ข่าวเด่นวันที่ 16 - 17 กรกฏาคม 2561

ข่าวเด่นวันที่ 16 - 17 กรกฏาคม 2561

วันที่นำเข้าข้อมูล 16 ก.ค. 2561

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 27 พ.ย. 2565

| 1,074 view

ข่าวเด่นวันที่ 16 - 17 กรกฎาคม 2561

1. รายได้ภาษีการนำเข้าส่งออกของนครโฮจิมินห์ลดลงในช่วงครึ่งปีแรก

จากรายงานในงานสัมมนาหัวข้อศักยภาพทางเศรษฐกิจในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2561 ของนครโฮจิมินห์เมื่อวันที่ 3 กรกฏาคม 2561 พบว่า นครโฮจิมินห์มีรายได้จากการเก็บภาษีในช่วงหกเดือนแรกของปีเป็นจำนวน 183.5 ล้านล้านด่ง (ประมาณ 7.986 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) คิดเป็นร้อยละ 48.7 ของเป้าหมายทั้งปี เพิ่มขึ้น ร้อยละ 8 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยในจำนวนนั้น ภาษีจากการผลิตและการดำเนินธุรกิจภายในนครเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.7 และภาษีจากการขายน้ำมันเพิ่มขึ้นร้อยละ 39 อย่างไรก็ดี รายได้ภาษีการนำเข้า-ส่งออกของนครโฮจิมินห์ในช่วงครึ่งปีแรกลดลงกว่าร้อยละ 4.8 เหลือเพียงแค่ 50.0 ล้านล้านด่ง (2.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) สาเหตุหลักมาจากปัญหาการจราจรบริเวณท่าเรือ Cat Lai

นาย Phan Thi Thang ผู้อำนวยการสำนักงานการคลังนครโฮจิมินห์ เปิดเผยว่า ค่าธรรมเนียมการใช้ที่ดินในนครลดลงประมาณร้อยละ 13 นอกจากนั้น สาเหตุหลักที่นครโฮจิมินห์มีรายได้ลดลงเนื่องจากการยกเว้นภาษีนำเข้ารถยนต์นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 และการที่ผู้นำเข้าน้ำมันหันไปใช้บริการและเสียภาษีที่ท่าเรืออื่นๆ เช่น ท่าเรือ Van Phong ที่จังหวัดคั้นห์หว่า หรือท่าเรือ Cai Mep-Thi Vai ที่จังหวัดบ่าเหรี่ยะ - หวุงเต่า ทำให้รายได้จากการเก็บภาษีเชื้อเพลิงของนครโฮจิมินห์ลดลง อีกทั้งปัญหาด้านการจราจรบริเวณยังท่าเรือยังคงเป็นข้อท้าทายที่สำคัญที่ควรได้รับการแก้ไขโดยด่วน

นาย Su Ngoc Anh ผู้อำนวยการสำนักงานการวางแผนและการลงทุน นครโฮจิมินห์ รายงานว่า ในช่วงหกเดือนแรกของปี 2561 GDP ของนครมีมูลค่าประมาณ 585.64 ล้านล้านด่ง (ประมาณ 25 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วประมาณร้อยละ 7.86 นอกจากนี้ ภาคบริการยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องในหลายสาขา อาทิ ธุรกิจการค้า ธุรกิจธนาคารและประกันภัย ธุรกิจท่องเที่ยว ธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศ ธุรกิจการคมนาคมและการขนส่ง ธุรกิจวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจการศึกษา และธุรกิจด้านสารธารณสุข

อย่างไรก็ดี นครโฮจิมินห์ก็ยังประสบปัญหาที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาและการเจริญเติบโตของนคร เช่น ปัญหาอุตสาหกรรมการผลิตที่มีชะลอตัว การขาดทุนในหลายภาคอุตสาหกรรม อุทกภัย การจราจร และด้านการละเมิดข้อกำหนดความปลอดภัยทางอาหาร โดยภาครัฐควรสนับสนุนการลงทุนในอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เร่งปรับปรุงโครงสร้างบริษัทรัฐวิสาหกิจ พัฒนาการท่องเที่ยวทางน้ำ ดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาลงทุนโครงการ Smart city เร่งพัฒนาพื้นที่ด้านตะวันออกของเมืองให้เป็นเขตเมืองใหม่ ออกนโยบายพิเศษเพื่อกระตุ้นการพัฒนาอุสาหกรรม จัดเตรียมพื้นที่สำหรับโครงการการเกษตรด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ตลอดจนทำขั้นตอนการจัดการขอสิทธิใช้ที่ดินให้ง่ายขึ้น

ที่มา หนังสือพิมพ์ The Saigon Times Daily วันที่ 4 กรกฏาคม 2561 หน้า 1

 

2. บริษัท Sojitz เข้าซื้อหุ้นร้อยละ 95.24 ของบริษัท Saigon Paper

บริษัท Sojitz บริษัทผลิตกระดาษชื่อดังสัญชาติญี่ปุ่นใช้เงินกว่า 91.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐเข้าซื้อหุ้นร้อยละ 95.24 ของบริษัท Saigon Paper บริษัทผลิตกระดาษชำระภายใต้แบรนด์ Bless You กระดาษที่ใช้ในห้องน้ำ และส่วนประกอบของกระดาษแข็ง โดยบริษัท Saigon Paper มีความสามารถในการผลิตกระดาษชำระที่ใช้ในครัวเรือนกว่าปีละ 40,000 ตัน และกระดาษที่ใช้ในอุตสาหกรรมกว่า 230,000 ตัน

ตัวแทนบริษัท Sojitz กล่าวว่า เนื่องด้วยความต้องการการใช้กระดาษแข็งที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาในกระบวนการผลิตทั้งอุตสาหกรรมสิ่งทอ และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของเวียดนาม การเติบโตของร้านค้าออนไลน์ ตลอดจนความต้องการใช้กระดาษชำระที่ใช้ในครัวเรือนมากขึ้น ทำให้บริษัท Sojitz ตัดสินใจเข้าซื้อหุ้นของบริษัท Saigon Paper โดยบริษัท Sojitz จะส่งผู้จัดการชาวญี่ปุ่น 6 คนเพื่อเร่งพัฒนาระบบบริหาร และระบบการเงินของบริษัท ตลอดจนจะพิจารณาลงทุนยกระดับโรงงานด้วย

นอกจากนั้น กรมการแข่งขันและคุ้มครองผู้บริโภค สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม ได้ชี้แจงกรณีมีผู้ร้องเรียนว่าการเข้าซื้อหุ้นดังกล่าวขัดต่อกฎหมาย และเป็นการครอบครองตลาดว่า จากการตรวจสอบของกรมฯ โดยความร่วมมือของกรมอุตสาหกรรม และสมาคมกระดาษเวียดนาม (Vietnam pulp and paper association) พบว่า การซื้อหุ้นดังกล่าวไม่ขัดต่อกฎหมายการแข่งขันปี 2547 เนื่องจาก ส่วนแบ่งทางการตลาดของทั้งสองบริษัทในตลาดกระดาษของเวียดนามในปี 2559 และ 2560 ต่างต่ำกว่าร้อยละ 30

บริษัท Saigon Paper ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2540 แต่ในช่วงที่ผ่านมาประสบปัญหาในการดำเนินงานและต้นทุน ทำให้ความสามารถในการแข่งขันลดลง

ที่มา สำนักข่าว VnExpress วันที่ 3 กรกฏาคม 2561

URL: https://kinhdoanh.vnexpress.net/tin-tuc/doanh-nghiep/dai-gia-nhat-chi-hon-91-trieu-usd-thau-tom-giay-sai-gon-3772228.html

 

3. ราคาค่าเช่าพื้นที่สำนักงานระดับ A ในนครโฮจิมินห์เพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 20

4

จากรายงานตลาดพื้นที่สำนักงานในนครโฮจิมินห์ของบริษัท CBRE สาขาเวียดนามชี้ให้เห็นว่า ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2561 ราคาค่าเช่าพื้นที่สำนักงานระดับ A ในนครโฮจิมินห์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว และเพิ่มขึ้นร้อยละ 17 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ในขณะที่ราคาค่าเช่าพื้นที่สำนักงานระดับ B ในนครโฮจิมินห์เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.3 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า สาเหตุมาจากการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วของนคร และการที่พื้นที่ที่ว่างอยู่มีจำนวนจำกัด โดยในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา พื้นที่สำนักงานให้เช่าระดับ A และ B ต่างมีจำนวนเพิ่มขึ้นต่ำกว่าร้อยละ 5

เมื่อนับถึงไตรมาสที่ 2 ของปี 2561 สำนักงานระดับ A ในนครโฮจิมินห์มีพื้นที่รวม 382,763 ตารางเมตร (ไม่เปลี่ยนแปลงจากไตรมาสที่แล้ว) ในขณะที่สำนักงานระดับ B มีพื้นที่ 814,330 ตารางเมตร (เพิ่มขึ้นเพียง 968 ตารางเมตร) และคาดการณ์ว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี 2561 พื้นที่สำนักงานระดับ B จะเพิ่มขึ้นประมาณ 9,000 ตารางเมตร จากโครงการ Thaco Building ในเขต 2 และโครงการ M Building ในเขต 7

นาย Dang Phuong Hang ผู้อำนวยการบริษัท CBRE สาขาเวียดนาม วิเคราะห์ว่า ราคาค่าเช่าพื้นที่สำนักงานระดับ A ในนครโฮจิมินห์จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึงปี 2562 - ต้นปี 2563

นอกจากนั้น บริษัท CBRE สาขาเวียดนาม ยังเปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2561 มีห้องคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่เพียง 6,947 ห้อง ลดลงกว่าร้อยละ 29 และมีผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียมในนคร โฮจิมินห์เพียง 6,109 ห้อง ลดลงกว่าร้อยละ 36 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า สาเหตุมาจากกรณีไฟไหม้คอนโดมิเนียม Carina ในช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และการปล่อยกู้ยากขึ้นของธนาคารในประเทศให้กับผู้ลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์

ที่มา สำนักข่าว Vnexpress วันที่ 4 กรกฏาคม 2561

URL: https://kinhdoanh.vnexpress.net/tin-tuc/bat-dong-san/gia-thue-van-phong-hang-a-tai-tp-hcm-tang-gan-20-3772704.html

 

4. บริษัท Trung Nam Solar Power JSC พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในจังหวัดนิงห์ถ่วน

บริษัท Trung Nam Solar Power JSC ในเครือบริษัท Trung Nam Group เริ่มพัฒนาโครงการโรงงานพลังงานแสงอาทิตย์เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2561 บนเนื้อที่กว่า 300 เฮคตาร์ในบริเวณหมู่บ้าน Bac Phong และหมู่บ้าน Loi Hai ในจังหวัดนิงห์ถ่วน มูลค่าการลงทุนกว่า 216.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีกำหนดการแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายน 2562 มีความสามารถในการผลิตไฟฟ้าได้ 204 MW และจะกลายเป็นโรงงานพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ตลอดจนจะเป็นโรงงานแห่งแรกในเวียดนามที่สามารถผลิตไฟฟ้าได้ทั้งจากแสงอาทิตย์และพลังลม 

โรงงานดังกล่าวสามารถจ่ายไฟฟ้าได้สูงสุดถึง 450 ล้าน kWh/ปี ครอบคลุมจังหวัดนิงห์ถ่วน และพื้นที่อื่นๆ ของประเทศได้ โดยแผงผลิตไฟฟ้าที่ติดตั้งในโรงงานนี้สามารถหมุนได้ 120 องศา และสามารถปรับเพื่อหลบเงาและรับแสงอาทิตย์ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งแผงผลิตไฟฟ้าดังกล่าวมีประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นร้อยละ 15-20

จากแผนการพัฒนาจังหวัดนิงห์ถ่วนจนถึงปี 2563 และวิสัยทัศน์ถึงปี 2573 จังหวัดนิงห์ถ่วนจะกลายเป็นศูนย์กลางพัฒนาพลังงานทางเลือกของประเทศเนื่องมาจากทรัพยากรลมและแสงแดดที่เหมาะสมต่อการพัฒนาพลังงานทางเลือก เนื่องจากจังหวัดมีจำนวนปริมาณแสงแดด 4.5 กิโลวัตต์/ตารางเมตร และมีเวลากลางวันที่นานกว่าปกติเฉลี่ย 7.5 ชั่วโมงต่อวัน

นอกจากนี้ ในวันที่ 6 กรกฏาคม 2561 คณะกรรมการประชาชนจังหวัดฟู้เอียน ยังได้ให้ใบอนุญาตการลงทุนแก่บริษัท Phu Khanh Solar เพื่อพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนพื้นที่กว่า 120 เฮกตาร์บริเวณตำบล Song Cau มูลค่าการลงทุนกว่า 2,480 พันล้านด่ง (ประมาณ 107 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยแบ่งเป็น 2 โครงการได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Xuan Tho 1 มูลค่าการลงทุน 1,247 พันล้านด่ง (ประมาณ 50.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Xuan Tho 2 มูลค่าการลงทุน 1,237 พันล้านด่ง (ประมาณ 50.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งทั้งสองโครงการมีความสามารถในการผลิตไฟฟ้าได้ 49.6 MW และจ่ายไฟฟ้าได้ 76.2 ล้าน kWh/ปี

ที่มา หนังสือพิมพ์ The Saigon Times Daily วันที่ 10 กรกฏาคม 2561 หน้า 2