วันที่นำเข้าข้อมูล 20 มิ.ย. 2561
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 30 พ.ย. 2565
ข่าวเด่นวันที่ 19 - 20 มิถุนายน 2561
1. ยักษ์ใหญ่ไทยเข้าซื้อหุ้นบริษัท Binh Minh Plastic เพิ่ม
บริษัท Nawaplastic Industries (Saraburi) บริษัทในเครือกลุ่มบริษัท SCG ได้ลงทะเบียนเข้าซื้อหุ้นของบริษัท Binh Minh Plastic เพิ่มจำนวน 1.17 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 1.43 มูลค่ากว่า 71 พันล้านด่ง (ประมาณ 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งหากการซื้อหุ้นครั้งนี้สำเร็จจะส่งผลให้บริษัท Nawaplastic Industries (Saraburi) ถือครองหุ้นเกือบร้อยละ 52.96
ปัจจุบัน บริษัท Binh Minh Plastic เป็นหนึ่งในบริษัทผู้ผลิตท่อพลาสติกชั้นนำของภาคใต้ของเวียดนาม มีโรงงานผลิตพลาสติกจำนวนทั้งหมด 4 โรงงาน ซึ่งมีกำลังการผลิตรวมกว่า 140,000 ตัน/ปี มีช่องทางการค้าที่หลากหลายทั่วประเทศ ตลอดจนมีสินค้าที่มีชื่อเสียงและมีคุณภาพสูง อย่างไรก็ดี ในช่วง 2 ปี ที่ผ่านมาบริษัท Binh Minh Plastic ประสบกับปัญหาการปรับตัวกับสภาพตลาดที่มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง และการเข้ามาของผู้เล่นรายใหม่ ส่งผลให้ส่วนแบ่งทางการตลาดและกำไรของบริษัทลดลง
จากรายงานด้านการเงินของบริษัท Binh Minh Plastic ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2561 ชี้ให้เห็นว่า บริษัทมีรายได้ 633 พันล้านด่ง (ประมาณ 27.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ลดลงกว่า 168 พันล้านด่ง (ประมาณ 7.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และมีกำไร 86.5 พันล้านด่ง (ประมาณ 3.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ลดลงกว่า 13.5 พันล้านด่ง (ประมาณ 5.9 แสนดอลลาร์สหรัฐ) เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ในขณะที่อัตรากำไรต่อหุ้น (Earning per share) อยู่ที่ 1,058 ด่ง/หุ้น (ประมาณ 0.046 ดอลลาร์สหรัฐ)
ทั้งนี้ ในปี 2561 บริษัท Binh Minh Plastic ตั้งเป้าหมายทำรายได้ 4,300 พันล้านด่ง (ประมาณ 188.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 และมีกำไร 600 พันล้านด่ง (ประมาณ 26.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า อัตราการจ่ายเงินปันผลขั้นต่ำร้อยละ 20 และมีงบประมาณในการลงทุนประมาณ 380 พันล้านด่ง (ประมาณ 16.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
ปัจจุบัน บริษัท Nawaplastic Industries (Saraburi) ได้ส่งตัวแทนดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการบริหารของบริษัท Binh Minh Plastic แล้วจำนวน 3 คน และยังมีตัวแทนในคณะกรรมการกำกับดูแลบริษัทอีก 1 คน
ที่มา สำนักข่าว VnEconomy วันที่ 14 มิถุนายน 2561
2. ราคามะพร้าวจังหวัดเบ๊นแจตกต่ำสุดในรอบ 10 ปี
จากการสำรวจของสำนักข่าว VnExpress ชี้ให้เห็นว่า ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ราคามะพร้าวจังหวัดเบ๊นแจตกต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี โดยมีราคาเพียง 35,000 ด่ง (ประมาณ 55 บาท)/ทลาย เท่านั้น ในขณะที่เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้ามีราคาถึง 70,000 – 80,000 ด่ง (ประมาณ 100 – 115 บาท)/ทลาย และยังไม่มีแนวโน้มที่ราคาจะปรับตัวสูงขึ้นในเร็วๆ นี้
นาย Nguyen Trung Chuong รองประธานสมาคมเกษตรกรผู้ปลูกมะพร้าวจังหวัดเบ๊นแจ ให้สัมภาษณ์ว่า เป็นเรื่องปกติที่ราคามะพร้าวจังหวัดฯ จะตกต่ำในช่วงดือนพฤษภาคมถึงเดือนกรกฏาคม เนื่องมาจากกลไกตลาดโลก โดยช่วงนี้เป็นช่วงเก็บเกี่ยวมะพร้าวของหลายๆ ประเทศในภูมิภาค ได้แก่ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ซึ่ง 3 ประเทศรวมกันมีพื้นที่ปลูกมะพร้าวประมาณ 3 ล้านเฮกตาร์ ในขณะที่ประเทศเวียดนามมีพื้นที่ปลูกมะพร้าวเพียง 150,000 เฮกตาร์ ซึ่งในจำนวนนั้นอยู่ในจังหวัดเบ๊นแจประมาณ 71,000 เฮกตาร์ ทำให้ไม่สามารถแข่งขันด้านราคากับประเทศในภูมิภาคได้
นาย Chuong กล่าวเสริมว่า ปัจจุบัน จำนวนมะพร้าวที่ผลิตได้ในจังหวัดเบ๊นแจมีประมาณ 570 ล้านลูก/ปี โดยแต่ละครอบครัวในจังหวัดจะมีพื้นที่ปลูกมะพร้าวประมาณ 3,000 – 4,000 ตารางเมตร ต้นมะพร้าวแต่ละต้นมีอายุประมาณ 70 ปี ซึ่งจากสถิติ จำนวนมะพร้าวทั่วโลกในช่วง 10 ปีที่ผ่านมามีจำนวนเพิ่มขึ้นไม่ถึงร้อยละ 1 ในขณะที่จำนวนความต้องการผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากมะพร้าวมีอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ 10
นอกจากนั้น ต่อความกังวลที่ประเทศจีนเริ่มลดปริมาณการนำเข้าผลิตภัณฑ์ที่ทำจากมะพร้าวของเวียดนาม นาย Chuong กล่าวว่า เกษตรกรไม่จำเป็นต้องกังวล เนื่องจากผลิตภัณฑ์ที่ทำจากมะพร้าวของเวียดนามกำลังบุกตลาดใหม่ๆ ทั่วโลก อาทิ ยุโรป และสหรัฐอเมริกา และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากมะพร้าวยังมีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วง 5 – 10 ปีข้างหน้า โดยจากการคำนวณแล้ว แม้ว่าราคาในปัจจุบันจะต่ำลง แต่เมื่อคิดจากต้นทุนทั้งหมดแล้ว เกษตรกรก็ยังไม่ขาดทุน
ที่มา สำนักข่าว VnExpress วันที่ 16 มิถุนายน 2561
3. ราคาคอนโดมิเนียมในนครโฮจิมินห์ยังคงสูงขึ้นเรื่อยๆ
จากการสำรวจราคาคอนโดมิเนียมในนครโฮจิมินห์ ไม่รวมเขต CBD (Commercial business district) โดยบริษัท Jones Lang LaSalle (JLL) พบว่า จำนวนโครงการก่อสร้างคอนโดมิเนียมในบริเวณภาคใต้และตะวันออกมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยราคาคอนโดมิเนียมในทิศตะวันออกของนครโฮจิมินห์ ได้แก่ เขต 2, 9, Thu Duc, และเขต Binh Thanh มีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 1,697.49 ดอลลาร์สหรัฐ/ตารางเมตร เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.25 จากปี 2560
ในบริเวณทิศตะวันตกของนครโฮจิมินห์ ซึ่งเป็นบริเวณที่มีราคาที่ดินต่ำที่สุดในนครโฮจิมินห์ ครอบคลุมเขต 6, 8, 11, Binh Tan, Tan Phu และ Tan Binh มีราคาคอนโดมิเนียมโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 1,202.42 ดอลลาร์สหรัฐ/ตารางเมตร เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.37 จากปี 2560
ทางทิศใต้ของนครโฮจิมินห์ ได้แก่ เขต 7, Nha Be และ Binh Chanh ราคาเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมอยู่ที่ 1,560.77 ดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับช่วง 3 เดือนก่อนหน้า
บริษัท JLL คาดว่า ในอนาคตอันใกล้ ราคาคอนโดมิเนียมในนครโฮจิมินห์จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องมาจากความต้องการที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้นและการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกและโครงสร้างพื้นฐานอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ จากการสำรวจของสำนักข่าว VnExpress โครงการคอนโดมิเนียมราคาย่อมเยาในพื้นที่ห่างไกลจากตลาด Ben Thanh ใจกลางนครโฮจิมินห์ออกไปประมาณ 12 กิโลเมตรขึ้นไปมีราคาประมาณ 23-25 ล้านด่งต่อตารางเมตร ซึ่งเจ้าของคอนโดมิเนียมเหล่านั้นสามารถแบ่งห้องให้เล็กลงและทำให้ราคาถูกลง อยู่ที่ 1.2-1.5 พันล้านด่ง/ ยูนิต (ประมาณ 2 – 2.3 ล้านบาท/ยูนิต) นอกจากนั้น ในบริเวณเขต 2 ที่เป็นพื้นที่ที่ได้รับความนิยมในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เริ่มมีห้องพักในโครงการอสังหาริมทรัพย์ราคาย่อมเยาเหลือน้อยลง
นาย Tran Hien Phuong ผู้จัดการของบริษัท Sea Real กล่าวว่า ราคาที่ดินในนครโฮจิมินห์ได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 100-200 ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา โดยเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 10-15 ต่อปี และส่งผลให้ต้นทุนในการพัฒนาคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้นอย่างมาก และเป็นเรื่องยากที่ราคาจะลดลง นอกจากเหตุผลดังกล่าวแล้ว ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ได้แก่ การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของราคาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งทำให้การดำเนินการสร้างโครงการต่าง ๆ เป็นไปได้ยากเนื่องจากยากที่จะประมาณการต้นทุนต่างๆ ที่เพิ่มขึ้น ราคาวัตถุดิบและแรงงานเพิ่มขึ้น ตลอดจนค่าเสียโอกาสและต้นทุนในการดำเนินการสร้างโครงการจะส่งผลต่อราคาคอนโดมิเนียมด้วย
นาย Phuong ยังกล่าวอีกว่า ผู้ประกอบการที่ซื้อที่ดินเพื่อสร้างคอนโดมิเนียมในช่วงที่ราคาพุ่งสูงขึ้นในข่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาจะได้รับผลกระทบในด้านของราคา และถ้าต้องการสร้างคอนโดมิเนียมราคาถูก ควรเลือกทำเลห่างจากใจกลางเมืองมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ประมาณ 14-15 กิโลเมตร ในขณะเดียวกัน ถ้าเลือกทำเลห่างจากใจกลางเมืองประมาณ 8-10 กิโลเมตร จะสามารถสร้างโครงการระดับกลาง – สูงได้เท่านั้น
ที่มา สำนักข่าว VnExpress วันที่ 15 มิถุนายน 2561
URL: https://kinhdoanh.vnexpress.net/tin-tuc/bat-dong-san/gia-chung-cu-sai-gon-van-leo-thang-3763927.html
4. การพัฒนาโรงละครโอเปร่าแห่งใหม่ในบริเวณ Thu Thiem เขต 2 นครโฮจิมินห์
ในเดือนหน้า คณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์พิจารณารับโครงการพัฒนาโรงละครโอเปร่าในบริเวณ Thu Thiem ซึ่งเป็นย่านเมืองแห่งใหม่ในเขต 2 โดยมีจำนวนที่นั่ง 1,700 ที่นั่งสำหรับการชมดนตรีประสานเสียง โอเปร่า และบัลเลต์ ซึ่งจะใช้เงินลงทุนจำนวน 1.5 ล้านล้านด่ง (ประมาณ 65.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยใช้งบประมาณของนครโฮจิมินห์ในการดำเนินโครงการ ซึ่งจะเริ่มก่อสร้างในเดือนกันยายน 2561 และจะแล้วเสร็จในเดือนธันวาคม 2565
ปัจจุบัน การจัดแสดงดนตรีประสานเสียงใดๆ ในนครโฮจิมินห์จะถูกจัดในโรงละครโอเปรา ในเขต 1 ซึ่งถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 2441 โดยสามารถรองรับผู้ชมได้เพียง 500 คนเท่านั้น โดยศิลปินและผู้เชี่ยวชาญต่างในประเทศหลายรายต่างทราบดีว่าสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับการแสดงวัฒนธรรมในนครโฮจิมินห์นั้นมีความทรุดโทรมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่อย่างโรงละครสมัยใหม่ และเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ที่รักศิลปะท้องถิ่น นครโฮจิมินห์จึงควรพัฒนาศูนย์การจัดแสดงอเนกประสงค์ และศูนย์การกีฬาอย่างรวดเร็วเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการจัดการแข่งขันกีฬาระหว่างประเทศในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครั้งที่ 31 หรือกีฬาซีเกมส์ ในปี 2564
นครโฮจิมินห์ได้วางแผนก่อสร้างศูนย์การจัดแสดงอเนกประสงค์ความสูง 4 ถึง 10 ชั้น ที่ประกอบด้วยชั้นใต้ดิน 3 ชั้น ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 40,300 ตารางเมตร ในย่านเมืองใหม่ Thu Thiem โดยบริษัท PQC Convention JSC ได้รับการคัดเลือกในการออกแบบศูนย์กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 31 โดยคณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์จะเร่งพัฒนาโครงการการแข่งขันกีฬาให้ทันก่อนปี 2564 ซึ่งประกอบด้วยศูนย์กีฬา Phan Dinh Phing ในเขต 3 ศูนย์กีฬา Rach Chiec ในเขต 2 และพื้นที่สนามกีฬาในสนามแข่งม้า Phu Tho เขต 11
ที่มา หนังสือพิมพ์ The Saigon Times Daily วันที่ 15 มิถุนายน 2561 หน้า 2
อีเมลสถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์
ติดต่อทั่วไป
แผนกเศรษฐกิจ
แผนกกงสุล (หนังสือเดินทาง, นิติกรณ์และทะเบียนราษฎร์, บัตรประชาชน, การตรวจลงตราและรับรองเอกสาร)