ข่าวเด่นวันที่ 26 -27 เมษายน 2561

ข่าวเด่นวันที่ 26 -27 เมษายน 2561

วันที่นำเข้าข้อมูล 26 เม.ย. 2561

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 30 พ.ย. 2565

| 1,061 view

ข่าวเด่นวันที่ 26 - 27 เมษายน 2561

1. นักลงทุนญี่ปุ่นเร่งลงทุนในภาคใต้ของเวียดนาม

เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2561 บริษัท Nam Long ได้ลงนามความร่วมมือกับบริษัท HanKyu Hanshin Properties Corp และบริษัท Nishi Nippon Railroad สัญชาติญี่ปุ่นในการก่อสร้างและพัฒนาโครงการ Akari City มูลค่าการลงทุนประมาณ 341 ล้านดอลลาร์สหรัฐบนถนน Vo Van Kiet บริเวณเขต Binh Tan ในนครโฮจิมินห์ ซึ่งโครงการดังกล่าวมีพื้นที่ 539,000 ตารางเมตรและมีพื้นที่พักอาศัยรูปแบบอพาร์ทเม้นท์ 4,600 ห้อง นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ได้แก่ สระว่ายน้ำ สนามเด็กเล่น และสถานที่ออกกำลังกาย โดยจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไตรมาสที่ 3 ของปี 2561

นาย Steven Chu Chee Kwang ผู้บริหารบริษัท Nam Long Investment กล่าวว่า โครงการ Akari City จะเป็นมากกว่าพื้นที่ที่พักอาศัย โดยจะเรียกโครงการนี้ว่า “พื้นที่อสังหาริมทรัพย์สมัยใหม่” ที่ใช้ระบบ Real Estate System โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครัน อาทิ พื้นที่อสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ โรงเรียน โรงพยาบาล สถานบริการ สถานบันเทิง และห้องอเนกประสงค์

นาย Kazumasa Ohchi ตัวแทนจากบริษัท Hankyu Hanshin Properties กล่าวว่า บริษัทเห็นศักยภาพของและเชื่อมั่นในการลงทุนร่วมกันกับบริษัท Nam Long โดยได้พัฒนาโครงการร่วมกันแล้วกว่า 5 โครงการ และทั้งสองบริษัทมีแผนจะพัฒนาอีกหลายโครงการร่วมกัน

บริษัท CBRE Vietnam ในไตรมาสแรกของปี 2561 นครโฮจิมินห์มีจำนวนห้องพักประเภทคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้น 9,500 ห้อง เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้นร้อยละ 79 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และบริษัทฯ คาดว่า นักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ประเภทห้องพักขนาดกลางและขนาดเล็กมีโอกาสในการประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2561 ในโอกาสครบรอบการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศญี่ปุ่นและประเทศเวียดนามปีที่ 45 สถานเอกอัคราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศเวียดนาม ได้ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐของจังหวัดต่างๆ ในบริเวณภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง จัดการประชุม “Meeting with Japan in Mekong River Delta” ณ นครเกิ่นเทอ

มีการจัดประชุมระหว่างตัวแทนจาก 13 จังหวัดในภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงและกลุ่มบริษัทจำนวน 120 บริษัท ในงานฉลองครบรอบ 45 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศญี่ปุ่นและประเทศเวียดนาม ซึ่งจัดขึ้นที่นครเกิ่นเทอ โดยการประชุมดังกล่าวดึงดูดนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก และถือเป็นก้าวแรกของนักลงทุนชาวญี่ปุ่นในการเริ่มทำธุรกิจกับเวียดนาม อีกทั้งเป็นการมองหาโอกาสในการลงทุนในภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง

นาย Bui Thanh Son รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เวียดนามกล่าวว่า เวียดนามและญี่ปุ่นมีสถานะเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ร่วมกันนับตั้งแต่ปี 2557 และปัจจุบัน ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ให้เงินช่วยเหลือด้านการพัฒนาประเทศแก่เวียดนามเป็นอันดับที่ 1 (คิดเป็นกว่าร้อยละ 30) เป็นประเทศที่ลงทุนมากที่สุดในเวียดนามเป็นลำดับที่ 2 เป็นประเทศที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางมายังเวียดนามเป็นลำดับที่ 3 และเป็นประเทศที่มีมูลค่าการค้ากับเวียดนามมากที่สุดเป็นลำดับที่

นาย Vo Thanh Thong ประธานคณะกรรมการประชาชน นครเกิ่นเทอ กล่าวว่า ในช่วงปีที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติ รวมถึงนักลงทุนชาวญี่ปุ่น ต่างเข้ามาลงทุนในนครเกิ่นเทอและจังหวัดต่างๆ ในบริเวณภูมิภาคสามเหลี่ยมแม่น้ำโขงเป็นจำนวนมาก ซึ่งภูมิภาคดังกล่าวจะให้ความช่วยเหลือนักลงทุนชาวญี่ปุ่นอย่างเต็มที่

ที่มา นิตยสาร Nhip Cau Dau Tu วันที่ 21 เมษายน 2561

URL: http://nhipcaudautu.vn/bat-dong-san/nam-long-hop-tac-voi-doi-tac-nhat-phat-trien-du-an-akari-341-trieu-usd-3323673/

 

2. ระบบนิเวศสำคัญต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนในบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง

นาย Nguyen Huu Thien ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบนิเวศ กล่าวว่า ภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงและพื้นที่รอบๆ จำเป็นที่จะต้องฟูมฟักรักษาระบบนิเวศ เนื่องจากเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยปรับวิสัยทัศน์ของสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงที่มีความทันสมัยและยั่งยืนให้เข้ากับสภาพภูมิอากาศ ภูมิประเทศ วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์

ปัจจุบัน ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมอื่นๆ ได้ส่งผลต่อคุณภาพทรัพยากรดินและน้ำ อาทิ การถล่มของหน้าดินป่าชายเลน การทิ้งขยะที่เป็นอันตรายต่อปะการัง ส่งผลในเชิงลบต่อการท่องเที่ยวทางน้ำเพราะนอกจากการทำเกษตรกรรมและการประมงแล้ว ภาคการท่องเที่ยวสามารถเพิ่มรายได้ให้กับชุมชน ซึ่งสามารถบรรเทาทรัพยากรดินและน้ำที่มีความเสื่อมโทรมได้ จึงควรส่งเสริมการพัฒนาภาคการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เพื่อความมั่นคงและการพัฒนาที่ยั่งยืนของสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง

เมื่อไม่นานมานี้ รัฐบาลเวียดนามจึงได้ออกมติที่ 120 เกี่ยวกับการพัฒนาที่ยั่งยืนของแม่น้ำโขงซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญสำหรับภาคการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน

นาย Christopher Lewis Malone กรรมการผู้จัดการบริษัท Boston Consulting Group ในเวียดนาม ให้คำปรึกษาว่า การพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนควรพัฒนาจากรีสอร์ทริมแม่น้ำ อุทยานแห่งชาติสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง และบริการการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ นอกจากนี้ ภาวะการตกตะกอนของของเสียบริเวณแม่น้ำ Hau และต้นทุนทางโลจิสติกส์ที่สูง ส่งผลให้การส่งออกสินค้าของสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงไปยังประเทศต่างๆ ทำได้ยาก แม้ว่าภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงจะมีศักยภาพในการพัฒนาก็ตาม

ตะกอนตามตามแนวแม่น้ำ Hau ได้ไหลผ่านไปยังคลอง Quan Bo Chanh ประมาณ 10,000-20,000 ตัน ส่งผลให้ต้องงดการใช้บริการของท่าเรือ และบริษัทมักหลีกเลี่ยงการขนส่งในบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงเนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้าสูง

นาย Vu Khanh Duong ผู้อำนวยการบริษัท Saigon Newport Corporation กล่าวว่า ปริมาณการขนส่งสินค้าในปี 2560 ของบริเวณภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงมีจำนวนถึง 17-18 ล้านตัน โดยจำนวนนั้น 3.3 ล้านตันเป็นการส่งออกสินค้าประเภทอาหารทะเล อีก 4 ล้านตันเป็นการส่งออกสินค้าประเภทผักและ 4.3 ล้านตันเป็นการส่งออกสินค้าประเภทข้าว

นาย Trinh The Couong หัวหน้ากองการเดินเรือทางทะเล ภายใต้สำนักงานคมนาคม กล่าวว่า ปริมาณการขนส่งสินค้าจากท่าเรือเกิ่นเทอ ซึ่งเป็นท่าเทียบเรือที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง ใช้งานตามความสามารถที่แท้จริงเพียงแค่ร้อยละ 50-60 ของท่าเรือ ซึ่งในปี 2560 การขนส่งสินค้าประเภทตู้คอนเทนเนอร์มีจำนวนมากกว่า 99.4 ล้านตู้ คิดเป็นเพียงร้อยละ 15 ของการขนส่งทั้งหมดของประเทศ

นาย Nguyen Minh Toai ผู้อำนวยการสำนักงานอุตสาหกรรมและการค้านครเกิ่นเทอ กล่าวว่า ภาครัฐควรจะขุดลอกคลอง Quan Bo Chanh เพื่อดึงดูดบริษัทขนส่งในนครโฮจิมินห์ไปยังสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงโดยเร็ว และควรลดค่าธรรมเนียมให้กับบริษัทขนส่ง เพื่อให้มีการขนส่งสินค้าต่างๆ ในสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงมากขึ้นแทนการใช้ท่าเรือในนครโฮจิมินห์หรือที่อื่น

ที่มา หนังสือพิมพ์ The Saigon Times Daily วันที่ 23 เมษายน 2561 หน้า 2

 

3. จังหวัดด่งนายสามารถดึงดูดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศได้กว่า 456 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

เมื่อนับตั้งแต่ต้นปี 2561 จนถึงปัจจุบัน จังหวัดด่งนายสามารถดึงดูดโครงการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศได้ 56 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวมกว่า 456.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 45.6 ของเป้าหมายที่วางไว้ในปีนี้

สำนักงานการวางแผนและการลงทุนจังหวัดด่งนาย เปิดเผยว่า เงินลงทุนดังกล่าวแบ่งเป็นเงินลงทุนในโครงการลงทุนใหม่ 151.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเงินลงทุนเพิ่มเติม 304.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยโครงการลงทุนส่วนมากเป็นการลงทุนที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ โครงการพัฒนาโรงงานผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ มูลค่ากว่า 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากนักลงทุนชาวญี่ปุ่น โครงการพัฒนาโรงงานผลิตและแปรรูป มูลค่าการลงทุน 47 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากนักลงทุนชาวญี่ปุ่น โครงการพัฒนาโรงงานผลิตเวชภัณฑ์ มูลค่าการลงทุน 47.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากนักลงทุนชาวสิงคโปร์ และโครงการพัฒนาโรงงานผลิตอุปกรณ์ยานยนต์ มูลค่ากว่า 71 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยบริษัท Bosch

นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จังหวัดด่งนายสามารถดึงดูดโครงการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศได้กว่า 1,778 โครงการ จาก 45 ประเทศและอาณาเขตทั่วโลก มูลค่าการลงทุนรวมกว่า 32.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (มีการลงทุนจริงไปแล้วกว่า 27.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยนักลงทุนต่างชาติ 3 อันดับแรกมาจากประเทศเกาหลีใต้ ไต้หวัน และญี่ปุ่น โดยเป็นจังหวัดที่มีการลงทุนสะสมเป็นลำดับ 4 ของเวียดนาม

ที่มา สำนักข่าว Vietnam Investment Review วันที่ 24 เมษายน 2561

URL: http://www.vir.com.vn/dong-nai-draws-over-456-million-usd-in-fdi-58654.html