ข่าวเด่นวันที่ 31 กรกฎาคม 2561

ข่าวเด่นวันที่ 31 กรกฎาคม 2561

วันที่นำเข้าข้อมูล 31 ก.ค. 2561

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 29 พ.ย. 2565

| 1,060 view

ข่าวเด่นวันที่ 31 กรกฎาคม 2561

1. การทำการเกษตรด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงในเวียดนามควรจะคำนึงถึงสภาพตลาด

งานสัมมนาเทคโนโลยีขั้นสูงกับการเกษตรในบริเวณภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงในวันที่ 13 กรกฏาคม 2561 ณ นครเกิ่นเทอมีสาระสำคัญว่า ปัจจุบัน เกิดกระแสการลงทุนที่ใช้เทคโนโลยีทางการเกษตรขั้นสูงในบริเวณภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง อย่างไรก็ดี ผู้ลงทุนหรือเกษตรกรควรจะปรับตัวเข้ากับตลาดและศึกษาความต้องการของตลาดที่แท้จริง

ผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตรหลายคนเห็นพ้องว่า การทำการเกษตรโดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูงสามารถเพิ่มปริมาณและคุณภาพของผลผลิต ลดค่าใช้จ่าย แบ่งเบากำลังแรงงาน และลดผลเสียที่เกิดต่อสิ่งแวดล้อมระหว่างทำการเกษตร แต่ผลิตภัณฑ์ต่างๆ อาจจะไม่มีค่าหากไม่สามารถตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภค ดังนั้น นักลงทุนควรคำนึงถึงความต้องการตลาดและรสนิยมของผู้บริโภคด้วย

นาย Tran Minh Hai ผู้อำนวยการฝ่ายฝึกสอนเศรษฐกิจสหกรณ์และศูนย์ให้คำแนะนำที่สถาบันการจัดการเพื่อการเกษตรและการพัฒนาชนบทหมายเลข 2กล่าวว่า ประเทศที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการทำเกษตรกรรมมักพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ หลังจากที่ได้ศึกษาความต้องการของตลาดแล้ว เช่นบริษัทญี่ปุ่นรายหนึ่งปลูกข้าวในที่นาขนาดกว่า 300 เฮกตาร์โดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในจังหวัดลองอานเพื่อส่งออกไปยังตลาดยุโรป แทนที่จะเป็นตลาดญี่ปุ่น เนื่องจากมีโอกาสขายได้มากกว่า

นาย Dan Kim Khoi จากสถาบันนโยบายและแผนการเพื่อการเกษตรและการพัฒนาชนบท กล่าวเสริมว่า ปกติประเทศอื่นๆ มักจะใช้เทคโนโลยีเพื่อคาดการณ์แนวโน้มตลาด โดยจะกลุ่มเป้าหมายแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม ได้แก่ตลาดภายในประเทศและตลาดต่างประเทศ และแบ่งเป็นระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ซึ่งถ้าหากเวียดนามสามารถใช้เทคโนโลยีเพื่อคาดการณ์ตลาด จากนั้นเชื่อมต่อข้อมูลที่ได้กับข้อมูลเกษตรกรทั่วประเทศ ประเทศเวียดนามจะสามารถมีระบบข้อมูลที่ครอบคลุมและสามารถเข้าถึงได้ง่าย ซึ่งจะทำให้ง่ายต่อการจัดแบ่งกลุ่มเป้าหมาย ตลอดจนยกระดับสิ่งอำนวยความสะดวกและโครงสร้างพื้นฐาน

ที่มา หนังสือพิมพ์ The Saigon Times Daily วันที่ 16 ก.ค. 61 หน้า 1

 

2. บ่าเหรี่ยะ-หวุงเต่าเรียกร้องให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในโครงการพัฒนาการท่องเที่ยว

นาย Nguyen Hong Linh เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จังหวัดบาเหรี่ยะ-หวุงเต่าได้กล่าวในงานสัมมนาส่งเสริมการลงทุนในจังหวัดบ่าเหรี่ยะหวุงเต่า ซึ่งจัดขึ้นโดยคณะกรรมการประชาชนจังหวัดบ่าเหรี่ยะ-หวุงเต่า ร่วมกับหนังสือพิมพ์ Thanh Nien เมื่อวันที่ 12 กรกฏาคม 2561 ว่า ปัจจุบัน จังหวัดกำลังเรียกร้องให้นักลงทุนเข้ามาพัฒนาโครงการศูนย์กลางการท่องเที่ยว (tourism complex) จำนวน 6 แห่งในจังหวัด และจังหวัดมีเป้าหมายพัฒนาการท่องเที่ยว 4 ด้านหลัก ได้แก่ (1) การท่องเที่ยวสถานที่พักตากอากาศริมทะเล (seaside resort tourism) (2) การท่องเที่ยวเพื่อจัดการประชุม ตอบแทนพนักงาน การสัมมนา และการจัดงานอื่น ๆ (meetings, incentives, conference, and events tourism: MICE) (3) การท่องเที่ยวเชิงนิเวศแบบมีคุณภาพสูง (high-quality eco-tourism) และ (4) การท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณ (spiritual tourism)

จังหวัดบาเหรี่ยะ-หวุงเต่าจะพัฒนาพื้นที่เพื่อการท่องเที่ยวเชิงพาณิชย์ การท่องเที่ยวแบบ MICE สถานที่พักตากอากาศและสวนสนุกบนพื้นที่กว่า 1,600 เฮกตาร์บริเวณริมทะเล นอกจากนี้ บริเวณ Long Hai-Phuoc Hai ขนาด 1,100 เฮคตาร์จะกลายเป็นที่ตั้งของสถานที่พักตากอากาศระดับหรู ศูนย์กีฬาทางน้ำและภูเขา รวมทั้งหมู่บ้านช่างฝีมือ (craft village) ส่วนพื้นที่ 3,000 เฮคตาร์บริเวณ Ba ria-Nui Dinh จะใช้พัฒนาการท่องเที่ยวด้านการเกษตรที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง

นักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ สถานที่พักตากอากาศริมทะเล สวนสนุก และสวนสัตว์ซาฟารีขนาด 600 เฮกตาร์ได้ที่ศูนย์กลางการท่องเที่ยว Ho Tram-Binh Chau ซึ่งมีพื้นที่กว่า 6,000 เฮกตาร์

นอกจากนั้น สำหรับการท่องเที่ยวทางน้ำ จังหวัดจะพัฒนาการท่องเที่ยวบนเกาะ Con Dao เพื่อรองรับการท่องเที่ยวทางน้ำ การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ และการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ โดยจะประกอบไปด้วยโครงการการท่องเที่ยวริมแม่น้ำ การท่องเที่ยวป่าชายเลนริมแม่น้ำ Dinh แม่น้ำ Cai และแม่น้ำ Cai Mep - Thi Vai ตลอดจนพัฒนาเส้นทางน้ำระหว่างอำเภอเมืองหวุงเต่า กับเขต Can Gio ในนครโฮจิมินห์

นาย Linh กล่าวปิดท้ายกว่า จังหวัดบ่าเหรี่ยะ-หวุงเต่าจะเร่งสร้างบรรยากาศการลงทุนที่เป็นธรรม และจะกำจัดอุปสรรคที่ขัดขวางการพัฒนาของจังหวัดให้กลายเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพของเวียดนาม

นาย Trinh Hang ผู้อำนวยการสำนักงารการท่องเที่ยวประจำจังหวัดบาเหรี่ยะ-หวุงเต่า กล่าวว่า จังหวัดมุ่งที่จะปรับปรุงบรรยากาศการลงทุนให้ดีขึ้น และลดเวลาอนุมัติโครงการการลงทุนให้สั้นลงจาก 35 วันเป็น 5 ถึง 10 วัน อีกทั้ง จังหวัดจะออกการประมูลพิเศษเพื่อหานักลงทุนสำหรับที่ดินที่มีมูลค่าเชิงพาณิชย์สูง และให้สิทธิพิเศษแก่นักลงทุนเพื่อกระตุ้นการพัฒนาด้านการท่องเที่ยว

นอกจากนั้น บริษัทที่ลงทุนในโครงการท่องเที่ยวในอำเภอ Chau Duc และอำเภอ Xuyen Moc จะได้รับสิทธิพิเศษด้านการลงทุน และสามารถขอลดภาษีรายได้นิติบุคคลและภาษีที่ดินได้ โดยสำนักงานการท่องเที่ยวเสนอแก่จังหวัดให้รีบยึดที่ดินในอำเภอเมืองหวุงเต่าและอำเภอ Xuyen Moc จากนักลงทุน ในกรณีที่โครงการลงทุนดังกล่าวดำเนินการล่าช้ากว่ากำหนด ยกเว้นโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงแรมและโครงการร้านอาหาร

จากข้อมูลของสำนักงานการท่องเที่ยว ในปัจจุบันจังหวัดบาเหรี่ยะ-หวุงเต่ามีโครงการลงทุนด้านการท่องเที่ยว 128 โครงการรวมทุนทั้งหมด 10.64 พันล้านดอลลาร์ ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในอำเภอเมืองหวุงเต่า อำเภอ Xuyen Moc อำเภอ Dat Do อำเภอ Long Dien และอำเภอ Con Dao

ในช่วงครึ่งปีแรก จังหวัดมีรายได้จากการท่องเที่ยวประเภทค้างคืนกว่า 4.55 ล้านล้านด่ง (197 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้นมาร้อยละ 12.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และมีรายได้จากการท่องเที่ยวแบบไม่ค้างคืนมูลค่า 1 ล้านล้านด่ง (43 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) สูงขึ้นร้อยละ 13.8 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

ที่มา หนังสือพิมพ์ Thanh Nien วันที่ 11 ก.ค. 61

URL: https://thanhnien.vn/doi-song/ba-ria-vung-tau-to-chuc-hoi-nghi-day-manh-phat-trien-du-lich-982153.html

 

3. จังหวัดกว๋างนามต้องการให้บริษัทนำเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ เข้ามาพัฒนาบริการการท่องเที่ยวในบริเวณปราสาทหินหมีเซิน

นาย Ho Tan Cuong รองผู้อำนวยการกรมวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยวประจำจังหวัดกว๋างนามกล่าวว่า กรรมการบริหารมรดกทางวัฒนธรรมหมีเซิน (management board of My Son Cultural Heritage) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องการให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนโครงการการท่องเที่ยวในบริเวณพื้นที่มรดกโลกปราสาทหินหมีเซิน

นาย Cuong ต้องการให้นักลงทุนพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกและโครงสร้างพื้นฐานด้านบริเวณปราสาทหินหมีเซิน เพื่อสร้างความสะดวกสบายให้กับนักท่องเที่ยวที่ต้องการค้างแรมบริเวณดังกล่าวให้สามารถใช้เวลาที่หมีเซินได้มากขึ้น โดยในปัจจุบัน บริเวณปราสาทหินหมีเซินยังขาดสิ่งอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวและระบบขนส่งที่ดี จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวไม่มากนัก

นาย Tran Luc รองกรรมการบริษัท Saigontourist สาขานครดานัง  กล่าวว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติที่บริษัทได้ให้บริการเดินทางไปยังปราสาทหินหมีเซินมีจำนวนเพิ่มขึ้น และนักท่องเที่ยวต่างชาติหลายคนต้องการพักแรมในบริเวณปราสาทหินหมีเซิน แต่ไม่สามารถทำได้เนื่องจากในบริเวณปราสาทหินหมีเซินไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวที่เพียงพอ

จากการรวบรวมข้อมูลด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดกว๋างนามชี้ให้เห็นว่า นักท่องเที่ยวที่เดินทางเยือนปราสาทหินหมีเซินมีจำนวนคงที่ โดยในปีนี้ คาดการณ์ว่า จะมีนักท่องเที่ยวจำนวน 350,000 คนเดินทางมายังปราสาทหินหมีเซินในปี 2561 ซึ่งเป็นจำนวนที่เท่ากับปี 2560  ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2561 นักท่องเที่ยวเดินทางมายังปราสาทหมีเซินกว่า 240,000 คน ซึ่งเป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ปราสาทหินหมีเซินเป็นโบราณสถานที่สร้างโดยอาณาจักรจามปาประมาณศตวรรษที่ 4 ถึง 13 ประกอบไปด้วยวัดฮินดูกว่า 70 แห่งและได้รับยกย่องให้เป็นมรดกโลกในปี 2542 โดยผู้เชี่ยวชาญได้คนพบโบราณวัตถุจากวัฒนธรรมจามปากว่า 275 ชิ้นในบริเวณนี้

ที่มา หนังสือพิมพ์ The Saigon Times Daily วันที่ 16 ก.ค. 61 หน้า 1

 

4. นครโฮจิมินห์ติดอันดับ 3 สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากที่สุดในทวีปเอเชีย

นิตยสารการท่องเที่ยว Lonely Planet ได้จัดอันดับให้นครโฮจิมินห์อยู่ในอันดับที่ 3 ของสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากที่สุดในทวีปเอเชีย

จากสถิติของสำนักงานการท่องเที่ยวนครโฮจิมินห์ นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันมีนักท่องต่างชาติเที่ยวเดินทางมานครโฮจิมินห์กว่า 4 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 27 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า และมีรายได้จากการท่องเที่ยวกว่า 62,600 พันล้านด่ง (ประมาณ 2.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยนักท่องเที่ยวต่างประเทศส่วนใหญ่ใช้เวลาเฉลี่ย 5.21 วัน (ร้อยละ 48 ใช้เวลา 4 – 7 วัน และร้อยละ 40 ใช้ระยะเวลา 8 – 14 วัน) ค่าใช้จ่ายต่อหัวเฉลี่ย 3.3 ล้านด่ง (ประมาณ 145 ดอลลาร์สหรัฐ) และนักท่องเที่ยวภายในประเทศใช้เวลาเฉลี่ย 3.6 วัน (ร้อยละ 61 ใช้เวลา 1 – 3 วัน และร้อยละ 31.1 ใช้เวลา 4 – 7 วัน) และใช้จ่ายต่อหัวเฉลี่ย 1.58 ล้านด่ง

ในช่วงระยะเวลาอันใกล้นี้ ภาคการท่องเที่ยวนครโฮจิมินห์จะเร่งส่งเสริมการท่องเที่ยว และเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์จากการท่องเที่ยวที่เหมาะสมต่อไป

ที่มา หนังสือพิมพ์ Saigon Giai Phong วันที่ 20 ก.ค. 61

URL: http://www.sggp.org.vn/tphcm-lot-vao-top-3-diem-den-hap-dan-tai-chau-a-533879.html