผลิตอุตสาหกรรมเคมีและอุตสาหกรรมหนักเพื่อส่งออกไปทั่วโลก
นาย Cho Hyun-joon ประธานกลุ่มบริษัท Hyosung กล่าวว่า กลุ่มบริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะขยายการลงทุนในเวียดนาม ไม่เพียงการขยายธุรกิจการแปรรูปเส้นด้ายสแปนแด็กซ์และเส้นด้ายสำหรับยางรถยนต์ที่มีอยู่แต่เดิม แต่ยังรวมถึงสารเคมีและอุตสาหกรรมหนักด้วย โดยเมื่อปีที่แล้ว กลุ่มบริษัทฯ ได้ทุ่มเงินลงทุนรวมกว่า 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อพัฒนาโรงงานผลิตพอลิโพรไพลีนและแก๊ส LPG ที่เก็บรักษาไว้ในใต้ดินของเขตอุตสาหกรรม Cai Mep ในจังหวัดบ่าเหรี่ยะ-หวุงเต่า และกลุ่มบริษัทฯ กำลังพิจารณาจัดตั้งโรงงานผลิตพอริโพลไพลีนและแก๊ส LPG ในจังหวัดกว๋างนาม อีกด้วย
กลุ่มบริษัทฯ ได้กำหนดกลยุทธ์สำหรับสินค้ากึ่งสำเร็จรูปในเวียดนาม โดยจะยึดจากความสามารถในการแข่งขันทางด้านต้นทุนเป็นหลัก เมื่อเสร็จสิ้นการผลิต สินค้ากึ่งสำเร็จรูปดังกล่าวจะนำไปผลิตเป็นสินค้าสำเร็จรูปที่โรงงานในเมือง Changwon ประเทศเกาหลีใต้ ก่อนจะส่งออกไปยังประเทศอื่น ๆ ซึ่งกลยุทธ์นี้จะช่วยเพิ่มมูลค่าการส่งออกและเพิ่มผลผลิตของโรงงานในเกาหลีใต้
นอกจากนั้น ในการประชุมร่วมกับ นาย Nguyen Xuan Phuc นายกรัฐมนตรีของเวียดนาม เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา นาย Cho Hyun-joon ได้กล่าวว่า กลุ่มบริษัทฯ มีประสบการณ์อย่างมากในการดำเนินโครงการก่อสร้างโรงงานไฟฟ้า ซึ่งความรู้ด้านเทคนิคและเทคโนโลยีของกลุ่มบริษัทฯ จะช่วยให้เวียดนามพัฒนาเป็นผู้ส่งออกหม้อแปลงจากเดิมที่เป็นผู้นำเข้าได้ นอกจากนี้ยังตั้งใจที่จะร่วมมือกับบริษัทอื่น ๆ และส่งเสริมโครงการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศในด้านระบบจัดเก็บพลังงาน (ESS) เอทีเอ็ม การชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ และ Fintech
กลุ่มบริษัทฯ ได้เข้ามาลงทุนในเวียดนามตั้งแต่ปี 2550 กลุ่มบริษัทฯ เพื่อพัฒนาโรงงานผลิตสิ่งทอและวัตถุดิบเพื่ออุตสาหกรรม อาทิ เส้นด้ายสแปนแด็กซ์ เส้นด้ายสำหรับยางรถยนต์ เหล็กกล้า และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า โดยโรงงานดังกล่าวตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 90,000 ตารางเมตรในจังหวัดด่งนาย และมีแรงงานกว่า 7,000 คน มีมูลค่าเงินลงทุนกว่า 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ที่มา สำนักข่าว NDH วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2561
URL: http://ndh.vn/tap-doan-hyosung-han-quoc-dau-tu-6-ty-usd-vao-viet-nam-2018021407204496p4c147.news
3. บริษัท Sunseap และบริษัท InfraCo Asia ร่วมมือพัฒนาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ในจังหวัดนินห์ถ่วน
ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2561 บริษัท Sunseap International ผู้ให้บริการด้านพลังงานสะอาดชั้นนำของสิงคโปร์ ได้ลงนามข้อตกลงกับบริษัท InfraCo Asia เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีกำลังการผลิต 168 เมกกะวัตต์ ในจังหวัดนินห์ถ่วน โดยบริษัท InfraCo Asia จะเข้าถือหุ้นเป็นส่วนน้อยควบคู่ไปกับบริษัท CMX RE ของแคนาดาซึ่งเป็นบริษัทพันธมิตร โดยโครงการดังกล่าวจะมีพื้นที่จำนวน 200 เฮคเตอร์ มีเงินลงทุนรวม 193.4 ล้านดอลลาสหรัฐ และได้รับการอนุมัติแผนการลงทุนจากคณะกรรมการประชาชนจังหวัดนินห์ถ่วนในเดือนตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา
บริษัท Sunseap เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งที่ใหญ่ที่สุดและได้รับการยอมรับในวงกว้างในอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งมีโครงการจำนวนหลายแห่งในประเทศกัมพูชา อินเดีย ไทย เวียดนาม มาเลเซียและออสเตรเลีย ในขณะที่บริษัท InfraCo Asia เป็นบริษัทพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการลงทุน เพื่อกระตุ้นการลงทุนของภาคเอกชนในประเทศกำลังพัฒนาที่เอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นาย Lawrence Wu ผู้ร่วมก่อตั้งและผู้อำนวยการบริษัท Sunseap กล่าวว่า บริษัทฯ รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับการสนับสนุนจากบริษัท InfraCo Asia สำหรับการดำเนินโครงการครั้งแรกในเวียดนาม ซึ่งบริษัทฯ ตระหนักถึงศักยภาพในการพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์ในเวียดนาม นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชนในพื้นที่และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และหวังว่าโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมการลงทุนด้านพลังงานสีเขียวในเวียดนามและภูมิภาคอินโดจีน
นาย Allard Nooy ประธานบริษัท InfraCo Asia กล่าวว่า บริษัทฯ รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัท Sunseap ในการดำเนินโครงการที่จะเป็นตัวกระตุ้นสำหรับการลงทุนทางภาคเอกชนต่อไป นอกจากนี้โอกาสในการเติบโตของพลังงานหมุนเวียนในเวียดนามนั้นมีมาก ซึ่งโครงการดังกล่าวจะช่วยให้เวียดนามพัฒนาถ่านหินในการสร้างพลังงานผสมผสานที่สะอาดในอนาคตได้
โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ดังกล่าวจะเป็นหนึ่งในโครงการใหญ่โครงการแรกที่เข้าสู่ระบบออนไลน์ในเวียดนาม ที่สามารถนำไปสู่การสร้างพลังงานผสมผสานที่สะอาดภายในประเทศ ซึ่งคาดการณ์ว่าโครงการดังกล่าวจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ ภายในเดือนมิถุนายน 2562 โดยในระหว่างการก่อสร้างโครงการดังกล่าว จะสามารถสร้างอาชีพให้กับพนักงานในท้องถิ่นกว่า 200 คน
รัฐบาลเวียดนามคาดการณ์ไว้ว่า ความต้องการการใช้พลังงานไฟฟ้าของเวียดนามในแต่ละปีมีจำนวนสูงขึ้นร้อยละ 12 ซึ่งพลังงานแสงอาทิตย์จะกลายเป็นแหล่งพลังงานใหม่ในอนาคตที่สำคัญของประเทศ โดยในเดือนเมษายน 2560 เวียดนามได้กำหนดราคาของพลังงานแสงอาทิตย์มูลค่า 9.35 เซนต์สหรัฐ/กิโลวัตต์ชั่วโมง และรัฐบาลได้กำหนดเวลาแล้วเสร็จสำหรับการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ต่างๆ เพื่อรับซื้อค่าไฟฟ้าในอัตราข้างต้นโดยบริษัท Electricity Viet Nam ภายในเดือนมิถุนายน 2562
ที่มา สำนักข่าว Vietnam Investment Review ประจำวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2561
URL: http://www.vir.com.vn/sunseap-international-enters-solar-co-operation-with-infraco-asia-56398.html
4. ผลผลิตของสินค้าเกษตรในนครโฮจิมินห์เพิ่มสูงขึ้น
ตามรายงานของสำนักงานการเกษตรและการพัฒนาชนบทนครโฮจิมินห์ระบุว่า มูลค่าเฉลี่ยของผลผลิตการเกษตรต่อ 1 เฮกตาร์ในนครโฮจิมินห์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในทุกๆ ปี แม้ว่าจะมีพื้นที่การเกษตรลดลงก็ตาม โดยในปี 2560 ผลผลิตทางการเกษตรในนครโฮจิมินห์มีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.9 หรือคิดเป็นจำนวนเงินกว่า 19,806 ดอลลาร์สหรัฐต่อเฮกตาร์ ซึ่งมีมูลค่าสูงสุดในประเทศ ส่งผลให้จำนวนโครงการเกษตรที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในนครโฮจิมินห์มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
นอกจากนี้ เกษตรกรในนครโฮจิมินห์หันมาปลูกต้นบอนไซและผักอินทรีย์ ซึ่งแต่เดิมปลูกข้าวและอ้อย ซึ่งสร้างรายได้สูงขึ้น โดยในปี 2560 มีกว่า 389 เฮกตาร์ ที่เปลี่ยนมาปลูกต้นบอนไซและผักอินทรีย์แทน โดยผักอินทรีย์สามารถสร้างรายได้ให้เกษตรกรได้กว่า 4.5 – 6.1 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ/เฮกตาร์ กล้วยไม้ 8.8 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ/เฮกตาร์ ฟาร์มเลี้ยงวัว 3.5 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ/เฮกตาร์ กุ้งมูลค่า 1.3 แสนดอลลาร์สหรัฐ/เฮกตาร์ และปลาเพื่อการประดับมูลค่า 5.2 แสนดอลลาร์สหรัฐต่อเฮกตาร์ และเกษตรกรจะได้รับกำไรประมาณร้อยละ 30-40
สำนักงานการเกษตรและการพัฒนาชนบทนครโฮจิมินห์ชี้ให้เห็นว่า ในปี 2560 นครโฮจิมินห์มีพื้นที่ปลูกผักจำนวนทั้งสิ้น 17,270 เฮกตาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.4 จากปี 2559 โดยมีผลผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.3 หรือคิดเป็นจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 419,410 ตัน นอกจากนั้น นครโฮจิมินห์ยังมีพื้นที่ประมาณ 2,300 เฮกตาร์ที่ใช้ปลูกไม้ดอกและไม้ประดับ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 มีการเลี้ยงวัวกว่า 142,653 ตัว ลดลงจากปี 2560 ร้อยละ 6.6 มีการเลี้ยงสุกรจำนวน 343,300 ตัว ลดลงร้อยละ 4.6 และมีการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและผลผลิตอาหารทะเลเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.5
ในปี 2560 นครโฮจิมินห์ส่งออกปลาเพื่อการประดับคิดเป็นมูลค่ากว่า 20 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ถึงร้อยละ 21.2
ทั้งนี้ ปัจจุบันภาคเกษตรกรรม คิดเป็นเพียงร้อยละ 0.8 ของโครงสร้างเศรษฐกิจของนครโฮจิมินห์ แต่ก็มีมูลค่าสูงถึง 85 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมป่าไม้และการประมงมีการขยายตัวถึงร้อยละ 6.3 /ปี
ในปี 2561 นครโฮจิมินห์ตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มผลผลิตเฉลี่ยของภาคเกษตรกรรมต่อเฮกตาร์เป็น 20,000 ดอลลาร์สหรัฐและขยายการทำป่าไม้และการประมงเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 ตลอดจน เร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของภาคการเกษตรโดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้เทคโนโลยีสูงรวมถึงเทคโนโลยีชีวภาพเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและมีคุณภาพ
ที่มา สำนักข่าว Vietnam Net ประจำวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2561
URL: http://english.vietnamnet.vn/fms/business/195827/hcm-city-s-farm-production-shoots-up.html
อีเมลสถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์
ติดต่อทั่วไป
แผนกเศรษฐกิจ
แผนกกงสุล (หนังสือเดินทาง, นิติกรณ์และทะเบียนราษฎร์, บัตรประชาชน, การตรวจลงตราและรับรองเอกสาร)