ข่าวเด่นวันที่ 6 - 7 มีนาคม 2561

ข่าวเด่นวันที่ 6 - 7 มีนาคม 2561

วันที่นำเข้าข้อมูล 7 มี.ค. 2561

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 30 พ.ย. 2565

| 1,023 view

ข่าวเด่นวันที่ 6-7 มีนาคม 2561

1. บริษัทเวียดนามจับมือบริษัทสหรัฐอเมริกาสร้างโรงงานไม้อัดวัสดุคอมโพสิตในจังหวัดเตี่ยนยาง

เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท Minh Hung ประเทศเวียดนาม และบริษัท GFSI-MHE Manufacturing of Texas ประเทศสหรัฐอเมริกา ร่วมลงนามในสัญญาการลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตไม้อัดจากการนำวัสดุคอมโพสิตมาใช้ใหม่

นาย Lam Dao Hung ประธานบริษัท Minh Hung กล่าวว่า โครงการดังกล่าวใช้เงินลงทุนมูลค่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในจังหวัดเตี่ยนยาง จะสร้างแล้วเสร็จและเปิดใช้งานได้ในปลายปี 2562 โดยโรงงานดังกล่าวจะดำเนินการผลิต 20 ชั่วโมงต่อวัน สามารถสร้างไม้อัดได้จำนวน 2 ตัน/ชั่วโมง ซึ่งผลิตภัณฑ์หลัก อาทิ แผ่นไม้ ขอบประตู กระเบื้อง ฝาปิดท่อระบายน้ำ ท่อระบายน้ำ และในอนาคต มีแผนจะพัฒนาให้สามารถผลิตวัสดุจำพวกเหล็กและอะลูมิเนียมได้

นาย Hung กล่าวเสริมว่า เหตุผลที่บริษัทเลือกลงทุนในจังหวัดเตี่ยนยางเพราะจังหวัดมีศักยภาพในด้านการคมนาคมขนส่งที่สามารถเชื่อมต่อกับจังหวัดอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตวัสดุคอมโพสิตเป็นจำนวนมาก ตลอดจนเป็นธุรกิจใหม่ที่ยังไม่มีใครลงทุนในเวียดนาม

ปัจจุบัน เนื่องจากปัญหาการขาดแคลนวัสดุคอมโพสิตในเวียดนาม ทำให้บริษัทฯ ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งบริษัทฯ และหุ้นส่วนกำลังดำเนินการด้านเอกสารสำหรับขอใบอนุญาตการลงทุน และดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายสิ่งแวดล้อมการของเวียดนาม

บริษัท GFSI-MHE จะใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการผลิตเพื่อ ซึ่งช่วยให้โรงงานสามารถนำวัสดุคอมโพสิตกลับมารีไซเคิลใหม่ และใช้ฉนวนใยแก้วที่สร้างจากการรีไซเคิลนำวัสดุที่ทำเครื่องบิน ใบกังหันลม เรือ และวัสดุอื่นๆ มาใช้ใหม่ ตลอดจนเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

บริษัท Minh Hung ก่อตั้งเมื่อปี 2538 ผลิตถุงขนาดใหญ่ ตาข่าย บรรจุภัณฑ์พลาสติก PET และเชือก เพื่อการค้าภายในประเทศและส่งออกไปยังต่างประเทศ บริษัท GFSI-MHE ก่อตั้งเมื่อปี 2552 สำนักงานใหญ่อยู่ที่ Highlands Campus Tech Center ใน Bothell รัฐวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นบริษัทอุตสาหกรรมการผลิตวัสดุรีไซเคิลยักษ์ใหญ่ของรัฐ

ที่มา สำนักข่าว VnExpress วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2561

URL: https://kinhdoanh.vnexpress.net/tin-tuc/doanh-nghiep/viet-nam-se-co-nha-may-tai-che-composite-lam-van-ep-3715665.html

 

2. ร้านสะดวกซื้อในบริเวณชานเมืองของนครโฮจิมินห์มีการแข่งขันสูง

ในช่วงที่ผ่านมามีร้านสะดวกซื้อจำนวนมากที่เปิดให้บริการในเขตต่าง ๆ บริเวณชานเมืองนครโฮจิมินห์ อาทิ เขต Nha Be เขต Hoc Mon และเขต Binh Tan และเร็ว ๆ นี้ บริษัท Mobile World Investment (MWG) หรือเป็นที่รู้จักในชื่อร้านขายอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ The Gioi Di Dong ได้เปิดร้านสะดวกซื้อ Bach Hoa Xanh บนถนน Dao Tong Nguyen และอีกแห่งหนึ่งบนถนน Huynh Tan Phat ในเขต Nha Be โดยทั้งสองร้านจะเปิดให้บริการทุกวัน เวลา 06.30 น. - 21.30 น.

นอกจากนั้น บริษัท Saigon Co.op ก็ได้เปิดร้านสะดวกซื้อ Co.op 2 แห่ง รวมถึง บริษัท Saigon Trading ก็ได้เปิดร้านสะดวกซื้อ Satra 1 แห่งบนถนน Nguyen Binh ในอำเภอ Nha Be เช่นเดียวกัน แสดงให้เห็นถึงการเติบโตของตลาดผู้บริโภคในเขตชานเมืองที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

การเพิ่มจำนวนของร้านสะดวกซื้อในบริเวณชานเมืองของนครโฮจิมินห์เป็นการกระตุ้นพฤติกรรมในการจับจ่ายของผู้บริโภครุ่นใหม่เปลี่ยนไป โดยผู้บริโภคหันมาซื้อสินค้าในร้านค้าที่ทันสมัย แทนช่องทางการตลาดแบบดั้งเดิม

บริษัท The Gioi Di Dong ได้เปิดร้านสะดวกซื้อ Bach Hoa Xanh สาขาแรกในเขต Binh Tan นครโฮจิมินห์ โดยปัจจุบัน ร้านสะดวกซื้อ Bach Hoa Xanh มีจำนวนสาขา 323 แห่ง ทั่วนครโฮจิมินห์ ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในบริเวณชานเมือง ในขณะเดียวกัน บริษัท Saigon Co.op และบริษัท Satra ก็มีร้านสะดวกซื้อในพื้นที่ห่างไกลเป็นจำนวนมากเช่นกัน

คาดการณ์ว่า จำนวนร้านสะดวกซื้อในบริเวณชานเมืองจะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีนี้ เนื่องจากผู้ค้าปลีกกำลังขยายกิจการเพื่อสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง โดยตัวแทนของ Bach Hoa Xanh กล่าวว่า ในปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะขยายสาขาร้านสะดวกซื้อให้ถึง 1,000 สาขา ในนครโฮจิมินห์ และนาย Nguyen Anh Duc รองผู้อำนวยการของ Saigon Co.op กล่าวว่า ในปัจจุบันมีร้านสะดวกซื้อ Co.op กว่า 180 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งทางบริษัทต้องการที่จะขยายสาขาใหม่จำนวน 20-30 สาขา/ปี

ที่มา หนังสือพิมพ์ The Saigon Times Daily วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2561 หน้า 2

 

3. ห้างสรรพสินค้า Parkson สาขา Flemington ในนครโฮจิมินห์ปิดกิจการ

บริษัท Thuy Duong ผู้จัดการเครือข่ายห้างสรรพสินค้า Parkson ห้างสรรพสินค้าชื่อดังของประเทศมาเลเซีย  ที่ดำเนินกิจการในเวียดนามได้ประกาศปิดกิจการห้างสรรพสินค้า Parkson สาขา Flemington เขต 11 นครโฮจิมินห์ ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2561 หลังจากเปิดกิจการมาได้ 8 ปี ซึ่งนับเป็นห้างสรรพสินค้า Parkson สาขาที่ 4 ที่ปิดตัวลงในประเทศเวียดนามในช่วง 3 ปี ทำให้ปัจจุบัน เครือข่ายห้างสรรพสินค้า Parkson ในประเทศเวียดนามเหลือเพียงแค่ 6 แห่ง ซึ่งอยู่ในนครโฮจิมินห์ 4 แห่ง ได้แก่ สาขาเขต 1 เขต 2 เขต 5 และสาขาเขต Tan Binh

ตัวแทนของบริษัท Thuy Duong กล่าวว่า ห้างสรรพสินค้า Parkson สาขาอื่นๆ ในประเทศจะยังคงเปิดให้บริการเป็นปกติ และเชื่อมันว่า บริษัทจะสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาได้อีกครั้งเหมือนในช่วงรุ่งเรืองระหว่างปี 2548 – 2553

จากรายงานของบริษัท Parkson Retail Asia บริษัทแม่ของเครือข่ายห้างสรรพสินค้า Parkson ในเวียดนาม ประกาศว่า ในปี 2560 กิจการห้างสรรพสินค้า Parkson ในเวียดนามมีรายได้กว่า 500 พันล้านด่ง (ประมาณ 220 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) แต่กลับขาดทุนกว่า 60 พันล้านด่ง (26 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)

ปัจจุบัน แม้ว่า ตลาดค้าปลีกของเวียดนามจะได้รับการยอมรับว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แต่กิจการของบริษัท Parkson ก็ไม่สามารถแข่งขันกับผู้ค้ารายอื่นในประเทศได้ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าปลีกภายในประเทศวิเคราะห์ถึงสาเหตุสำคัญ ได้แก่ (1) การแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้นของนักลงทุนรายอื่นภายในประเทศ อาทิ Vincom, AEON Mall และ Takashimaya โดยที่เห็นได้ชัดคือการเปิดตัวห้างสรรพสินค้า Vincom สาขา Dong Khoi ในนครโฮจิมินห์ ที่ทำให้ห้างสรรพสินค้า Parkson ที่อยู่ตรงกันข้ามมีจำนวนผู้ใช้บริการลดลงอย่างมาก (2) การปรับตัวไม่ทันต่อกระแสผู้ใช้บริการรุ่นใหม่ เช่น การขายสินค้าที่มีราคาแพงเกินไป ไม่มีศูนย์อาหารและบริเวณให้เด็กเล่น (3) การโฆษณาและประชาสัมพันธ์สินค้า รวมถึงนโยบายทางการตลาดที่ไร้ประสิทธิภาพ และ (4) มีแพล็ทฟอร์มการค้าออนไลน์เกิดขึ้นจำนวนมาก

อย่างไรก็ดี บริษัท AT Kearney บริษัทผู้วิเคราะห์สภาพการตลาดชื่อดังของโลก ชี้ว่า ในปี 2561 ตลาดการค้าปลีกเวียดนามยังคงมีศักยภาพในการพัฒนาอีกมาก โดยเฉพาะในนครโฮจิมินห์ ซึ่งมีอัตราพื้นที่ค้าปลีกต่อจำนวนประชากรอยู่เพียง 0.12 ตารางเมตร/คน ต่ำกว่ากรุงเทพ กรุงกัวลาลัมเปอร์ และสิงคโปร์ และบริษัท Savills วิเคราะห์ว่า ตลาดค้าปลีกเวียดนามในปี 2561 เป็นตลาดที่น่าสนใจลงทุนมากที่สุดลำดับที่ 6 ของโลก

ที่มา หนังสือพิมพ์ Tuoi Tre วันที่ 1 มีนาคม 2561

URL: https://tuoitre.vn/ban-le-viet-tang-truong-sao-parkson-lai-dong-cua-20180301155620657.htm

 

4. กลุ่มบริษัท Minh Hung Group ร่วมมือกับหุ้นส่วนสัญชาติสหรัฐอเมริกาและแคนาดา พัฒนาโรงงานผลิตและแปรรูปอาหารในจังหวัดลองอาน

เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561 กลุ่มบริษัท MHE Environ Group ของแคนาดา บริษัท Avure Technologies ของสหรัฐอเมริกา และกลุ่มบริษัท Minh Hung Group เวียดนาม ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วมกัน (MOU) ในการสร้างโรงงานผลิตและแปรรูปอาหาร ใช้พื้นที่กว่า 15 เฮกตาร์ บริเวณอำเภอ Ben Luc จังหวัดลองอาน ซึ่งคาดว่าจะใช้ทุนในการดำเนินโครงการกว่า 22 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยจะเริ่มสร้างในเดือนกันยายน 2561

โรงงานดังกล่าวจะสามารถผลิตและแปรรูปอาหารประจำชาติของเวียดนาม อาทิ เฝอ และบุ๋น บ่อ เว้ (ก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัว) โดยโรงงานจะใช้เทคโนโลยีการผลิตความดันสูง (High Pressure Processing : HPP) เพื่อรักษารสชาติและคุณค่าทางโภชนาการของอาหาร โดยไม่ใช้สารกันบูดหรือสารเคมีในกระบวนการผลิต

นาย Tom Woodward รองประธานฝ่ายขายของบริษัท Avure Technologies กล่าวว่า HPP เป็นเทคนิคการฆ่าเชื้อด้วยความเย็น โดยกระบวนการนี้จะทำหลังจากบรรจุสินค้าลงในบรรจุภัณฑ์แล้ว ซึ่งภายใต้ MOU ฉบับนี้ บริษัท Avure Technologies จะเป็นผู้มอบเทคโนโลยีและเครื่องมือในการดำเนินงาน ส่วนกลุ่มบริษัท Environ Group จะสนับสนุนในเรื่องของเงินทุน และใช้ประสบการณ์ในการดำเนินงานและการค้า โดยทางโรงงานจะใช้วัตถุดิบที่ใช้ในกระบวนการผลิตที่มีในประเทศเวียดนามในการผลิตและการแปรรูปผลิตภัณฑ์ต่างๆ

ที่มา หนังสือพิมพ์ The Saigon Times Daily วันที่ 1 มีนาคม 2561 หน้า 2