วันที่นำเข้าข้อมูล 4 มิ.ย. 2561
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 29 พ.ย. 2565
ข่าวเด่นวันที่ 4 มิถุนายน 2561
1. ที่ดินบริเวณรอบริมทะเลในจังหวัดฟู้เอียนมีราคาสูงขึ้นอย่างมาก
ในช่วงระยะเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา นักลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์หลายรายกว้านซื้อที่ดินบริเวณรอบริมทะเลในจังหวัดฟู้เอียนส่งผลให้มีราคาเพิ่มขึ้นประมาณ 3 – 5 เท่าตัว โดยบริเวณที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากคือบริเวณถนน Phu Tho ถนน Phu Tho 1 ถนน Phu Tho 2 ถนน Phu Tho 3 และบริเวณอำเภอเมืองที่ติดริมทะเล
จากการลงพื้นที่สำรวจของหนังสือพิมพ์ Tuoi Tre ชี้ว่า ปัจจุบัน มีนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนจากภาคเหนือสนใจลงทุนซื้อพื้นที่บริเวณรอบริมทะเลในจังหวัดเป็นจำนวนมาก โดยกลุ่มนักลงทุนได้ส่งตัวแทนเข้ามาถามเจ้าของที่ดินในบริเวณข้างต้นในหลายๆ ครัวเรือน ส่งผลให้ราคาถูกปั่นขึ้นและมีการปรับราคาขึ้นเรื่อยๆ
นาย Huynh Lu Tan ผู้อำนวยการสำนักงานการก่อสร้างจังหวัดฟู้เอียนกล่าวว่า ปัจจุบัน ตลาดอสังหาริมทรัพย์บริเวณริมทะเลของจังหวัดกำลังมีราคาเพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจากมีนักลงทุนหลายกว้านซื้อเพื่อพัฒนาเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ อย่างไรก็ดี หากราคาที่ดินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อาจจะเกิดปัญหาในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของจังหวัดได้เนื่องจากราคาที่ดินที่สูงเกินจริงสำหรับโครงการลงทุนต่างๆ
นาย Tran Dinh Quay สมาชิกคณะกรรมการสมาคมอสังหาริมทรัพย์เวียดนามกล่าวว่า เหตุผลที่ทำให้ราคาที่ดินเพิ่มขึ้นอย่างมากในจังหวัดฟู้เอียนเนื่องจากข่าวสารเรื่องการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจในจังหวัด และมีนักลงทุนบางรายปั่นราคาที่ดินให้สูงขึ้นมากกว่าความเป็นจริง ส่งผลให้นักลงทุนรายอื่นกว้านซื้อที่ดินเพื่อเก็งกำไรตามและลงทุนในอนาคต ซึ่งหากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้อาจจะเกิดวิกฤติการณ์ฟองสบู่ภาคอสังหาริมทรัพย์ในอนาคตได้
นาย Nguyen Chi Hien รองประธานคณะกรรมการประชาชนจังหวัดฟู้เอี้ยนกล่าวว่า ตนได้สั่งการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบและตำรวจส่วนภูมิภาคทำการตรวจสอบสถานการณ์ราคาที่ดินเพิ่มขึ้นสูงและรายงานต่อตนโดยเร็ว
ที่มา หนังสือพิมพ์ Tuoi Tre วันที่ 28 พฤษภาคม 2561
URL: https://tuoitre.vn/ai-dung-sau-con-bao-gia-dat-ven-bien-phu-yen-20180528104540769.htm
2. กลุ่มบริษัท Siam Cement Group เตรียมถือครองหุ้นทั้งหมดในโครงการ Long Son Petrochemical ที่จังหวัดบ่าเหรี่ยะ-หวุงเต่าอย่างเป็นทางการ
กลุ่มบริษัท Siam Cement Group (SCG) บริษัทผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ปูนซีเมนต์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทยได้ถือครองหุ้นทั้งหมดในโครงการ Long Son Petrochemical (LSP) ในจังหวัดบ่าเหรี่ยะ-หวุงเต่า โดยเตรียมซื้อหุ้นที่เหลือร้อยละ 29 จากบริษัท Petrovietnam (PVN) มูลค่ากว่า 90 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในเดือนหน้า
จากการรายงานของกลุ่มบริษัท SCG ปัจจุบัน การดำเนินงานแบบงานวิศวกรรม-จัดหา-ก่อสร้าง (Engineering-Procurement-Construction : EPC) จะเริ่มขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ และคาดว่าการก่อสร้างโครงการจะแล้วเสร็จในช่วงต้นปี 2566
โครงการ LSP มีกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์ Olefin กว่า 1.6 ล้านตัน/ปี โดยระหว่างการก่อสร้างจะสามารถสร้างงานกว่า 20,000 ตำแหน่ง และเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะสามารถสร้างงานให้กับแรงงานที่มีทักษะกว่า 1,000 ตำแหน่ง ตลอดจนภาครัฐจะสามารถเก็บภาษีจากการดำเนินงานของโครงการดังกล่าวได้กว่าปีละ 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ โครงการ LSP ได้รับใบอนุญาตในการลงทุนเมื่อ 10 ปีที่แล้ว มูลค่าเงินจดทะเบียนลงทุนเริ่มต้นอยู่ที่ 3.77 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และเพิ่มเป็น 4.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยท้ายที่สุดก็เพิ่มขึ้นเป็น 5.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งการก่อสร้างโครงการดังกล่าวหยุดชะงักมาเป็นระยะเวลาหลายครั้งเนื่องจากประสบปัญหาด้านเงินลงทุนของบริษัทหุ้นส่วน แต่ก็กลับมาดำเนินโครงการต่อได้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ของปีนี้
ในปี 2535 กลุ่มบริษัท SCG ได้เข้ามาลงทุนในเวียดนามเป็นครั้งแรก และปัจจุบัน กลุ่มบริษัท SCG มีบริษัทลูก/สาขาอยู่ 23 บริษัทในหลายภาคอุตสาหกรรม อาทิ ปูนซีเมนต์ วัสดุเพื่อการก่อสร้าง ปิโตรเคมี และการบรรจุภัณฑ์
ที่มา หนังสือพิมพ์ The Saigon Times Daily วันที่ 30 พฤษภาคม 2561
3. บริษัท Ut Ut Quan เตรียมเปิดร้านบาร์บีคิวและร้านคราฟท์เบียร์อีก 50 แห่งภายใน 5 ปี
นาย Tim Scott ผู้อำนวยการทั่วไปของบริษัท Ut Ut Quan ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการร้านบาร์บีคิวชื่อดังอย่าง Ut Ut Quan จำนวน 2 แห่ง และร้านคราฟท์เบียร์ยอดนิยมอย่าง BiaCraft จำนวน 2 แห่งในนครโฮจิมินห์ประกาศว่า บริษัทมียุทธศาสตร์ที่จะเปิดร้านบาร์บีคิวและร้านคราฟท์เบียร์อีก 50 แห่งภายในระยะเวลา 5 ปี หลังจากเมื่อไม่นานมานี้ บริษัทฯ สามารถข้อตกลงเพื่อเพิ่มงบประมาณในการลงทุนกับบริษัท Red Wok Cuisine Joint Stock Company บริษัทลูกของบริษัท Mekong Capital ได้สำเร็จ
นาย Scott กล่าวเสริมว่า ร้านทั้งสองมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยร้านบาร์บีคิว Ut Ut Quan เหมาะสำหรับลูกค้าที่ใช้บริการเป็นกลุ่มคณะ เป็นครอบครัว หรือเพื่อนฝูง ในขณะที่ร้าน BiaCraft เหมาะกับตลาดผู้บริโภคเฉพาะกลุ่ม โดยเฉพาะผู้นิยมดื่มเบียร์คราฟท์ ซึ่งบริษัทมีแผนการจะขยายสาขาของร้านทั้งสองในนครโฮจิมินห์เป็นหลัก เนื่องจากมีจำนวนชนชั้นกลางและผู้บริโภควัยรุ่นเป็นจำนวนมาก และจะขยายไปยังจังหวัดโดยรอบในอนาคต
นาย Tran Thi Lan Anh ผู้บริหารสูงสุดของบริษัท Red Wok Cuisine Joint Stock Company กล่าวว่า บริษัทของตนจะให้การสนับสนุนในด้านเงินทุน ด้านทรัพยากรมนุษย์ ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ด้านมาร์เก็ตติ้ง และด้านการตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐาน ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่สำคัญในการขยายสาขาร้านทั้งสองให้สำเร็จ
บริษัท Red Wok ชื่อเดิมคือบริษัท Wrap & Roll ก่อตั้งในปี 2549 และเป็นเจ้าของกิจการร้านอาหารชื่อดังในเวียดนามอย่าง ร้าน Wrap & Roll ร้าน Cuon Viet ร้าน Lau Bo Saigon ร้าน Ut Ut Quan และร้าน BiaCraft โดยได้เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท Red Wok ในช่วงกลางปี 2560 หลังจากการสนับสนุนด้านเงินทุนโดยบริษัท Mekong Capital
ที่มา หนังสือพิมพ์ The Saigon Times Daily วันที่ 29 พฤษภาคม 2561 หน้า 1
4. นักลงทุนหลายรายสนใจลงทุนโครงการทางด่วน My Thuan – Can Tho Expressway
คณะกรรมการบริหารโครงการ Thang Long Project ภายใต้กระทรวงคมนาคมเวียดนามเปิดเผยว่า ภายในระยะเวลา 1 เดือนนับตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน – 16 พฤษภาคม 2561 มีนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศจำนวน 11 รายยื่นหนังสือแสดงความสนใจประมูลเพื่อลงทุนในโครงการทางด่วน My Thuan – Can Tho Expressway ที่มีความยาวกว่า 23.6 กิโลเมตร
หนึ่งในบริษัทชื่อดังที่สนใจประมูลเพื่อลงทุนโครงการดังกล่าว ได้แก่ บริษัท Saigon Bridge Road Construction Group Investment JSC บริษัท Civil Engineering Construction Corporation No.4 (CIENCO4) และบริษัท 620 Infrastructure Development and Investment Corporation ซึ่งคณะกรรมการฯ กำลังพิจารณาข้อมูลของบริษัททุกรายที่สนใจเข้ามาลงทุนในโครงการดังกล่าว และจะประกาศผลการคัดเลือกในช่วงกลางเดือนมิถุนายน 2561
โครงการทางด่วน My Thuan – Can Tho Expressway จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่บริเวณแยกทางหลวงหมายเลข 80 และสิ้นสุดบริเวณแยก Cha Va บริเวณทางหลวงหมายเลข 1A ในจังหวัดหวิงลอง บริเวณภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงของเวียดนาม โดยในระยะแรก ทางด่วนจะประกอบด้วย 4 ช่องทางการคมนาคม โดยอนุญาตให้รถโดยสารสามารถวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง และโครงการมีมูลค่าการลงทุนประมาณ 237 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คาดว่าจะสามารถเริ่มก่อสร้างได้ในปี 2562 และแล้วเสร็จในปี 2563 ภายใต้การลงทุนในลักษณะความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน (Build-Operate-Transfer)
โครงการทางด่วน My Thuan – Can Tho Expressway เป็นส่วนหนึ่งในโครงการ HCMC - Can Tho Expressway ซึ่งประกอบด้วยโครงการ HCMC – Trung Luong ความยาว 40 กิโลเมตรที่ได้เปิดใช้งานตั้งแต่ปี 2553 และโครงการ Trung Luong – My Thuan ที่กำลังดำเนินการก่อสร้างอยู่ ซึ่งเมื่อโครงการทั้ง 3 เสร็จสิ้นจะสามารถเชื่อมต่อการคมนาคมทางบกของนครโฮจิมินห์กับภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงได้สะดวกยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ปัจจุบัน นักลงทุนในโครงการ Trung Luong – My Thuan กำลังประสบปัญหาด้านการเงินและอาจจะต้องถูกบังคับให้ยุติสัญญาหากไม่สามารถเจรจากู้ยืมเงินได้ก่อนสิ้นปีนี้ และอีกหนึ่งปัญหาสำคัญคือการขาดงบประมาณในการลงทุนโครงการทางด่วน My Thuan – Can Tho Expressway เนื่องจากภาครัฐไม่สามารถจัดหางบประมาณในการดำเนินโครงการดังกล่าวได้
ที่มา หนังสือพิมพ์ Bao Giao Thong วันที่ 28 พฤษภาคม 2561
URL: http://www.baogiaothong.vn/nhieu-ong-lon-dau-thau-cao-toc-my-thuan--can-tho-d258094.html
อีเมลสถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์
ติดต่อทั่วไป
แผนกเศรษฐกิจ
แผนกกงสุล (หนังสือเดินทาง, นิติกรณ์และทะเบียนราษฎร์, บัตรประชาชน, การตรวจลงตราและรับรองเอกสาร)