วันที่นำเข้าข้อมูล 16 พ.ค. 2561
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 30 พ.ย. 2565
ข่าวเด่นวันที่ 15 - 16 พฤษภาคม 2561
1. บริษัท MM Mega Market Vietnam เตรียมส่งปูจากจังหวัดก่าเมาและส้มโอไปขายยังประเทศไทย
นายพิษณุ พงษ์วัฒนา ผู้อำนวยการบริษัท MM Mega Market บริษัทในเครือกลุ่มบริษัท Berli Jucker Group (BJC) ประเทศไทยที่ลงทุนด้านการค้าปลีก/ส่ง ภายใต้ห้างสรรพสินค้า MM Mega Market ในประเทศเวียดนาม ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว VnExpress ว่า ในช่วง 2 ปีมานี้ บริษัทได้ส่งออกแก้วมังกรกว่า 12,000 ตัน และมันเทศที่ผลิตในประเทศเวียดนามไปขายที่ไทย และภายใน 2 เดือนข้างหน้า บริษัทจะนำปูจากจังหวัดก่าเมา อาหารทะเลประเภทอื่นๆ ตลอดจนส้มโอไปขายที่ไทยด้วย และมีแผนการส่งออกไปจีน มาเลเซีย กัมพูชา และลาวในอนาคต
นายพิษณุกล่าวเพิ่มเติมว่า ภาคการเกษตรของเวียดนามมีจุดแข็งคือมีผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพที่ดีและมีราคาที่สามารถแข่งขันได้ ทำให้ผู้บริโภคชาวไทยชื่นชอบเป็นอย่างมาก โดยยกตัวอย่างเช่น มันเทศจากเวียดนามที่บริษัทนำเข้าไปขายยังประเทศไทยมีคุณภาพเทียบเคียงได้กับมันเทศที่ผลิตในประเทศญี่ปุ่นแต่มีราคาถูกกว่า และเกษตรกรประเทศไทยไม่นิยมปลูกมันเทศทำให้ต้องนำเข้าจากต่างชาติ
นายพิษณุ กล่าวปิดท้ายว่า เพื่อที่จะคงคุณภาพและคัดเลือกสินค้าให้ดีที่สุด บริษัทได้ซื้อผลิตภัณฑ์ต่างๆ จากเกษตรกรโดยตรงและสร้างศูนย์การกระจายสินค้าเพื่อรักษาระดับมาตรฐานและลดค่าใช้จ่าย โดยปัจจุบัน บริษัทมีศูนย์กระจายสินค้า 2 แห่งได้แก่ ดาลัด (ผัก) และเบ๊นแจ (ผลไม้) โดยร้อยละ 90 ของสินค้าที่ขายในห้างสรรพสินค้า MM Mega Market เป็นสินค้าที่ผลิตภายในประเทศเวียดนาม ส่วนสินค้าจากประเทศไทยนั้นมีสัดส่วนไม่มากนัก เนื่องจากสินค้าที่ผลิตภายในประเทศเวียดนามมีคุณภาพที่ดีอยู่แล้ว บริษัทจึงนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศที่ยังไม่มีการผลิตในประเทศเวียดนามเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคภายในประเทศเท่านั้น
กลุ่มบริษัท BJC ได้เข้าซื้อกิจการของบริษัท MM Mega Market หรือชื่อเดิมว่าบริษัท Metro Cash & Carry Vietnam เมื่อเดือนมกราคม 2559 ด้วยราคากว่า 879 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีนายเจริญ สิริวัฒนภักดี มหาเศรษฐฐีผู้มีทรัพย์สินมากที่สุดเป็นอันดับที่ 3 ของประเทศไทยเป็นผู้ถือครองหุ้นใหญ่ของกลุ่มบริษัท
ที่มา สำนักข่าว VnExpress วันที่ 12 พฤษภาคม 2561
2. บริษัท Energy Capital Vietnam สัญชาติสหรัฐอเมริกาเตรียมลงทุนโครงการพัฒนาโรงงานพลังงานแก๊สสู่พลังงานไฟฟ้า ในจังหวัดบากเลียว
เมื่อไม่นานมานี้ ตัวแทนบริษัท Energy Capital Vietnam (ECV) สัญชาติสหรัฐอเมริกา ได้เข้าหารือกับคณะกรรมการประชาชนจังหวัดบากเลียว เพื่อนำเสนอโครงการลงทุนพัฒนาโรงงานพลังงานแก๊สสู่พลังงานไฟฟ้า (Gas to Power) และโครงการแปรรูปแก๊สธรรมชาติเหลว (Liquefied Natural Gas: LNG) ในจังหวัดบากเลียว มูลค่าการลงทุนรวมกว่า 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือร่วมกัน (MOU)
โครงการพัฒนาโรงงานพลังงานแก๊สสู่พลังงานไฟฟ้าจะใช้พื้นที่ประมาณ 100 เฮกตาร์ มีความสามารถในการผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ 3,200 MW แบ่งการก่อสร้างออกเป็น 3 ระยะ โดยระยะแรกจะเริ่มพัฒนาภายในปีนี้และแล้วเสร็จช่วงปลายปี 2564 สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้กว่า 1,000 MW ระยะที่ 2 จะแล้วเสร็จในปี 2567 สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้เพิ่ม 1,000 MW และระยะที่ 3 จะแล้วเสร็จในปี 2570 สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้เพิ่มอีก 1,200 MW
นอกจากโครงการลงทุนดังกล่าวของบริษัท ECV แล้ว ปัจจุบัน นักลงทุนต่างชาติหลายราย อาทิ บริษัท ExxonMobile จากสหรัฐอเมริกา บริษัท Sembcorp จากสิงคโปร์ และบริษัท Grazprom จากรัสเซีย ก็สนใจเข้ามาลงทุนในโครงการพัฒนาโรงงานพลังงานแก๊สสู่พลังงานไฟฟ้าในเวียดนามเช่นกัน โดยเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2561 บริษัท Semcorp Industries ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือร่วมกับคณะกรรมการประชาชนจังหวัดกว๋างหงายในการพัฒนาโครงการโรงงานพลังงานแก๊สสู่พลังงานไฟฟ้ามูลค่าการลงทุนกว่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีกำลังการผลิตไฟฟ้ากว่า 750 MW ในจังหวัดกว๋างหงาย ในระหว่างการเยือนประเทศสิงคโปร์อย่างเป็นทางการของนาย Nguyen Xuan Phuc นายกรัฐมนตรีประเทศเวียดนาม ซึ่งได้เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามดังกล่าวด้วย
ในปี 2560 บริษัท Sembcorp และกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนามได้มีข้อตกลงความร่วมมือ MOU ร่วมกันในการพัฒนาโครงการโรงงานพลังงานแก๊สสู่พลังงานไฟฟ้า ภายใต้สัญญาประเภท BOT (Build -Operation - Transfer) โดยปัจจุบัน บริษัท Sembcorp ได้ศึกษาความเป็นไปได้ในการดำเนินโครงการดังกล่าวและส่งให้กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าพิจารณาแล้ว
ที่มา สำนักข่าว Bao Dau Tu วันที่ 9 พฤษภาคม 2561
URL: http://baodautu.vn/them-du-an-dien-khi-4-ty-usd-o-bac-lieu-d81145.html
3. จังหวัดเตี่ยนยางเร่งพัฒนาสิ่งแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจเพื่อดึงดูดนักลงทุน
นาย Le Van Nghia รองประธานคณะกรรมการประชาชนจังหวัดเตี่ยนยาง กล่าวว่า เป้าหมายในปี 2561 ของจังหวัดคือการเร่งพัฒนาสิ่งแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจเพื่อพัฒนาความสามารถในการดึงดูดนักลงทุนทั้งภายในประเทศและนอกประเทศของจังหวัด ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาสภาพเศรษฐกิจและสังคมของจังหวัด โดยในปีนี้ คณะกรรมการประชาชนจังหวัดเตี่ยนยางตั้งเป้าให้มีธุรกิจเกิดใหม่จำนวน 730 บริษัท มูลค่าการลงทุนรวมประมาณ 3.2 ล้านล้านด่ง (ประมาณ 140.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
นับตั้งแต่ช่วงต้นปี มีจำนวนธุรกิจเกิดใหม่ในจังหวัดกว่า 180 แห่ง มูลค่าการลงทุนรวม 1.11 ล้านล้านด่ง (ประมาณ 49 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.2 และร้อยละ 27.1 ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า นอกจากนั้น จังหวัดยังสามารถดึงดูดโครงการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ของจังหวัดได้กว่า 5 โครงการ โดยในจำนวนนั้นเป็นโครงการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศจำนวน 3 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวม 483 พันล้านด่ง (ประมาณ 21 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
สำนักงานคณะกรรมการประชาชนจังหวัดเตี่ยนยางแจ้งว่า จังหวัดได้นำแนวทางและนโยบายของรัฐบาลกลางและพรรคคอมมิวนิสต์จังหวัดมาใช้เพื่อเร่งพัฒนาประสิทธิภาพในการสนับสนุนและพัฒนาภาคธุรกิจและความสามารถในการดึงดูดการลงทุนของจังหวัด อาทิ การลดค่าใช้จ่ายในการจัดตั้งธุรกิจเกิดใหม่ การสนับสนุนนักลงทุนเดิมให้สามารถเข้าถึงและใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในกระบวนการผลิต และการให้คำปรึกษาและการอบรมทักษะแก่แรงงานใน SMEs
จังหวัดเตี่ยนยางตั้งอยู่ในบริเวณภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง ห่างจากนครโฮจิมินห์ 70 กิโลเมตร ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในจังหวัดที่เหมาะสมในการลงทุน โดยปัจจุบัน จังหวัดมีธุรกิจจำนวน 4,581 บริษัท ซึ่งสามารถสร้างงานให้กับประชาชนในจังหวัดได้เป็นจำนวนมาก รวมถึงสามารถผลิตผลิตภัณฑ์เพื่อการอุปโภคบริโภคและส่งออกได้อีกมาก
รายงานจากสำนักงานการลงทุนต่างประเทศชี้ให้เห็นว่า นับจนถึงเดือนเมษายน 2561 จังหวัดมีมูลค่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศสะสมจำนวน 2.23 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นลำดับที่ 28 จากทั่วประเทศ
ที่มา สำนักข่าว Vietnam Investment Review วันที่ 9 พฤษภาคม 2561
URL: http://www.vir.com.vn/tien-giang-to-improve-business-climate-attract-investment-59056.html
4. กลุ่มบริษัท Celtrion Group เตรียมลงทุนพัฒนาโรงงานเวชภัณฑ์ มูลค่า 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในจังหวัดบิ่นห์เยือง
สำนักข่าวจังหวัดบิ่นห์เยืองรายงานว่า จากการหารือร่วมกันระหว่างนาย Chang Sin Jae ผู้อำนวยการกลุ่มบริษัท Celtrion Group สัญชาติเกาหลีใต้ กับผู้นำคณะกรรรมการประชาชนจังหวัดบิ่นห์เยืองเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2561 มีข้อสรุปว่า กลุ่มบริษัท Celtrion Group จะลงทุนในการพัฒนาโรงงานเวชภัณฑ์ มูลค่า 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในจังหวัดบิ่นห์เยือง และมีกำลังการผลิตเวชภัณฑ์ประเภทน้ำกว่า 360,000 ลิตร ซึ่งจะมีขนาดใหญ่เป็น 3 เท่าของโรงงานของบริษัทในประเทศเกาหลีใต้ ยุโรป และอเมริกาเหนือ
นาย Jae กล่าวว่า บริษัทคาดหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนที่ดีจากหน่วยงานราชการในการดำเนินงานด้านเอกสารเพื่อขอใบอนุญาตในการลงทุน เพื่อที่จะเร่งก่อสร้างโครงการดังกล่าวได้โดยเร็ว
จากรายงานของบริษัท Vietnam Report Company ชี้ให้เห็นว่า ในปี 2560 อุตสาหกรรมเวชภัณฑ์ของประเทศเวียดนามมีมูลค่ากว่า 5.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และคาดการณ์ว่า จะมีอัตราเติบโตกว่าสองหลักภายในช่วง 5 ปีข้างหน้า เนื่องจากโครงสร้างประชากรที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น
นอกจากนั้น อัตราการใช้จ่ายเพื่อซื้อเวชภัณฑ์ของชาวเวียดนามเพิ่มขึ้นจาก 9.85 ดอลลาร์สหรัฐ/ปี ในปี 2548 เป็น 22.25 ดอลลาร์สหรัฐ/ปี ในปี 2553 37.97 ดอลลาร์สหรัฐ/ปี ในปี 2558 และ 56 ดอลลาร์สหรัฐ/ปี ในปี 2560 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 85 ดอลลาร์สหรัฐ/ปี ในปี 2563 และ 163 ดอลลาร์สหรัฐ/ปี ในปี 2568 โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยระหว่างปี 2553 – 2558 อยู่ที่ร้อยละ 14.6 ซึ่งคาดว่าจะยังคงระดับอัตราการเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 14 จนถึงปี 2568
อย่างไรก็ดี แม้ว่าภาพรวมอุตสาหกรรมเวชภัณฑ์ของเวียดนามจะมีพัฒนาการอย่างรวดเร็วและมั่นคง แต่ตลาดส่วนใหญ่ยังถูกครอบครองโดยบริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่จากต่างประเทศ อาทิ บริษัท Abbot บริษัท Bayer HealthCare Pharmaceuticals บริษัท Nipro Pharma Corporation กลุ่มบริษัท Taisho Group และบริษัท Sanofi
ที่มา สำนักข่าว Vietnam Investment Review วันที่ 10 พฤษภาคม 2561
URL: http://www.vir.com.vn/celtrion-group-to-build-800-million-pharmaceutical-factory-59044.html
อีเมลสถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์
ติดต่อทั่วไป
แผนกเศรษฐกิจ
แผนกกงสุล (หนังสือเดินทาง, นิติกรณ์และทะเบียนราษฎร์, บัตรประชาชน, การตรวจลงตราและรับรองเอกสาร)