วันที่นำเข้าข้อมูล 28 มิ.ย. 2561
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 30 พ.ย. 2565
ข่าวเด่นวันที่ 26 – 28 มิถุนายน 2561
1. นครโฮจิมินห์เชิญชวนให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในโครงการสาธารณสุขในลักษณะความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน
ในการหารือระหว่างผู้บริหารนครโฮจิมินห์และตัวแทนบริษัทพัฒนาโครงการสาธารณสุขสัญชาติสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2561 นาย Tran Vinh Tuyen รองประธานคณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์กล่าวว่า ปัจจุบัน นครโฮจิมินห์กำลังต้องการการลงทุนในโครงการสาธารณสุขของนครในลักษณะความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน (Public - Private Partnership : PPP ) อาทิ โครงการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกและโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุข โครงการพัฒนาอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ และโครงการยกระดับ การใช้เทคโนโลยีดิจิตอลในสถานพยาบาลต่างๆ เพื่อยกระดับการรักษาและบริการทางการแพทย์ให้กับประชาชนในนครให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
นาย Nguyen Tan Binh ผู้อำนวยการสำนักงานสาธารณสุขนครโฮจิมินห์ ได้ให้ข้อมูลว่า ธุรกิจด้านการแพทย์ในนครโฮจิมินห์ยังมีโอกาสการลงทุนอีกมาก ปัจจุบัน นครโฮจิมินห์มีโรงงานผลิตยาจำนวน 28 แห่ง บริษัทเวชภัณฑ์จำนวน 1,200 แห่ง มีร้านขายยาจำนวน 8,200 แห่ง มีโรงพยาบาล 115 แห่ง มีศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง 12 แห่ง มีศูนย์อนามัยระดับเขตจำนวน 24 แห่ง มีคลินิกรัฐบาลจำนวน 319 แห่ง และมีคลินิกเอกชนจำนวน 5,302 แห่ง โดยยอดขายยาในนครโฮจิมินห์คิดเป็นสัดส่วน 2 ใน 3 ของยอดขายยาทั่วประเทศ นอกจากนั้น นคร โฮจิมินห์สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีในการผลิตยาประเภทใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ดี ปัจจุบัน ธุรกิจด้านการแพทย์ในนครโฮจิมินห์กำลังประสบข้อท้าทายที่สำคัญได้แก่ จำนวนผู้ป่วยล้นสถานพยาบาลหลายแห่งเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของประชากรภายในนคร ทั้งที่เป็นคนเวียดนามเและชาวต่างชาติ ดังนั้น จึงเป็นโอกาสที่ดีของนักลงทุนในธุรกิจการแพทย์ที่จะลงทุนในโครงการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโครงการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกและโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุขในสถานพยาบาลต่างๆ ตลอดจนโครงการอบรมการบริหารจัดการสถานพยาบาล โครงการพัฒนาฝีมือแพทย์ โครงการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศในสถานพยาบาล หรือโครงการผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์
นาย Binh กล่าวปิดท้ายว่า ภาครัฐนครโฮจิมินห์มีแผนลงทุนในโครงการสาธารณสุขของนครในช่วงระหว่างปี 2559 – 2563 จำนวน 91 โครงการ มูลค่ารวม 32 ล้านล้านด่ง (1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) และอีก 14 โครงการที่ลงทุนในลักษณะความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน มูลค่ารวม 15 ล้านล้านด่ง (ประมาณ 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยปัจจุบัน นครโฮจิมินห์กำลังเรียกร้องให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนสร้างโรงงานผลิตยาที่ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ซึ่งโรงงานต่างๆ ในปัจจุบันในนครโฮจิมินห์สามารถผลิตยาในระดับ GMP หรือ Good Manufacturing Practice ซึ่งกำหนดโดยองค์การอนามัยโลก (WHO) เท่านั้น แต่ยังไม่สามารถผลิตยาในระดับ GMP Pic/s (Pharmaceutical Inspection Co-operation Scheme) ซึ่งเป็นมาตรฐานการผลิตยาที่สูงกว่าของสหภาพยุโรป
ที่มา หนังสือพิมพ์ The Saigon Times Daily วันที่ 19 มิถุนายน 2561 หน้า 1
2. จังหวัดบิ่นห์เยืองทำข้อตกลงพัฒนาเครือข่ายอินเตอร์เน็ตกับบริษัทสัญชาติญี่ปุ่น
ในวันที่ 19 มิถุนายน 2561 ผู้บริหารจังหวัดบิ่นห์เยืองได้เป็นสักขีพยานในการลงนามข้อตกลงความร่วมมือระหว่างบริษัท NTT Viet Nam สัญชาติญี่ปุ่น และบริษัท Vietnam Technology & Telecommunication สัญชาติเวียดนาม (บริษัทลูกของบริษัท Becamex IDC) เพื่อพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกและโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เครือข่ายอินเตอร์เน็ต และบริการออนไลน์
การลงนามในข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้จะทำให้ประชาชนในจังหวัดบิ่นห์เยืองและจังหวัดใกล้เคียงสามารถใช้งานอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงที่มีคุณภาพใกล้เคียงกับที่ญี่ปุ่น และจะเป็นก้าวแรกของโครงการพัฒนา Smart City ของจังหวัด
ตัวแทนบริษัท NTT Viet Nam กล่าวว่า บริษัทเลือกที่จะลงทุนในจังหวัดบิ่นห์เยืองเนื่องจากเมื่อเทียบกับจังหวัดอื่นๆ แล้ว จังหวัดบิ่นห์เยืองมีพัฒนาการอย่างรวดเร็วและมีความคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ มีโครงการพัฒนา Smart City ที่น่าสนใจ ตลอดจนมีนักลงทุนสัญชาติญี่ปุ่นจำนวนมาก
ที่มา หนังสือพิมพ์ Tuoi Tre วันที่ 20 มิถุนายน 2561
3. นครดานังเรียกร้องให้นักลงทุนเข้ามาพัฒนาโครงการการเกษตรด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงจำนวน 6 โครงการ
สำนักงานส่งเสริมการลงทุนนครดานัง (The Danang Investment Promotion Agency; IPA Danang) ได้เรียกร้องให้บริษัทท้องถิ่นและบริษัทต่างชาติเข้ามาลงทุนพัฒนาโครงการเกษตรด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง จำนวน 6 โครงการ มูลค่า 90 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
โครงการทั้ง 6 โครงการประกอบไปด้วย (1) โครงการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกและโครงสร้างพื้นฐานบริเวณท่าเรือประมง Tho Quan ให้เชื่อมต่อกับภาคการท่องเที่ยว ซึ่งจะต้องใช้งบประมาณในการลงทุนทั้งสิ้น 43.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายใต้การลงทุนลักษณะความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ท่าเรือประมง Tho Quan มีพื้นที่บนบก 25 เฮกตาร์ และพื้นที่บนผืนน้ำ 58 เฮกตาร์ ประกอบไปด้วยพื้นที่สำนักงาน อู่ต่อเรือ พื้นที่ซ่อมเรือ พื้นที่โลจิสติกส์ และท่าเทียบเรือ 3 แห่ง (2) โครงการพัฒนาฟาร์มเลี้ยงสุกรและวัว พื้นที่ 230 เฮกตาร์ มูลค่าการลงทุน 460 พันล้านด่ง (ประมาณ 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) (3) โครงการพัฒนาฟาร์มเลี้ยงสุกรและไก่ พื้นที่ 30 เฮกตาร์ มูลค่าการลงทุน 230 พันล้านด่ง (ประมาณ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) (4) โครงการพัฒนาสวนพืชสมุนไพร พื้นที่ 22 – 34 เฮกตาร์ มูลค่าการลงทุน 150 พันล้านด่ง (ประมาณ 6.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) (5) โครงการพัฒนาสวนผักออร์แกนิค บนพื้นที่ 20 – 35 เฮกตาร์ มูลค่าการลงทุน 110 พันล้านด่ง (ประมาณ 4.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และ (6) โครงการพัฒนาสวนเพาะพันธุ์เห็ดทางการแพทย์ เห็ดเชิงพาณิชย์ และเมล็ดพันธุ์เห็ด เพื่อใช้บริโภคภายในประเทศและส่งออกต่างประเทศ มูลค่าการลงทุน 20 พันล้านด่ง (ประมาณ 8.7 แสนดอลลาร์สหรัฐ)
นักลงทุนในโครงการเหล่านี้จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลร้อยละ 15 ได้รับการเว้นภาษีจากรายได้ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและการเพาะปลูกอีกร้อยละ 10 ยกเว้นค่าเช่าที่ดินและค่าเช่าผืนน้ำ ค่าเช่าที่สำหรับการพัฒนาที่อยู่อาศัยของแรงงาน พื้นที่ปลูกต้นไม้ และพื้นที่สาธารณะ ตลอดจนได้รับการยกเว้นภาษีการนำเข้าวัตถุดิบ เมล็ดพันธุ์พืช พันธุ์ปศุสัตว์ และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานในระยะเวลา 5 ปีนับตั้งแต่เริ่มโครงการ
ที่มา หนังสือพิมพ์ The Saigon Times Daily วันที่ 21 มิถุนายน 2561 หน้า 1
4. บริษัท KIDO Foods เตรียมเข้าตลาดหุ้นนครโฮจิมินห์ภายในปีนี้
คณะกรรมการผู้บริหารบริษัท KIDO Foods กล่าวในการประชุมประจำปี 2561 ว่า บริษัทเตรียมนำหุ้นทั้งหมดในตลาดหุ้น Unlisted Public Companies (UPCoM) เข้าสู่ตลาดหุ้นนครโฮจิมินห์ (Ho Chi Minh Exchange Stock; HOSE) ในช่วงระหว่างเดือนตุลาคม 2561 – เมษายน 2562
จากการสำรวจของบริษัท Euromonitor International บริษัทฯ เป็นผู้ผลิตไอศครีมรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม มีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 38.1 ในปี 2559 เป็นร้อยละ 40.2 ในปี 2560 โดยธุรกิจผลิตไอศครีมของบริษัทมีอัตราการเติบโตต่อปีร้อยละ 15.7 มากกว่าอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ยของอุตสาหกรรมไอศครีมทั่วประเทศที่เติบโตร้อยละ 14.7 นอกจากนั้น ในปี 2560 บริษัทฯ มีรายได้ 1,493 พันล้านด่ง (ประมาณ 65 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.9 มีกำไรก่อนหักภาษีจำนวน 174 พันล้านด่ง (ประมาณ 7.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)และมีกำไรหลังหักภาษีจำนวน 152 พันล้านด่ง (ประมาณ 6.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.7 เมื่อเทียบกับปี 2559
บริษัทมีเครือข่ายและช่องทางการขายผลิตภัณฑ์กว่า 70,000 ร้านค้า ซึ่งผลิตภัณฑ์ของบริษัทมีตั้งแต่ไอศครีม จนถึงอาหารแช่แข็งประเภทต่างๆ ซึ่งในปีนี้ บริษัทจะเพิ่มผลิตภัณฑ์อาหารให้หลากหลายมากยิ่งขึ้น อาทิ เกี๊ยว และสปาเก็ตตี้ และมีแผนจะวิจัยและพัฒนาเครื่องดื่ม อาทิ น้ำนมข้าวโพดด้วย
คณะกรรมการบริหารบริษัทตั้งเป้าหมายว่า ในปี 2561 บริษัทฯ จะมีรายได้มากกว่า 1.7 ล้านล้านด่ง (ประมาณ 74 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และมีกำไรก่อนหักภาษีจำนวน 195 พันล้านด่ง (ประมาณ 8.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 และ 11.9 ตามลำดับเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า นอกจากนั้น ยังตั้งเป้าจ่ายเงินปันผลร้อยละ 14 หรือ 1,400 ด่ง/หุ้น ปัจจุบัน หุ้นของบริษัทฯ ในตลาดหุ้น UPCoM มีราคาต่ำกว่า 40,000 ด่ง/หุ้น ซึ่งต่ำกว่าราคาซื้อขายช่วงเริ่มต้น
ที่มา นิตยสาร Doanh Nhan Saigon เล่มที่ 493 วันที่ 20 – 26 มิถุนายน 2561 หน้า 7
อีเมลสถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์
ติดต่อทั่วไป
แผนกเศรษฐกิจ
แผนกกงสุล (หนังสือเดินทาง, นิติกรณ์และทะเบียนราษฎร์, บัตรประชาชน, การตรวจลงตราและรับรองเอกสาร)