วันที่นำเข้าข้อมูล 15 มี.ค. 2561
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 29 พ.ย. 2565
ข่าวเด่นวันที่ 14-15 มีนาคม 2561
1. นครโฮจิมินห์เตรียมชำระเงินล่วงหน้าสำหรับโครงการพัฒนารถไฟฟ้าใต้ดินอีกครั้ง
สำนักงานการจัดการรถไฟฟ้านครโฮจิมินห์ ร้องขอให้คณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์พิจารณาชำระเงินล่วงหน้าอีกครั้ง มูลค่ากว่า 44 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้แก่ผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการพัฒนารถไฟฟ้านครโฮจิมินห์ สายที่ 1 เนื่องจากยังไม่ได้รับเงินสนับสนุนจากกระทรวงการวางแผนและการลงทุน โดยปัจจุบัน การก่อสร้างแล้วเสร็จกว่าร้อยละ 50
กระทรวงแผนงานและการลงทุน เปิดเผยว่า รัฐสภาแห่งชาติยังไม่ได้อนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมสำหรับโครงการรถไฟฟ้าที่เชื่อมระหว่างตลาด Ben Thanh ในเขต 1 และ Suoi Tien Park ในเขต 9 ซึ่งยังไม่ได้รับการจัดสรรจึงทำให้กระทรวงฯ ไม่มีงบประมาณเพียงพอและไม่สามารถยืมเงินช่วยเหลือจากกองทุนกู้ยืมเงินเพื่อการพัฒนาอย่างเป็นทางการ (Official Development Assistance: ODA) เนื่องจากกฎหมายเกี่ยวกับการลงทุนในโครงการสาธารณะกำหนดการใช้งบประมาณมากกว่า 4.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ต้องรอการอนุมัติจากรัฐสภาแห่งชาติเท่านั้น
เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและตัวแทนจากนครโฮจิมินห์ ได้เข้าร่วมการประชุมเพื่อหารือเกี่ยวกับขั้นตอนในการลงทุนโครงการพัฒนารถไฟฟ้าใต้ดิน โดยในช่วงเริ่มโครงการปี 2550 นครโฮจิมินห์จะใช้งบลงทุนในการพัฒนารถไฟฟ้าใต้ดินเพียง 7.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (เริ่มอนุมัติโครงการในปี 2550) อย่างไรก็ดีในปี 2554 โครงการดังกล่าวกลับมีงบประมาณสูงขึ้นถึง 20 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากการเปลี่ยนผู้ทำสัญญาและการขยายโครงการก่อสร้าง
นาย Nguyen Van The รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เรียกร้องให้ผู้ดำเนินโครงการส่งรายงานความคืบหน้าการดำเนินโครงการให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาภายในเดือนมีนาคม 2561 และจะส่งต่อไปให้รัฐสภาพิจารณาเพื่อของบประมาณเพิ่มเติมในเดือนพฤษภาคม
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาคณะกรรมการประชาชน นครโฮจิมินห์ได้ชำระเงินล่วงหน้าไปแล้วเป็นจำนวน 2 ครั้ง ให้กับผู้รับเหมาโครงการพัฒนารถไฟฟ้าใต้ดินชาวญี่ปุ่น โดยครั้งแรกมูลค่า 219 ล้านดอลลาร์สหรัฐและครั้งที่ 2 มูลค่ากว่า 746 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ที่มา : สำนักข่าว Bizlive วันที่ 10 มีนาคม 2561
URL: http://bizlive.vn/du-an/metro-sai-gon-bao-gio-thoat-canh-an-dong-3439028.html
2. นครโฮจิมินห์มี Service Apartment ขนาดย่อมมากเกินความต้องการ
บริษัท Savills สาขาประเทศเวียดนาม บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของโลกรายงานว่า ปัจจุบัน นครโฮจิมินห์มีอสังหาริมทรัพย์ประเภท Service Apartment ขนาดเล็กที่มีห้องนอนจำนวน 1 – 2 ห้องมากเกินความต้องการ แต่กำลังขาดแคลนประเภท 3 ห้องนอน
ปัจจุบัน ผู้ที่เช่า Service Apartment ประเภท 3 ห้องนอนขึ้นไปต้องเสียค่าเช่าขั้นต่ำเดือนละ 3,300 ดอลลาร์สหรัฐ (ยังไม่รวมภาษี) ในขณะที่ ผู้เช่า Service Apartment ประเภท 1 – 2 ห้องนอนจะต้องเสียค่าเช่ากว่าเดือนละ 900 – 2,700 ดอลลาร์สหรัฐ ขึ้นอยู่กับขนาดและที่ตั้ง โดยอสังหาริมทรัพย์ประเภทดังกล่าว ได้รับความนิยมมากในเขต 1 เขต 3 และเขต Phu Nhuan ใกล้ใจกลางนครโฮจิมินห์ และกลุ่มลูกค้าได้แก่ชาวต่างชาติที่ทำงานและอาศัยอยู่ในนครซึ่งมีจำนวนหลายหมื่นคน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต
นาย Duong Hoang Bao รองผู้อำนวยการแผนกอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าของบริษัท Savills สาขาเวียดนาม ประเมิณว่า ความต้องการเช่า Service Apartment มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อันเนื่องมาจากการบูรณาการทางการค้ากับต่างประเทศ และความเข้มแข็งของเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยปัจจุบัน Service Apartment ที่มีแนวโน้มประสบความสำเร็จและมีผู้เช่าอยู่ตลอดมักจะอยู่ในจุดที่สามารถเชื่อมต่อกับเขตต่างๆ ของนคร รวมถึงมีสิ่งอำนวยความสะดวกและโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคม และสาธารณูประโภคอย่างครบคัน อาทิ เขต 1 เขต 3 เขต 7 และเขต Phu Nhuan
นาย Bao คาดการณ์ว่า จากความสำเร็จทางด้านการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาหลายปีนี้ ส่งผลให้เวียดนามกำลังก้าวขึ้นมาเป็นมหานครที่สำคัญสำหรับชาวต่างชาติ และจะมีโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทต่างๆ เพื่อมารองรับความต้องการที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี ปัจจุบัน Service Apartment ในนครโฮจิมินห์กำลังเผชิญหน้ากับคู่แข่งใหม่ ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ประเภท Officetel ที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากสามารถปรับใช้งานได้หลายรูปแบบ
ที่มา สำนักข่าว VnExpress วันที่ 12 มีนาคม 2561
3. ผลไม้ในภาคใต้ของเวียดนามที่ส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาจำเป็นต้องได้รับการควบคุมคุณภาพ
นาย Le Van Thiet รองอธิบดีกรมการรักษาพันธุ์พืชผัก กระทรวงการเกษตรและการพัฒนาชนบท กล่าวในการประชุมที่นครเกิ่นเทอ ว่า ในช่วงที่ผ่านมา การส่งออกผลไม้ในภาคใต้ของเวียดนามไปยังสหรัฐอเมริกามีแน้วโน้มสดใสขึ้น โดยในช่วงปลายเดือนธันวาคม 2560 มะเฟืองล็อตแรกจำนวนกว่า 230 ตัน สามารถส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาได้แล้ว และผลไม้ที่มีชื่อเสียงชนิดอื่นๆ ของเวียดนาม อาทิ แก้วมังกร ลองกอง มะม่วง และลิ่นจี่ ต่างถูกส่งออกไปยัง ไต้หวัน ญี่ปุ่น ชิลี นิวซีแลนด์ และสหรัฐอเมริกา เช่นกัน อย่างไรก็ดี ผู้ส่งออกควรจะรักษาไว้ซึ่งคุณภาพของผลไม้ เพื่อเพิ่มยอดการส่งออกในอนาคต เนื่องจากได้รับคำเตือนถึงคุณภาพที่ด้อยลงจากภาครัฐของประเทศสหรัฐอเมริกา
นาย Nguyen Dinh Tung ผู้อำนวยการบริษัท Vina T&T กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมามะเฟืองที่ส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี โดยในบางพื้นที่ ผู้บริโภคชาวสหรัฐอเมริกายินดีที่จะจ่ายเงินกว่า 100 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อซื้อมะเฟืองครึ่งกิโลกรัม อย่างไรก็ดี มะเฟืองบางส่วนที่ส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกากลับมีคุณภาพไม่ดีและมีรอยช้ำ และอาจจะส่งผลให้การส่งออกมะเฟืองไปยังสหรัฐอเมริกายากขึ้นในอนาคต
นาย Ngo Tuong Vy รองผู้อำนวยการบริษัท Chanh Thu Fruit Import and Export ในจังหวัดเบ๊นแจ กล่าวว่า มีหุ้นส่วนต่างประเทศหลายรายต้องการสั่งซื้อมะเฟือง เพื่อไปขายในต่างประเทศ แต่บริษัทตนต้องปฏิเสธคำสั่งซื้อเป็นจำนวนมาก เนื่องจากไม่มั่นใจในด้านคุณภาพของสินค้าที่จะส่งออกไปขาย ซึ่งอาจจะส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของบริษัทได้
กระทรวงการเกษตรและการพัฒนาชนบทคาดการณ์ว่า ผักผลไม้ที่ส่งออกไปยังต่างประเทศจะมีมูลค่ากว่า 321 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2561 เพิ่มขึ้นร้อยละ 36.9 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า
ที่มา หนังสือพิมพ์ The Saigon Times Daily วันที่ 8 มีนาคม 2561 หน้า 2
อีเมลสถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์
ติดต่อทั่วไป
แผนกเศรษฐกิจ
แผนกกงสุล (หนังสือเดินทาง, นิติกรณ์และทะเบียนราษฎร์, บัตรประชาชน, การตรวจลงตราและรับรองเอกสาร)