วันที่นำเข้าข้อมูล 21 มี.ค. 2561
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 30 พ.ย. 2565
ข่าวเด่นวันที่ 20-21 มีนาคม 2561
1. เหตุผล 6 ประการที่ทำให้ราคาที่ดินในจังหวัดรอบนครโฮจิมินห์มีราคาสูงขึ้น
นาย Nguyen Mac Hoai Nam ผู้อำนวยการสูงสุดบริษัท Nam Phat Land บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังของเวียดนาม กล่าวว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ที่ดินบริเวณจังหวัดรอบนครโฮจิมินห์มีราคาสูงขึ้นกว่าเท่าตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่ดินและคอนโดมิเนียมในจังหวัดลองอาน จังหวัดด่งนาย และจังหวัดบิ่นห์เยือง โดยมี 6 เหตุผลด้วยกัน ได้แก่
นับตั้งแต่ต้นปี 2560 จนถึงปัจจุบัน ราคาที่ดินในจังหวัดด่งนาย จังหวัดลองอาน และจังหวัดบิ่นห์เยืองเริ่มปรับราคาสูงขึ้นอย่างมาก แต่ยังคงน้อยกว่าราคาที่ดินในนครโฮจิมินห์ประมาณ 3 – 5 เท่า และยังมีพื้นที่ที่ว่างอีกมาก
เมื่อเทียบกับการลงทุนประเภทอื่นๆ อาทิ การฝากเงิน การซื้อทอง การซื้อสินเชื่อ และการซื้อหุ้นแล้ว การลงทุนซื้อที่ดินถือเป็นการลงทุนที่ปลอดภัยและมีโอกาสที่ราคาที่ดินจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ในระยะยาว โดยการซื้อที่ดินในจังหวัดรอบนครโฮจิมินห์ไม่จำเป็นต้องมีเงินทุนมหาศาล
ในช่วงที่ผ่านมา จังหวัดบริเวณรอบนครโฮจิมินห์มีการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกและโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ ถนน สะพาน และทางด่วน เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากการขยายตัวของนคร และนโยบายการพัฒนาเมืองใหม่ในจังหวัดต่างๆ โดยรอบ นอกจากนั้น โครงการรถไฟฟ้าที่กำลังสร้างอยู่ในปัจจุบันก็มีแผนการขยายไปเชื่อมต่อกับจังหวัดบิ่นห์เยือง และจังหวัดด่งนาย ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนสามารถซื้อที่ดินมาเก็งกำไรได้ในอนาคต
ผู้ที่อาศัยอยู่ในบริเวณจังหวัดรอบนอกนครโฮจิมินห์สามารถเดินทางเข้านครโฮจิมินห์หรือไปยังจังหวัดอื่นๆ ได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเดินทางไป-มา ภายในนิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดโดยรอบ และไม่ต้องเผชิญกับสภาพการจราจรติดขัดภายในนครโฮจิมินห์
จังหวัดด่งนาย จังหวัดลองอาน และจังหวัดบิ่นห์เยืองต่างเป็น 3 จังหวัดที่มีการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมอย่างก้าวหน้าและมีแรงงานอยู่เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ที่ดินในบริเวณนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ต่างมีศักยภาพในการลงทุน อาทิ อำเภอ Di An จังหวัดบิ่นห์เยือง อำเภอ Long Hau จังหวัดลองอาน และอำเภอ Bien Hoa และ Nhon Trach จังหวัดด่งนาย
ที่ดินในบริเวณจังหวัดรอบนอกนครโฮจิมินห์เป็นหนึ่งในบริเวณที่มีผู้สนใจซื้อ-ขาย ที่ดินตลอดเวลา และมีสภาพคล่องสูง
ที่มา สำนักข่าว VnExpress วันที่ 14 มีนาคม 2561
2. บริษัทรัฐวิสาหกิจ Protrade Corporation จังหวัดบิ่นห์เยืองเตรียมขายหุ้น IPO
ตัวแทนบริษัท Protrade Corporation บริษัทรัฐวิสาหกิจที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ในจังหวัดบิ่นห์เยืองกล่าวว่า บริษัทฯ เตรียมขายหุ้น IPO ในวันที่ 28 มีนาคม 2561 ณ ตลาดหุ้นนครโฮจิมินห์ (Ho Chi Minh Exchange Stock : HOSE) ตามหลังบริษัทรัฐวิสาหกิจที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 1 ในจังหวัดบิ่นห์เยืองอย่างบริษัท Becamex ที่ได้ขายหุ้น IPO เมื่อปลายปี 2560
ตัวแทนบริษัทฯ กล่าวเสริมว่า รัฐบาลมีแผนลดสัดส่วนการถือครองหุ้นให้เหลือต่ำกว่าร้อยละ 50 หรือประมาณน้อยกว่า 150 ล้านหุ้น โดยจะขายให้พนักงานบริษัท 272,600 หุ้น (ร้อยละ 0.9) ขายให้หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ 119.7 ล้านหุ้น (ร้อยละ 39.91) และขายหุ้น IPO 30 ล้านหุ้น (ร้อยละ 10) ซึ่งปัจจุบัน บริษัท SACOM บริษัท Da utu U&I และบริษัท TNHH Phat triend ได้ลงทะเบียนซื้อหุ้นแล้วด้วยราคา 12,000 ด่ง/หุ้น
บริษัทฯ ก่อตั้งในปี 2525 มีบริษัทในเครือ 22 บริษัท พนักงานรวมกันกว่า 10,000 คน และมีการลงทุนอยู่ในหลายๆ โครงการที่สำคัญ อาทิ โครงการสนามกอล์ฟ Palm Song Be โรงพยาบาล Hanh Phuc โรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ในจังหวัดบิ่นห์เยือง หุ้นร้อยละ 30 ในบริษัท FrieslandCampina Viet Nam (บริษัทที่ร่วมลงทุนในโครงการผลิตผลิตภัณฑ์นมยี่ห้อ Ducth Lady) และนิคมอุตสาหกรรม Protrade International Tech Park พื้นที่กว่า 500 เฮกตาร์
ในปี 2560 บริษัทฯ มีรายได้ทั้งสิ้น 2,222 พันล้านด่ง (ประมาณ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.8 เมื่อเทียบกับปี 2559 และมีกำไรหลังจากหักภาษีกว่า 115 พันล้านด่ง (5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.4 สูงที่สุดในรอบ 4 ปี
ที่มา สำนักข่าว VnExpress วันที่ 15 มีนาคม 2561
3. องค์กร CHANGE เรียกร้องให้ธนาคาร DBS สัญชาติสิงคโปร์ หยุดให้การสนับสนุนด้านเงินทุนในโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในเวียดนาม
องค์กร CHANGE องค์กรที่สนับสนุนด้านการรักษาสิ่งแวดล้อม มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่นครโฮจิมินห์ และสาขาในนครเกิ่นเทอได้เรียกร้องให้ธนาคาร DBS ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของสิงคโปร์หยุดให้การสนับสนุนเงินทุนเพื่อโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินในประเทศเวียดนาม เนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่ร้ายแรงต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
ตัวแทนองค์กรฯ กล่าวว่า องค์กรฯ ได้ยื่นหนังสือถึงนาย Peter Seah Lim Huat กรรมการบริษัทธนาคาร DBS และ นาย Pyush Gupta ผู้บริหารสูงสุดของธนาคาร DBS ซึ่งกำลังพิจารณาสนับสนุนเงินลงทุนในโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในเวียดนามหลายๆ โครงการ อาทิ โครงการพัฒนาโรงไฟฟ้าถ่านหิน Vinh Tan ในจังหวัดบิ่นห์ถ่วน ซึ่งอาจก่อให้เกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมอย่างร้ายแรงและส่งผลต่อสุขภาพของประชาชนกว่าหนึ่งล้านคนในจังหวัด อาทิ เป็นสาเหตุของโรคหัวใจ โรคระบบทางเดินหายใจ โรคทางด้านจิตใจ โรคมะเร็งปอด และโรคหลอดเลือดในสมอง ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากมลพิษทางอากาศทั้งสิ้น
นอกจากนี้ การก่อสร้างโรงงานไฟฟ้าถ่านหิน Vinh Tan ยังอาจส่งผลกระทบต่อการประกอบอาชีพของคนในจังหวัดดังกล่าว อาทิ การทำฟาร์มปศุสัตว์ และการแปรรูปอาหารอาหารทะเล โดยจากการศึกษาของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ชี้ว่า มลพิษจากถ่านหินในประเทศเวียดนามจะทำให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 19,220 ราย ในปี 2573
ทั้งนี้ องค์กร ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ธนาคาร DBS ได้ประกาศยุติการสนับสนุนด้านเงินทุนในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่ยังคงสนับสนุนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่ายหินในประเทศที่กำลังพัฒนา และจากรายงานด้านโรงไฟฟ้าถ่านหินในประเทศเวียดนามของศูนย์ Green Innovation and Development Center (Green ID) ยังชี้ให้เห็นว่า ปัจจุบัน เวียดนามมีโรงไฟฟ้าถ่านหินที่สามารถผลิตไฟฟ้ารวมกันได้กว่า 13,000 MW มูลค่าการลงทุนรวม 39.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งในจำนวนนั้น แบ่งเป็นเงินลงทุนจากต่างชาติหรือการกู้เงินจากธนาคารต่างชาติกว่า 21 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นร้อยละ 52 เงินลงทุนจากนักลงทุนภายในชาติและธนาคารภายในประเทศร้อยละ 17 และอื่นๆ ร้อยละ 31
นาย Le Anh Tuan รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของมหาวิทยาลัยนครเกิ่นเทอ กล่าวว่า ชาวเวียดนามควรร่วมกันยุติการทำธุรกรรมทางการเงินกับธนาคารต่างๆ ที่ให้การสนับสนุนโรงไฟฟ้าถ่านหินภายในประเทศ เพื่อแสดงออกถึงการคัดค้านการพัฒนาโรงไฟฟ้าถ่านหินในประเทศ
ที่มา หนังสือพิมพ์ The Saigon Times Daily วันที่ 16 มีนาคม 2561 หน้า 2
4. บริษัท Bosch จะเพิ่มกำลังการผลิต CVT Pushbelts ในจังหวัดด่งนาย
ตัวแทนของบริษัท Bosch ได้เปิดเผยว่า บริษัทฯ จะเพิ่มกำลังการผลิตของโรงงาน Bosch Powertrain Solution ในจังหวัดด่งนาย ซึ่งเป็นโรงงานที่ผลิต Continuously Variable Transmission (CVT) Pushbelts (อุปกรณ์สายพานในระบบเกียร์อัตโนมัติ) ได้มากที่สุดในประเทศเวียดนาม และยังเป็นโรงงานแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ทำการผลิต CTV Pushbelts อีกด้วย โดยในเดือนนี้ โรงงานสามารถผลิต CVT Pushbelts ให้กับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและอเมริกาเหนือได้ถึง 25 ล้านชิ้น รวมถึงสามารถผลิตสินค้าที่ได้รับมาตรฐานสากลด้านคุณภาพการผลิตของบริษัทได้ถึง 18 ประเภท
นาย Rolf Bulander สมาชิกของคณะกรรมการบริหารของบริษัทและหัวหน้าฝ่าย Mobility Solutions ของ Bosch กล่าวว่า บริษัทฯ ได้เพิ่มกำลังการผลิตของโรงงานแห่งนี้มาเรื่อยๆ ในช่วงระยะเวลา 10 ปี ที่เปิดทำการมา โดยในช่วงปลายปีที่แล้วบริษัทได้ลงทุนกว่า 67 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตและปรับปรุงโรงงานให้เป็น Smart Factory และภายในปีนี้บริษัทจะทุ่มเงินลงทุนทั้งหมดกว่า 372 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในการยกระดับโรงงานแห่งนี้ และวางแผนจะใช้เวียดนามเป็นฐานการผลิตในระยะยาว และในขณะเดียวกัน บริษัทมีเครือข่ายผู้ผลิตอุปกรณ์กว่า 1,900 โรงงานทั่วประเทศเวียดนาม
นาย Dinh Quoc Thai ประธานคณะกรรมการประชาชนจังหวัดด่งนาย กล่าวว่า บริษัท Bosch Vietnam ได้ลงทุนในประเทศเวียดนามกว่า 10 ปี และเป็นผู้ผลิต CVT Pushbelts ที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม ตลอดจนเป็นหนึ่งในสี่ภาคอุตสาหกรรม Hi-tech ที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดอีกด้วย โดยบริษัทไม่เพียงแต่มุ่งเน้นไปที่การทำธุรกิจเท่านั้น แต่ยังได้ถ่ายทอดทักษะความรู้ด้านเทคโนโลยีสมัยใหม่ และทักษะด้านการจัดการ ให้แก่พนักงานชาวเวียดนามด้วย
ที่มาหนังสือพิมพ์ The Saigon Times Daily วันที่ 16 มีนาคม 2561 หน้า 2
อีเมลสถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์
ติดต่อทั่วไป
แผนกเศรษฐกิจ
แผนกกงสุล (หนังสือเดินทาง, นิติกรณ์และทะเบียนราษฎร์, บัตรประชาชน, การตรวจลงตราและรับรองเอกสาร)