ข่าวเด่นวันที่ 24 พฤษภาคม 2560

ข่าวเด่นวันที่ 24 พฤษภาคม 2560

วันที่นำเข้าข้อมูล 24 พ.ค. 2560

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 5 พ.ย. 2562

| 991 view

ข่าวเด่นวันที่ 24 พฤษภาคม 2560

  1. กลุ่มบริษัท Mapletree บริษัทยักษ์ใหญ่จากสิงคโปร์ทลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ในภาคใต้ของเวียดนาม

ภาพที่ 1 โครงการ Vivo City

กลุ่มบริษัท Mapletree คือหนึ่งในกลุ่มบริษัทสัญชาติสิงคโปร์ที่เข้ามาลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ในเวียดนามตั้งแต่ปี 2548 โดยลงทุนในโครงการแรกคือโครงการศูนย์โลจิสติกส์ Mapletree ที่เขตอุตสาหกรรม Vietnam - Singapore I ที่จังหวัดบิ่นห์เยือง และขยับขยายการลงทุนอีกครั้งในปี 2555 โดยลงทุนในโครงการ Saigon South Place ในนครโฮจิมินห์ ใช้พื้นที่ 4.4 เฮกตาร์ โดยเป็นโครงการที่อยู่อาศัย พื้นที่สำนักงานให้เช่า และพื้นที่พักผ่อนหย่อนคลาย ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่กลุ่มบริษัท Mapletree ได้เคยลงทุนในหลายประเทศแถบทวีปเอเชีย โดยแบ่งระยะโครงการเป็น 3 ระยะ ระยะที่ 1 คือการสร้างห้างสรรพสินค้า SC Vivocity มีพื้นที่ทั้งหมด 64,250 ตารางเมตร เริ่มเปิดใช้บริการในเดือนเมษายน 2558 ระยะที่ 2 คืออาคารสำนักงาน – ร้านอาหารเกรด A ชื่อโครงการว่า Mapletree Business Center เริ่มเปิดใช้บริการในเดือนมีนาคม 2560 และสามารถดึงดูดนักลงทุนเช่าพื้นที่ได้เป็นจำนวนมาก ระยะที่ 3 คือโครงการคอนโดที่อยู่อาศัย RichLane Residence มีทั้งหมด 30 ชั้น 243 ห้อง ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการก่อสร้าง โดยคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในไตรมาสที่ 1 ของปี 2561

ในเดือนมิถุนายน 2559 กลุ่มบริษัท Mapletree ได้ซื้อโครงการ Kumho Asiana Plaza ซึ่งเป็นโครงการห้างสรรพสินค้าที่อยู่เขต 1 บริเวณใจกลางนครโฮจิมินห์ มีพื้นที่ทั้งหมด 146,000 ตารางเมตร มีทั้งหมด 21 ชั้น โดยแบ่งเป็นพื้นที่สำนักงานให้เช่า พื้นที่อยู่อาศัย พื้นที่โรงแรม และพื้นที่ขายสินค้าปลีก –ร้านอาหาร โดยในขณะนี้มีจำนวนการครอบครองพื้นที่อย่างหนาแน่น และในเดือนมิถุนายน 2560 โครงการ Kumho Asiana Plaza จะถูกเปลี่ยนชื่อเป็นโครงการ mPlaza Saigon

นอกจากโครงการ Saigon South Plaza และโครงการ Kumho Asiana Plaza แล้ว กลุ่มบริษัท Mapletree ยังได้ลงทุนในอีกหลายๆ โครงการในภาคใต้ของเวียดนาม เช่น โครงการโกดังสินค้าในจังหวัดบิ่นห์เยือง โครงการเขตอุตสาหกรรม Mapletree Business City ในจังหวัดบิ่นห์เยือง และโครงการอาคารสำนักงานในนครโฮจิมินห์

เมื่อนับถึงปลายปี 2559 มูลค่าทรัพย์สินและโครงการการลงทุนทั้งหมดใน 12 ประเทศของกลุ่มบริษัท Mapletree มีมูลค่าประมาณ 38.6 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ โดยในจำนวนนั้นลงทุนในเวียดนามกว่า 1.2 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์

กลุ่มบริษัท Mapletree มองว่า เวียดนามจะเป็นตลาดที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทต่อไปในอนาคตและกลุ่มบริษัทกำลังพยายามมองหาโอกาสใหม่ๆ เพื่อที่จะขยายโครงการการดำเนินธุรกิจในเวียดนาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในจังหวัดทางภาคใต้ของเวียดนาม

ที่มา VNExpress วันที่ 23 พฤษภาคม 2560

URL: http://kinhdoanh.vnexpress.net/tin-tuc/bat-dong-san/dai-gia-dia-oc-singapore-dau-tu-vao-nhieu-du-an-tai-viet-nam-3581999.html

 

  1. ราคาไข่มีแนวโน้มดีขึ้น แต่เกษตรกรยังขาดทุนอยู่

นาย Nguyen Phuong Sang เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่กว่า 45,000 ตัวในอำเภอ Long Khanh จังหวัดด่งนาย กล่าวว่า ราคาขายไข่ไก่มีราคาเพิ่มขึ้นใน 5 วันที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้ราคาขายไข่ไก่ตกลงอย่างมากซึ่งเพิ่มจาก 300 ด่ง เป็น 1,100 ด่งต่อฟอง โดยฟาร์มของตนสามารถผลิตไข่ไก่ส่งไปยังนครโฮจิมินห์ จังหวัดด่งนาย และจังหวัดในภาคกลางได้มากถึง 38,000 – 40,000 ฟองต่อวัน

อย่างไรก็ตาม ราคาที่เพิ่มขึ้นก็ไม่สามารถทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่มีกำไรมากขึ้นได้เนื่องจากราคาต้นทุนการผลิตอยู่ที่ฟองละ 1,400 ต่อฟองและราคาไข่ไก่ที่เคยต่ำถึง 900 ด่งต่อฟองในช่วงที่ผ่านมา

นาย Trinh Duc Khoa ผู้อำนวยการบริษัท Trinh Dang Khoi ซึ่งมีฟาร์มอยู่ที่อำเภอ Vinh Cuu จังหวัดด่งนาย กล่าวว่า ราคาไข่ไก่ในตลาดตอนนี้อยู่ที่ 1,100 – 1,300 ต่อฟอง เพิ่มขึ้นมา 200 ด่งต่อฟองเมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่แล้ว โดยปัจจุบัน บริษัทมีไก่กว่า 100,000 ตัว สามารถผลิตไข่ไก่ได้มากถึง 90,000 – 100,000 ฟองต่อตัว

นาย Truong Chi Thien ผู้อำนวยการบริษัท Vinh Thanh Dat Food ตั้งอยู่ที่เขต 12 ในนครโฮจิมินห์ กล่าวว่า ราคาไข่ไก้เพิ่มขึ้นมาประมาณ 300 ด่งต่อฟอง โดยไข่ไก่เกรด A จะมีราคารับซื้ออยู่ที่ 1,500 – 1,600 ด่งต่อฟอง อย่างไรก็ตามไข่ไก่เกรด A ค่อนข้างมีจำนวนจำกัด บริษัทจึงต้องรับซื้อไข่ไก่เกรด B ที่มีราคารับซื้ออยู่ที่ 1,200     ด่งต่อฟองมาแทน โดยบริษัทแนะนำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ควรสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในระยะยาวกับผู้รับซื้อไข่ไก่และผู้กระจายสินค้าเพื่อให้ราคาขายไก่

ที่มา หนังสือพิมพ์ The Saigon Times Daily วันที่ 23 พฤษภาคม 2560 หน้า 3

 

  1. ท่าเรือ Cai Mep – Thi Vai มีแนวโน้มที่สดใสภายหลังการผ่อนคลายกฏการนำเข้า-ส่งออกสินค้า

ภาพที่ 2 ท่าเรือ Cai Mep Thi Vai

หลังจากรอคอยมาเป็นเวลาหลายปี บริษัทต่างๆ ที่ลงทุนในบริเวณท่าเรือ Cai Mep – Thi Vai มีแนวโน้มการนำเข้า-ส่งออกสินค้าที่สดใสขึ้นหลังจากมีประกาศผ่อนปรนกฎการนำเข้า-ส่งออกสินค้าและสินค้าถ่ายลำ

นาย Nguyen Xuan Ku รองผู้อำนวยการท่าเรือย่อย Cai Mep International Terminal (CMIT) ซึ่งเป็นการร่วมลงทุนกันระหว่างบริษัท Vinalines และหุ้นส่วนบริษัทจากเดนมาร์ก กล่าวว่า จากหนังสือฉบับที่ 2531/VPCP-KTTH ที่รัฐบาลเพิ่งจะประกาศในเรื่องของการแก้ไขมาตราที่ 44 ของกฏหมายเลข 08/2015-BD-CP ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าถ่ายลำในบริเวณท่าเรือ Cai Mep – Thi Vai จะส่งผลให้มีการส่งออกสินค้าและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของท่าเรือได้มากยิ่งขึ้น โดยประกาศดังกล่าวจะมาแก้ไขข้อมาตรา 44 เดิมที่เกี่ยวข้องกับสินค้าถ่ายลำซึ่งกำหนดให้สินค้าที่มาจากต่างชาติและจะต้องถูกส่งต่อไปยังประเทศอื่นๆ ให้เร็วที่สุด จะไม่อนุญาตให้เข้ามาถ่ายสินค้าในประเทศเพื่อการส่งออกต่อไปหรือจะเข้ามาได้ต่อเมื่อได้รับการยินยอมจากรัฐบาล

ท่าเรือ Cai Mep – Thi Vai เป็นท่าเรือที่สำคัญสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจภาคใต้ ซึ่งมีท่าเรือย่อย 7 ท่าเรือด้วยกัน โดยมีเรือส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐอเมริกา 10 เที่ยวต่อสัปดาห์ และยุโรป 3 เที่ยวต่อสัปดาห์ และยังมีเรือส่งออกสินค้าไปยังทวีปเอเชียอีกด้วย

ตามรายงานของกระทรวงการขนส่ง หลังจากความพยายามหลายปี ในปี 2559 ท่าเรือ Cai Mep – Thi Vai สามารถดึงดูดลูกค้ามาใช้บริการขนส่งสินค้าได้เป็นจำนวนมาก โดยเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 36 เมื่อเทียบกับปี 2558 หรือประมาณ 3 ล้าน TEU และหลายๆ บริษัทยังได้ส่งหนังสือไปยังกระทรวงการขนส่งเพื่อขออนุมัติในการขยายท่าเรือจากเดิมที่มีความลึก 14 เมตร ให้ลึกเป็น 15.5 เมตร เพื่อสามารถรองรับเรือที่มีน้ำหนักมากและเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขันเพิ่มขึ้น

ที่มา หนังสือพิมพ์ Vietnam Investment Review วันที่ 22 – 28 พฤษภาคม 2560 หน้า 1

**************************************

ศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในนครโฮจิมินห์