วันที่นำเข้าข้อมูล 14 มี.ค. 2560
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 5 พ.ย. 2562
ข่าวเด่นวันที่ 14 มีนาคม 2560
นครดานังได้รับการจัดลำดับจากสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมเวียดนาม (VCCI) ว่าเป็นจังหวัดที่มีตัวเลขดัชนีความสามารถในการแข่งขันของจังหวัดสูงที่สุดในประเทศเวียดนามด้วยคะแนน 70 คะแนน นับเป็นครั้งที่ 7 ที่นครดานังได้รางวัลนี้และนับเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน
สภาหอการค้าและอุตสาหกรรมเวียดนามได้ประกาศรายงานประจำปีเกี่ยวกับดัชนีความสามารถในการแข่งขันของแต่ละจังหวัด ซึ่งตัวเลขดัชนีดังกล่าวคิดจากสภาพแวดล้อมในการลงทุนของจังหวัด คุณภาพในการจัดการเศรษฐกิจ ความพยายามในการพัฒนาระบบการบริหารจัดการของหน่วยงานในจังหวัด และการส่งเสริมการพัฒนาธุรกิจภาคเอกชนในจังหวัด
จัดหวัดที่มีตัวเลขดัชนีความสามารถในการแข่งขันสูงที่สุดลำดับที่ 2 คือจังหวัดกว๋างนิง ได้รับ 65.60 คะแนน ลำดับที่ 3 คือจังหวัดด่งท้าป ได้รับ 64.96 คะแนน โดยนับเป็นครั้งที่ 9 ที่ติด 1 ใน 5 จังหวัดที่มีตัวเลขดัชนีความสามารถในการแข่งขันสูงที่สุดของประเทศ ลำดับที่ 4 คือจังหวัดบินห์เยือง ด้วยคะแนน 63.57 ลำดับที่ 5 คือจังหวัดหวิงลอง ด้วยคะแนน 62.76 นอกจากนั้นนครโฮจิมินห์ จังหวัดกว๋างนาม และนครเกิ่นเทอยังได้รับคะแนนในการประเมิณตัวเลขดัชนีความสามารถในการแข่งขันของจังหวัดสูงเช่นกัน
ที่มา Bao Dau Tu วันที่ 14 มีนาคม 2560
URL: http://baodautu.vn/cong-bo-pci-2016-da-nang-thu-nhat-quang-ninh-thu-hai-d60223.html
ภาพที่ 1 ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชายทะเลกำลังได้รับความสนใจอย่างมากในเวียดนาม
รายงานที่ได้ประกาศโดยบริษัทอสังหาริมทรัพย์หลายบริษัทเกี่ยวกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ในนครดานังสะท้อนให้เห็นถึงสัญญาณบวกต่างๆ โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรมและธุรกิจคอนโด
สัญญาณบวกต่างๆ
ตามรายงานของบริษัท Savills ธุรกิจโรงแรมมีแนวโน้มที่สดใสสืบเนื่องมาจากราคาห้องพักที่มีการเติบโตอย่างสม่ำเสมอ ในปี พ.ศ. 2559 โรงแรมในนครดานังมีจำนวนห้องพักเพิ่มขึ้นร้อยละ 19 เมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2558 นอกจากนั้นตัวเลขที่น่าสนใจอื่นๆ ในปี พ.ศ. 2559 อย่างเช่น อัตราเฉลี่ยการเช่าห้องพักเพิ่มขึ้นร้อยละ 4 ราคาเฉลี่ยของห้องพักเพิ่มขึ้นร้อยละ 18 และรายได้เฉลี่ยของห้องพักเพิ่มขึ้นร้อยละ 26 เมื่อเทียบกับปี พ.ศ.2558 และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์คอนโดในนครดานังยังมีโครงการลงทุนในเขตตัวเมืองและเขตชายทะเลอีกหลายโครงการ
นครดานังเป็นเมืองชายฝั่งทะเลที่สำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในปี พ.ศ.2559 มีนักท่องเที่ยว 5,510,000 เพิ่มขึ้นร้อยละ 18 เมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2558 ในจำนวนนั้น นักท่องเที่ยวต่างชาติมีจำนวน 1,660,000 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 เมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2558 นอกจากนั้น ในปี พ.ศ. 2560 จะเป็นเจ้าภาพยังงานประชุม APEC ซึ่งส่งเสริมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการลงทุนในโครงการต่างๆ อย่างมาก
บริษัท CBRE เวียดนามชี้ว่า ปี พ.ศ. 2559 เป็นปีที่ดีสำหรับภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในนครดานัง แต่ปี 2560 จะเป็นปีที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์นครดานังจะมีการเติบโตที่แข็งแกร่งและมีการแข่งขันที่สูงมาก นาย Marc Townsend ผู้จัดการของบริษัท CBRE ประเมินว่า นักลงทุนมีความสนใจนครดานังมาก เนื่องจากหน่วยงานท้องถิ่นของนครดานังมีความพยายามพัฒนาให้นครดานังกลายเป็นเมืองสิงคโปร์ของประเทศเวียดนามให้ได้ นอกจากนั้น นครดานังยังมีโครงการโครงสร้างพื้นฐานทางการคมนาคมที่ทันสมัยหลายโครงการ เช่น โครงการการสร้างอุโมงค์ใต้ดินข้ามแม่น้ำ Han ซึ่งถือเป็นอุโมงค์ที่ใหญ่ที่สุดลำดับที่สองของประเทศซึ่งจะสามารถกระตุ้นการลงทุนในนครดานังได้เป็นอย่างมาก เหนือสิ่งอื่นใด จำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศและนักท่องเที่ยวมาถึงดานังเพิ่มมาก ซึ่งจะส่งให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์รีสอร์ทมีศักยภาพในการพัฒนาอย่างสม่ำเสมอและจะสร้างกำไรให้นักลงทุนในธุรกิจนี้ได้อย่างยั่งยืน
นครดานังจะสามารถดึงดูดเม็ดเงินลงทุนมหาศาลจากเศรษฐีได้มาก
นครดานังเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดของประเทศเวียดนามที่สามารถให้บริการแก่นักท่องเที่ยวหลายประเภทและมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้นครดานังสามารถดึงดูดนักลงทุนรายใหญ่ให้เข้ามาลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ได้เสมอ
เมื่อไม่นานมานี้ กลุ่มบริษัท Empire Group ได้ลงทุน 11,000 พันล้านด่งเพื่อพัฒนาโครงการ Cocobay Da Nang ที่ตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างนครดานังกับเมืองฮอยอัน โครงการ Cocobay อยู่ติดชายหาดทะเลดานังซึ่งเป็น 1 ใน 6 ชายหาดที่สวยที่สุดในโลก โครงการนี้จะมีศูนย์รวมความบันเทิงและการท่องเที่ยวขนาดใหญ่ ทันสมัย และสามารถตอบสนองความต้องการของทุกเพศทุกวัย อย่างเช่น พื้นที่จตุรัสการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม ร้านอาหารนานาชนิด สถานที่อาบแดด คลับริมชายหาด และพื้นที่ประกอบกิจกรรมต่างๆ
ล่าสุด กลุ่มบริษัท Empire Group วางแผนจะสร้างโครงการ Coco Ocean-Spa Resort โดยจะสร้าง “Wellness Condotel" แห่งแรกของเวียดนามซึ่งอยู่ในโครงการ Cocobay Coco Ocean-Spa Resort โดยจะมีคอนโดระดับ 4 ดาวที่มีเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพขั้นสูงของเวียดนาม มีพื้นที่ 4,500 ตารางเมตร และสามารถมองเห็นวิวทะเลและมีรูปร่างเป็นหยักศก โครงการนี้จะสร้างโอกาสใหม่ให้แก่เหล่านักอสังหาริมทรัพย์ที่สนใจลงทุนในด้านการท่องเที่ยว
ที่มา VnEconomy วันที่ 13 มีนาคม 2560
ภาพที่ 2 ศูนย์พัฒนาและวิจัยธุรกิจเกาหลี – เวียดนาม
จากความยุ่งยากและปัญหาที่เกิดขึ้นมากมายในศูนย์พัฒนาและวิจัยธุรกิจเกาหลี – เวียดนาม (The Korean – Vietnam Incubator Park) ทำให้นาย Vuong Dinh Hue รองนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในโครงการศูนย์พัฒนาและวิจัยธุรกิจเกาหลี – เวียดนาม ในเขตสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง นครเกิ่นเทอ
นาย Hue ได้สั่งการให้กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าหารือและเจรจากับรัฐบาลเกาหลีที่เข้ามาลงทุนในโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาทางด้านการเงินที่จะใช้ซื้ออุปกรณ์ที่จำเป็นในโครงการและนำผู้เชี่ยวชาญเกาหลีเข้ามาในศูนย์เพื่อเร่งการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีและความรู้ทางด้านเทคนิค นอกจากนั้น กระทรวงการคลังจะรับผิดชอบในการดูแลลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลของบริษัทและภาษีการนำเข้า-ส่งออก ส่วนกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจะช่วยสนับสนุนการให้คำปรึกษาการพัฒนาและวิจัยวิสาหกิจและนวัตกรรมใหม่ๆ ของบริษัท Startup
นาย Hue ยังได้เสนอให้ศูนย์พัฒนาและวิจัยธุรกิจเกาหลี – เวียดนามมองหานักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยลัยในเมืองต่างๆ ของเวียดนามเพื่อส่งเสริมภาพลักษ์ของศูนย์พัฒนาและวิจัยธุรกิจ รวมทั้งดึงดูดนักลงทุนทั้งภายในและภายนอกประเทศให้เข้ามาลงทุนในศูนย์มากขึ้น
โครงการลงทุนดังกล่าวเป็นโครงการลงทุนร่วมกันระหว่าง 2 ประเทศ เพื่อเพิ่มการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง โครงการศูนย์พัฒนาและวิจัยธุรกิจเกาหลี – เวียดนามมีเม็ดเงินลงทุนจำนวน 21 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยแบ่งเป็นรัฐบาลเกาหลีลงทุน 17.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเงินลงทุนที่เหลือจะมาจาก นครเกิ่นเทอ
ศูนย์พัฒนาและวิจัยธุรกิจเกาหลี – เวียดนามเริ่มเปิดใช้งานในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี พ.ศ. 2558 ซึ่งรัฐบาลเกาหลีได้มอบอุปกรณ์สำหรับการค้นคว้าและการพัฒนาใน 3 ภาคส่วนสำคัญคือ 1. การเพิ่มผลผลิตในการเพาะปลูก 2. การแปรรูปอาหารทะเล 3. วิศวกรรมเครื่องจักร อย่างไรก็ตามรัฐบาลเกาหลียังไม่ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญเกาหลีเข้ามาช่วยในศูนย์พัฒนาและวิจัยธุรกิจเกาหลี – เวียดนามและยังไม่ได้ให้งบประมาณเอามาซื้ออุปกรณ์ที่จำเป็นในศูนย์ ดังนั้น กิจกรรมต่างๆ ที่ศูนย์พัฒนาและวิจัยธุรกิจเกาหลี – เวียดนามสามารถทำได้ยังคงถูกจำกัดอยู่
นับตั้งแต่เริ่มเปิดใช้งาน ศูนย์พัฒนาและวิจัยธุรกิจเกาหลี – เวียดนามสามารถดึงดูดโครงการค้นคว้าพัฒนาได้เพียง 3 โครงการเท่านั้น ซึ่งใช้พื้นที่เพียงแค่ 200 ตารางเมตร จากพื้นที่ในศูนย์ทั้งหมด 13,000 ตารางเมตร
ที่มา The Saigon Times Daily วันที่ 10 มีนาคม 2560 หน้า 2
***************************************
ศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในนครโฮจิมินห์
อีเมลสถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์
ติดต่อทั่วไป
แผนกเศรษฐกิจ
แผนกกงสุล (หนังสือเดินทาง, นิติกรณ์และทะเบียนราษฎร์, บัตรประชาชน, การตรวจลงตราและรับรองเอกสาร)