วันที่นำเข้าข้อมูล 24 ต.ค. 2561
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 29 พ.ย. 2565
แผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของจังหวัดด่งนายมีมูลค่า 55,00 ล้านด่ง
จังหวัดด่งนายได้วางแผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานปี 2561-2563 โดยสื่อท้องถิ่นรายงานว่าจะมีการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมขนส่งมีมูลค่าประมาณ 55,000 ล้านล้านด่ง (1.49 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อเชื่อมโยงกับจังหวัดอื่นๆ ในเขตเศรษฐกิจสำคัญของภาคใต้มีโครงการสำคัญๆ ได้แก่โครงการพัฒนาทางด่วน Ben Luc-Long Thanh โครงการพัฒนาทางด่วน Dau Giay-Phan Thiet โครงการพัฒนาทางด่วน DauGiay-Da Lat และโครงการพัฒนาถนนวงแหวนหมายเลข 3
คณะกรรมการประชาชนจังหวัดด่งนายรายงานว่าได้ดำเนินงานร่วมกับรัฐบาลกลางและหน่วยงานของรัฐ เพื่อก่อสร้างทางด่วน Bien Hoa-Vung Tau และรถไฟใต้ดิน Bien Hoa-นครโฮจิมินห์ จังหวัดด่งนายได้ระดมทุนเพื่อสร้างถนน 25B ถนน Nhon Trach เลขที่ 768 และเลขที่ 319 เชื่อมโยงกับทางด่วน Long Thanh-Dau Giay ถนนไปยังท่าเรือ Phuoc An และยังเตรียมปรับปรุงถนน Nguyen Tri Phuong ถนน D9T768 และสะพาน Da Kaiบริเวณระหว่างจังหวัดด่งนายและจังหวัดบิ่นห์ถ่วน
นอกจากนี้ จังหวัดจะลงทุนเชื่อมโยงถนนอื่นๆ เช่น ถนนเชื่อมโยงกับท่าเรือ เชื่อมทางหลวงหมายเลข 51 ไปยังศูนย์กลางเขต Nhon Trach และเพิ่มถนนริมแม่น้ำที่เขต Cai Lay ในเมือง Bien Hoa ไปยังสะพาน An Hao และก่อสร้างปรับปรุงท่าเรือ Phuoc An ท่าเรือ Go Dau คลังสินค้า ศูนย์กลางโลจิสติกส์และเตรียมพร้อมสำหรับการก่อสร้างสนามบินนานาชาติ Long Thanh
ที่มา : Saigon Timesวันที่ 27 กันยายน 2561
Url.https://english.thesaigontimes.vn/62983/Dong%20Nai%20plans%20VND55%20trillion%20for%20infrastructure%20development
ราคาเนื้อสุกรปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากการระงับการนำเข้าจากต่างประเทศ
ตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2561 กระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบทได้ระงับการนำเข้าเนื้อสุกรจากประเทศฮังการีและประเทศโปแลนด์ชั่วคราว ส่งผลให้ราคาสุกรในตลาดมีราคาอยู่ที่ 73,000 ด่ง (ประมาณ 3.12 ดอลลาร์สหรัฐ) ต่อกิโลกรัมเพิ่มขึ้นจากในช่วงปลายเดือนสิงหาคม 68,000-70,000 ด่ง (ประมาณ 2.90-2.99 ดอลลาร์สหรัฐ) เนื่องจากมีคำเตือนจากองค์การอนามัยโลกว่าเนื้อสุกรนำเข้าจากประเทศดังกล่าวมีสารปนเปื้อน
คาดการณ์ว่าราคาเนื้อสุกรจะมีราคาเพิ่มขึ้นร้อยละ 5-7 พร้อมระบุว่าเนื้อสุกรนำเข้าจากโปแลนด์มีราคาต่ำกว่าประเทศอื่นและส่วนใหญ่จำหน่ายให้กับร้านอาหารพ่อค้าปลีกในเวียดนามกล่าวว่าการขึ้นราคาสุกรทำให้เนื้อสุกรโดยเฉพาะกระดูกซี่โครงมีราคาเพิ่มขึ้นซ้ำเป็นผลจากการขาดแคลนสุกรทำให้ราคาจำหน่ายปลีกเนื้อสุกรจะอยู่ที่ 83,000 ด่ง (ประมาณ 3.54 ดอลลาร์สหรัฐ) ต่อกิโลกรัม ส่วนซี่โครงสุกรมีราคา 130,000 ด่ง (ประมาณ 5.55 ดอลลาร์สหรัฐ) ต่อกิโลกรัม ซี่โครงสุกรบาบีคิวที่นำเข้ามาจากโปแลนด์ สเปน เยอรมันและสหรัฐอเมริกาได้จำหน่ายหมดตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2561 ทั้งนี้ เนื้อสุกรที่บริโภคในนครดานังมีจำนวน 40,000 ตัน คิดเป็นร้อยละ 80 ของเนื้อสุกรในตลาดและเป็นเนื้อสุกรที่นำเข้าจังหวัดบิ่งห์ดิ่งห์คิดเป็นร้อยละ 40
กระทรวงการเกษตรและการพัฒนาชนบทนครดานังกล่าวว่า ปัจจุบันเนื้อสุกรต่อกิโลกรัมมีราคาเพิ่มขึ้นจาก 50,000 ด่ง (ประมาณ 2.13 ดอลลาร์สหรัฐ) เป็น 53,000 ด่ง (ประมาณ 2.26 ดอลลาร์สหรัฐ) ต่อกิโลกรัม คิดเป็นร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งราคาต่ำสุดอยู่ที่ 18,000-22,000 ด่ง (ประมาณ 0.77- 0.94 ดอลลาร์สหรัฐ) ต่อกิโลกรัม
นาย Nguyen Do Tam รองผู้อำนวยการกรมการเกษตรและพัฒนาชนบทของนครดานังได้ย้ำถึงความจำเป็นในการรณรงค์เพื่อสร้างความตระหนักถึงความปลอดภัยของอาหารและการป้องกันโรคระบาดให้กับผู้บริโภค นอกจากนี้ยังให้ข้อมูลเกี่ยวกับราคารูปแบบการผลิตเพื่อช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเลือกบริโภคผลิตภัณฑ์ที่สะอาดและปลอดภัย
ในขณะเดียวกัน นาย Phan Van Kha ผู้อำนวยการกรมอุตสาหกรรมและการค้าในนครดานัง กล่าวว่าราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและเนื้อสุกรในตลาดยังคงไม่เปลี่ยนแปลง โดยมีราคาเนื้อสุกรตั้งแต่ 90,000-130,000 ด่ง (ประมาณ 3.84-5.55 ดอลลาร์สหรัฐ) ต่อกิโลกรัม และปลายปี 2561 นครดานังจะลงนามในข้อตกลงความร่วมมือกับจังหวัดบิ่งห์ดิ่งห์เพื่อพัฒนาเนื้อสุกรปลอดภัย
ที่มา: Saigon Times วันที่ 25 กันยายน 2561
Url. https://english.thesaigontimes.vn/62952/pork-and-live-pig-prices-edge-up.html
กลุ่มเซ็นทรัลเวียดนามส่งเสริมสินค้าการเกษตรจังหวัดเตี่ยนยางไปจำหน่ายในประเทศไทย
นาย Le Van Huong ประธานคณะกรรมการประชาชนจังหวัดเตี่ยนยางได้เสนอให้กลุ่มเซ็นทรัลเวียดนาม (CentralGroup Vietnam: CGVN) ส่งเสริมการซื้อและการบริโภคสินค้าเกษตรของจังหวัดซึ่งกลุ่ม CGVN เป็นผู้ลงทุนและพัฒนา Big C Go (ซุปเปอร์มาร์เก็ทขนาดเล็กภายใต้ Big C) และมีกำหนดเปิดในเดือนพฤศจิกายน 2561 ที่เมือง My Pho จังหวัดเตี่ยนยาง
ในที่ประชุมหารือระหว่างกลุ่ม CGVN และหน่วยงานของจังหวัดเตี่ยนยางเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2561 ประธานคณะกรรมการฯ ได้กล่าวว่าทางจังหวัดเน้นการส่งเสริมสินค้าเกษตรซึ่งส่วนใหญ่เป็นข้าว ผลไม้ และอาหารทะเล ในขณะที่กลุ่ม CGVN กล่าวว่าเน้นถึงคุณภาพของสินค้าและมาตรฐานการผลิต ทั้งนี้ การซื้อสินค้าการเกษตรจำนวนมากในนครโฮจิมินห์ จะช่วยผลักดันราคาสินค้าในจังหวัดอื่นในขณะเดียวกันถ้าผลผลิตทางการเกษตรมีราคาต่ำเกษตรกรต้องเผชิญกับความกดดันด้านราคาซึ่งการซื้อสินค้าการเกษตรของกลุ่ม CGVN จะช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าว อย่างไรก็ตาม นาย Philippe Broianigo ผู้อำนวยการทั่วไปกลุ่ม CGVN กล่าวว่า บริษัทได้เปลี่ยนกลยุทธ์มาซื้อสินค้าจากท้องถิ่นได้ประมาณสองปีแล้ว แทนการซื้อสินค้าจากนครโฮจิมินห์เพียงที่เดียวส่งผลให้ยอดขายสินค้าในกลุ่มซุปเปอร์มาเก็ตเครือข่าย CGVN เพิ่มขึ้นร้อยละ 50
รายงานทางเศรษฐกิจของจังหวัดจังหวัดเตี่ยนยางแสดงให้เห็นว่าการขนส่งทางการเกษตรและการประมงในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ขยายตัวร้อยละ 3.7 ยอดขายผลไม้เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.6 การส่งออกสัตว์ปีกเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 และยอดขายสินค้าอาหารทะเลเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.2 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
ที่มา : The Saigon Times วันที่ 27 กันยายน 2561
URL :https://english.thesaigontimes.vn/63024/tien-giang-expects-central-group-to-consume-farm-produce.html
จังหวัดบิ่นห์ถ่วนเริ่มดำเนินโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่
บริษัทการไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บิ่นห์ถ่วนหรือบริษัท B-Solar Power JSC กำลังพัฒนาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีกำลังการผลิตรวมเกือบ 40 เมกกะวัตต์ในเขต Song Luy โครงการดังกล่าวมีมูลค่า 998 พันล้านด่ง (ประมาณ 4.2 แสนดอลลาร์สหรัฐ) มีกำหนดแล้วเสร็จในเดือนเมษายนปี 2562
โครงการดังกล่าวเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งที่ 2 ทางตอนใต้และตอนกลางของจังหวัดครอบคลุมพื้นที่ 45.5 เฮกตาร์ ประกอบด้วยแผงเซลล์แสงอาทิตย์ 130,000 ชุด และหม้อแปลงเสริมกำลังไฟฟ้า 22-110 กิโลโวลต์ (kV) และใช้เทคโนโลยีขั้นสูงของบริษัท Mono PERC โดยโครงการได้ดำเนินการเชื่อมต่อกับระบบการจ่ายไฟฟ้าแห่งชาติเวียดนามผ่านสาย 110 kV ยาว 66 เมตร คาดว่าจะผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 80 ล้านกิโลวัตต์/ชั่วโมง การออกแบบและอุปกรณ์ของโครงการมาจากบริษัทชั้นนำของโลก เช่น บริษัทที่ปรึกษาด้านโครงการ Sigma Energy จากสเปน บริษัทที่ปรึกษาด้านการตรวจสอบ Tractebel จากเบลเยียม บริษัท TMEIC จากญี่ปุ่น และ JA Solar จากจีนผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานกล่าวว่า จังหวัดบิ่นห์ถ่วนมีข้อได้เปรียบหลายประการในการพัฒนาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ คือที่ตั้งอยู่ในเขตร้อนชื้นและมีช่วงแสงแดดที่ยาวนานถึง 2,700 ชั่วโมงต่อปี
ล่าสุดนายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบมติที่ 11/2554 / QD-TTg เกี่ยวกับการให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีและที่ดินเพื่อส่งเสริมการพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์ ส่งผลให้การลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ตั้งแต่เดือนเมษายน 2560มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น โดยกลุ่มบริษัทไฟฟ้าเวียดนาม (EVN) เป็นผู้ซื้อกระแสไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งหมดในราคาที่กำหนด
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่สำคัญของนักลงทุน คือ ต้องเร่งดำเนินก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2562 จึงจะสามารถขายไฟฟ้าให้กับกลุ่มบริษัทไฟฟ้าเวียดนาม (EVN) ได้ที่ อัตรา 9.35 เซนต์/กิโลวัตต์ชั่วโมงภายใต้สัญญาซื้อ-ขายพลังงาน (PPA) 20 ปี ซึ่งราคารับซื้อที่เสนออาจปรับลดลงหลังจากพ้นกำหนดดังกล่าวทั้งนี้จำนวนโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ทั่วประเทศที่ยังรอการอนุมัติจะมีกำลังการผลิตรวมทั้งสิ้นกว่า 12,000 เมกะวัตต์ โดยส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในจังหวัดนินห์ถ่วนและจังหวัดบิ่นห์ถ่วน
ที่มา : The Saigon Times วันที่ 24 กันยายน 2561
URL: https://english.thesaigontimes.vn/62921/Binh%20Thuan%20starts%20work%20on%20major%20solar%20power%20project
อนุมัติโครงการท่าเทียบเรือตู้สินค้า Cai Mep Ha ในจังหวัดบ่าเหรียะ-หวุงเต่า
นาย Trinh Dinh Dung รองนายกรัฐมนตรีได้อนุมัติโครงการท่าเทียบเรือตู้สินค้า Cai Mep Ha และท่าเรือเมือง Phu My จังหวัดบ่าเหรียะ-หวุงเต่าโดยคณะกรรมการประชาชนจังหวัดบ่าเหรียะ-หวุงเต่าได้เลือกให้บริษัท Hanoi Export-Import Corporation เป็นควบคุมผู้ดูแลและดำเนินการสร้างศูนย์โลจิสติกส์ Cai Mep Ha เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของจังหวัดทางตอนใต้ของประเทศเวียดนาม
สำหรับโครงการ General Cargo Cai Mep Ha และโครงการ Container Terminal คาดว่าจะเป็นการทำงานร่วมกันของ บริษัท Cai Mep Ha Geleximco และ Vung Tau Shipbuilding and Oil Gas Services JSC ซึ่งเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ในโครงการนอกจากนี้รองนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้คณะกรรมการประชาชนฯให้คำแนะนำแก่รัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาโครงการให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์เรื่องการใช้ที่ดิน การเวนคืนที่ดินและการย้ายชุมชนออกจากพื้นที่
นาย Nguyen Xuan Phuc นายกรัฐมนตรีเวียดนาม กล่าวในการประชุมโครงการลงทุนที่เมือง Lach Huyen และนครไฮฟองว่าแผนปรับโครงสร้างท่าเรือ Lach Huyen ระหว่างประเทศจะดึงดูดการลงทุนในประเทศและต่างประเทศเพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันเร่ง/การนำเข้าและส่งออกและพัฒนาท่าเรือและท่าเทียบเรือตู้สินค้ารวมถึงกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรให้การสนับสนุนแก่บริษัทในประเทศที่ลงทุนและบริหารท่าเรือและบริการโลจิสติกอีกทั้งควรสร้างเงื่อนไขพิเศษต่อการร่วมทุนพัฒนาท่าเทียบเรือและบริการที่เกี่ยวข้องในขณะเดียวกันกระทรวงคมนาคมได้ทำงานร่วมกับคณะกรรมการประชาชนนครไฮฟองดำเนินการวิจัยและปรับแผนโครงการฉบับที่ 3 และฉบับที่ 4 ในการปรับปรุงท่าเรือ Hoang Dieu และท่าเรือระหว่างประเทศ Lach Huyen เพื่อให้สามารถเชื่อมต่อระบบขนส่งกับภูมิภาคอื่นๆ สะดวกขึ้น รวมถึงขนส่งได้หลายรูปแบบและสามารถรองรับเรือขนาดใหญ่ขึ้น
ที่มา : The Saigon Times วันที่ 26 กันยายน 2561
URL :https://english.thesaigontimes.vn/62981/cai-mep-ha-container-seaport-projects-approved.html
การใช้เทคโนโลยีแปรรูปสินค้าในเวียดนามยังอยู่ในระดับกลาง
เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2561 นาย Nguyen QuocToanรักษาการผู้อำนวยการด้านการแปรรูปการเกษตรและการพัฒนาตลาดกระทรวงการเกษตรและพัฒนาชนบท กล่าวในที่ประชุมการส่งเสริมเทคโนโลยีแปรรูปสินค้าการเกษตร ประมงและป่าไม้ เพื่อปรับปรุงโครงสร้างอุตสาหกรรมการเกษตรในเวียดนามใต้ซึ่งจัดขึ้นที่จังหวัดเตี่ยนยางว่า เวียดนามเป็นประเทศหนึ่งที่มีชื่อเสียงด้านการผลิตสินค้าการเกษตรที่ใหญ่ที่สุด แต่เกษตรกรชาวเวียดนามยังคงเข้าถึงการใช้เทคโนโลยีทางการผลิตในระดับกลางเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ
นาย Toanระบุว่า เวียดนามมีผลผลิตประเภทผัก 25 ล้านตันต่อปี แต่มีโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปของรัฐ เพียง 150 แห่งมีกำลังการผลิตรวมทั้งสิ้นประมาณ 1 ล้านตันต่อปี ในปี 2560 เวียดนามผลิตอาหารทะเลได้ถึง 7 ตัน แต่ผลิตอาหารทะเลแปรรูปได้เพียง 4.5 ตัน เช่นเดียวกับภาคอุตสาหกรรมการแปรรูปกาแฟ ไม้ ยาง และนม ที่ยังไม่สามารถผลิตสินค้าให้ตอบสนองความต้องการของตลาดได้
นาย Tran Thanh Nam รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการเกษตรและพัฒนาชนบทกล่าวว่าในกระบวนการของการผลิต แปรรูป และบริโภคโดยรวมภาครัฐได้กำหนดมาตรฐานสำหรับขั้นตอนของการผลิตเท่านั้นซึ่งเวียดนามจำเป็นต้องกำหนดยุทธศาสตร์ที่มีประสิทธิภาพและหาทางแก้ไขข้อบกพร่องเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการแปรรูปโดยเร็ว เนื่องจากขั้นตอนการแปรรูปมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มคุณภาพและมูลค่าให้กับผลผลิตของฟาร์ม
นอกจากนี้ นาย Toanกล่าวว่า เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการแปรรูปข้าวกุ้งปลาและเม็ดมะม่วงหิมพานต์ในเวียดนามมีมาตรฐานเทียบเท่าสากล เช่นอุตสาหกรรมข้าวมีโรงงานแปรรูปข้าวสารขนาดใหญ่กว่า 580 แห่งทั่วประเทศมีกำลังการผลิตประมาณ 10 ตันต่อปีซึ่งในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมการแปรรูปสินค้าการเกษตร ประมง และป่าไม้ ก้าวหน้าขึ้นและมีส่วนในการพัฒนาด้านการเกษตรเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ รวมทั้งระบบการแปรรูปและการเก็บรักษาผลผลิตของฟาร์มที่มีกำลังการผลิตถึง 100 ตันต่อปีปัจจุบันมีผู้ประกอบการที่สามารถผลิตสินค้าเพื่อการส่งออกได้กว่า 7,500 ราย นอกจากนี้นาย Tran Thanh Nam คาดการณ์ว่าในปี 2561 มูลค่าการส่งออกของสินค้าการเกษตร ประมง และป่าไม้ จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับมูลค่าการส่งออกของปี 2560 ที่มูลค่า844 ล้านล้านด่ง (ประมาณ3.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ)เป็น 931 ล้านล้านด่ง (ประมาณ 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ)
ที่มา The Saigon Time Daily วันที่ 20 ตุลาคม 2561
URL https://english.thesaigontimes.vn/63543/local-farm-produce-processing-technology-remains-average.html
นครดานังเตรียมจัดตั้งโครงการด้านสาธารณสุขจำนวน 5 แห่ง
นครดานังมีแผนจัดตั้งโครงการด้านสาธารณสุข จำนวน 5 โครงการ มีมูลค่ารวมประมาณ 1.74 ล้านล้านด่ง (75 ดอลลาร์ล้านสหรัฐ) ประกอบด้วย (1)การจัดตั้งศูนย์ปลูกถ่ายอวัยวะและเซลล์คาดว่าสามารถรองรับผู้ป่วยจำนวน 422 รายดร. Le DucNhan ผู้อำนวยการโรงพยาบาลดานัง กล่าวว่า โรงพยาบาลดานังได้หารือกับสมาคมแพทย์เวชศาสตร์ญี่ปุ่นเพื่อถ่ายทอดความรู้และเทคนิคทางการแพทย์สำหรับการปลูกถ่ายอวัยวะ โดยคาดว่าจะสามารถตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้ป่วยในนครดานังและจังหวัดอื่นๆ ในภาคกลาง(2) การจัดตั้งศูนย์ศัลยกรรมตกแต่งและความงามสามารถรองรับผู้ป่วยได้จำนวน 435 รายโดยเฉพาะ ผู้ป่วยสูงอายุและเด็กที่ป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับระบบประสาทและบาดแผลจากไฟไหม้และอีก 3 โครงการ ประกอบด้วยการจัดตั้งศูนย์หัวใจและหลอดเลือด ณ โรงพยาบาลดานัง และการจัดตั้งศูนย์ดูแลสุขภาพในเขต Son Traและในเขต Cam Le
อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวต้องผ่านการเห็นชอบจากคณะกรรมการนครดานัง หากโครงการได้รับความเห็นชอบ นครดานังจะกลายเป็นศูนย์กลางด้านสาธารณสุขในตอนกลาง ซึ่งสามารถส่งเสริมและพัฒนาท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ของประเทศ (medical tourism industry)
ที่มา: The Saigon Times วันที่ 20ต.ค. 61
URL :https://english.thesaigontimes.vn/63540/danang-may-inject-us$75-million-into-five-healthcare-projects.html
นครโฮจิมินห์ออกนโยบายสนับสนุนสินค้าอุตสาหกรรมและการเกษตร
เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2561 กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าร่วมกับกระทรวงการเกษตรและพัฒนาชนบท จัดงานแสดงสินค้าอุตสาหกรรมและการเกษตรครั้งสำคัญของนครโฮจิมินห์ณ หอประชุมและการจัดแสดงนิทรรศการนครโฮจิมินห์โดยภาครัฐมีนโยบายส่งเสริมการผลิตสินค้าดังกล่าว 5 ประการ ได้แก่ การจัดหาสถานที่ตั้งของร้านค้า, งบประมาณสนับสนุนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, การฝึกอบรมบุคลากรและการส่งเสริมการค้า
นาย Pham ThanhKienรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า กล่าวว่า ภาครัฐจะให้สินเชื่อพิเศษแก่ผู้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรมและการเกษตรเพื่อส่งเสริมการลงทุนโดยมีระยะเวลาสนับสนุน 7 ปี
โดยเฉพาะการผลิตเครื่องมือทางการเกษตรจะได้รับเงินสินเชื่อพิเศษสูงสุด 2 พันล้านด่ง(86,040 ดอลลาร์-สหรัฐ) อีกทั้ง จะส่งเสริมหลักสูตรการฝึกอบรมบุคลากร ตามคำขอสถานประกอบการ โดยกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าจะยื่นคำขอดังกล่าวให้คณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์ดำเนินการภายใน 15 วันนอกจากนี้ยังสนับสนุนการหาผู้ซื้อและผู้ขายสินค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยสินค้าที่นำมาจัดแสดงนั้น ต้องมีศักยภาพด้านการแข่งขันทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งการส่งออกสินค้าจะเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของนครโฮจิมินห์ ทั้งนี้ สินค้าอุตสาหกรรมมีสินค้าหลัก4 กลุ่ม คือ ภาคส่วนวิศวกรรมเครื่องกล - อิเล็กทรอนิกส์และเภสัชเคมี,ยางพลาสติก, อาหารแปรรูป และเสื้อผ้าสิ่งทอในขณะที่ ภาคการเกษตรมีสินค้าหลัก 3 กลุ่มได้แก่สินค้าจากภาคกสิกรรม,ปศุสัตว์และการประมง
ข้อมูลจากกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า รายงานว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม - กันยายน ปี 2561 ภาคอุตสาหกรรมของนครโฮจิมินห์ มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 7.9ซึ่งสูงที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมาและคาดการณ์ว่า หลังจากงานจัดแสดงสินค้าดังกล่าวจะส่งผลให้มีอัตราการเจริญเติบโตสูงยิ่งขึ้น
ที่มา The Saigon Time วันที่ 21 ตุลาคม 2561
URL :https://english.thesaigontimes.vn/63553/hcmc-key-product-manufacturers-to-be-backed-over-five-major-policies.html
อีเมลสถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์
ติดต่อทั่วไป
แผนกเศรษฐกิจ
แผนกกงสุล (หนังสือเดินทาง, นิติกรณ์และทะเบียนราษฎร์, บัตรประชาชน, การตรวจลงตราและรับรองเอกสาร)