วันที่นำเข้าข้อมูล 8 มิ.ย. 2560
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 5 พ.ย. 2562
ข่าวเด่นวันที่ 6 - 8 มิถุนายน 2560
1. โรงแรม Sheraton นครดานังกำลังเร่งการก่อสร้างเพื่อต้อนรับ APEC 2017 และสายการบิน AirAsia เปิดเที่ยวบินตรงกรุงเทพ-นครดานัง
กลุ่มบริษัท BRG เจ้าของกิจการโรงแรม Sheraton นครดานังกำลังเร่งการก่อสร้างเพื่อเปิดใช้งานให้ทันช่วง การประชุม APEC 2017 ที่กำลังจะมาถึงนี้ เมื่อแล้วเร็จ โรมแรมจะมีห้องพัก 258 ห้อง และห้องพักแบบวิลล่า 45 หลัง พื้นที่ทั้งหมด 11.5 เฮกตาร์ ตั้งอยู่บนถนน Truong Sa เขต Ngu Hanh Son นครดานัง โดยห้องประชุม 2 ชั้นของโรงแรมมีขนาด 3,200 ตารางเมตร ซึ่งจะใช้เป็นสถานที่จัดงาน Gala Dinner เพื่อต้อนรับผู้นำทั้ง 21 ประเทศที่เข้าร่วมการประชุม APEC 2017 และตัวแทนจากประเทศและหน่วยงานต่างๆ กว่าอีก 800 คน
โรงแรมดังกล่าวเริ่มการก่อสร้างตั้งแต่เดือนมีนาคม 2558 ใช้แรงงานกว่า 1,600 คน ตกแต่งด้วยอุปกรณ์ที่ทันสมัย การดำเนินงานก่อสร้างแบ่งออกเป็นช่วงเช้า ช่วงบ่าย และช่วงดึก โดยผู้รับเหมาก่อสร้างชั้นนำจากทั้งในและต่างประเทศ ได้แก่ บริษัท Hoa Binh บริษัท Viet Tin บริษัท REE บริษัท Alliance บริษัท Cityneon บริษัท VNNC บริษัท Aurecon บริษัท Indochina Stone และอื่นๆ
นอกจากจะร่วมมือกับบริษัทก่อสร้างชั้นนำข้างต้นแล้ว กลุ่มบริษัท BRG ยังร่วมมือกับกลุ่มบริษัท Mariott ในการติดตั้งอุปกรณ์ที่ใช้ในโรงแรมอีกด้วย
ปัจจุบัน โรงแรมเริ่มมีเค้าโครงที่ชัดเจน อาคารหลัก 6 ชั้น 2 อาคารกำลังอยู่ในขั้นตอนการตกแต่ง และห้องพักแบบวิลล่า 45 หลังบริเวณโดยรอบอาคารหลักกำลังอยู่ระหว่างการสร้าง
นาย Tran Dai Quang ประธานาธิบดีเวียดนามกล่าวย้ำว่า การประชุม APEC 2017 เป็นการประชุมที่มีความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจ การลงทุน สังคม การศึกษา และอื่นๆ ของประเทศเวียดนามเป็นอย่างมาก เพราะการประชุมดังกล่าวจะเป็นโอกาสในการประชาสัมพันธ์ศักยภาพด้านต่างๆ ของเวียดนามให้นานาชาติได้ รับทราบ ตนคาดหวังกับโครงการก่อสร้างโรงแรม Sheraton นครดานัง ไว้สูงมาก
นาง Nguyen Thi Nga ประธานกลุ่มบริษัท BRG กล่าวว่า บริษัทมีความคาดหวังสูงกับโครงการก่อสร้างโรงแรม Sheraton นครดานัง เพราะมีความสำคัญระดับชาติ บริษัทและผู้รับเหมาก่อสร้างจะพยายามอย่างสุดความสามารถในการเร่งการก่อสร้างให้เสร็จทันเวลาและมีคุณภาพเพื่อให้ลูกค้ามีความประทับใจเมื่อได้มาเยือนโรงแรมและนครดานัง ให้สมกับที่นาย Quang ให้ความเชื่อมั่นกับทางบริษัทมาเสมอ
นอกจากนี้ บริษัท AirAsia ได้เปิดเที่ยวบินใหม่ตรงทุกวันจากกรุงเทพไปยังนครดานัง เริ่มตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2560 ซึ่งเป็นสายการบินลำดับที่ 3 ที่เปิดเที่ยวบินดังกล่าว โดยสองสายการบินก่อนหน้าคือ Bangkok Airways และ Vietnam Airline
เที่ยวบินกรุงเทพ-นครดานังของสายการบิน AirAsia จะออกเดินทางจากกรุงเทพเวลา 10.10 น. ถึงนครดานังเวลา 11.30 น. และเที่ยวบินนครดานัง-กรุงเทพจะออกเดินทางจากนครดานังเวลา 12.00 น. ถึงกรุงเทพเวลา 13.20 น.
ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการประชาชนนครดานังรายงานว่า การนำเข้า-ส่งออกสินค้าระหว่างประเทศไทยและนครดานังในปี 2559 มีมูลค่ากว่า 30.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งในจำนวนนั้นเป็นการนำเข้าสินค้าจากประเทศไทยถึง 28.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน นักลงทุนไทยยังลงทุนในนครดานังน้อยมาก มีการลงทุน 1 โครงการเท่านั้น มูลค่าการลงทุน 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ (บริษัท T.L.I Viet Nam ประกอบธุรกิจตกแต่งสถานที่)
ในปี 2559 นครดานังซึ่งตั้งอยู่ส่วนปลายสุดของระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก เชื่อมต่อกับประเทศ เมียนมาร์ ไทย และลาว มีสายการบินนานาชาติ 25 เส้นทาง และต้อนรับนักท่องเที่ยวกว่า 5.6 ล้านคน โดยในจำนวนนั้น นักท่องเที่ยวไทยมาเยือนนครดานังจำนวน 24,000 คน คิดเป็นร้อยละ 1.4 ของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ
ที่มา หนังสือพิมพ์ Bao Dau Tu วันที่ 5 มิถุนายน 2560 และ Talk Vietnam วันที่ 5 มิถุนายน 2560
URL: http://dautubds.baodautu.vn/sheraton-da-nang-tien-do-than-toc-san-sang-don-apec-2017-d64586.html และ https://m.talkvietnam.com/2017/06/thai-budget-carrier-launches-daily-da-nang-bangkok-route/
2. สำนักงานสรรพากรเชิญผู้ประกอบการบน Facebook 13,500 รายมาหารือเกี่ยวกับการเสียภาษี
นาย Nguyen Nam Binh รองผู้อำนวยการสำนักงานสรรพากรนครโฮจิมินห์ ให้สัมภาษณ์ว่า เจ้าของบัญชีซึ่งดำเนินธุรกิจบน Facebook เป็นอาชีพอย่างสม่ำเสมอจะได้รับเชิญมาเพื่อหารือเกี่ยวกับการเก็บภาษี โดยจะให้ผู้ประกอบการแจ้งยอดรายรับและกำไรสุทธิ โดยหลังจากลงทะเบียนกับสำนักงานสรรพากรแล้วจะแจ้งอัตราภาษีให้ทราบในภายหลัง
นาย Binh กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้ประกอบการประมาณ 13,500 ราย ทางสำนักงานต้องการทราบว่าผู้ประกอบการเหล่านั้นได้ดำเนินกิจการเป็นระยะเวลานานหรือไม่ ได้ลงทะเบียนแล้วหรือไม่ หากยังไม่จ่ายภาษี จะต้องแจ้งรายได้ให้สำนักงานทราบและจะต้องดำเนินการจ่ายภาษีให้ทางสำนักงานต่อไป ในขณะนี้ สำนักงานสรรพากรได้ส่งมอบรายชื่อให้สำนักงานสรรพากรในแต่ละเขตดำเนินการต่อแล้ว
ในปัจจุบัน ผู้ประกอบการบน Facebook หลายรายได้รับการแจ้งเตือนให้ไปแจ้งรายได้และเสียภาษีที่สำนักงานแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม สำนักงานสรรพากรของเขต Binh Thanh แจ้งว่ายังไม่มีผู้ประกอบการใดมาแจ้งข้อมูลดังกล่าว ผู้ประกอบการที่ได้รับแจ้งเตือนส่วนใหญ่จะโทรศัพท์มาเพื่อสอบถามและยืนยันว่าเพิ่งเริ่มทำธุรกิจได้ไม่นาน และยังมีรายได้จากการขายสินค้าบน Facebook ไม่มาก และไม่แน่ใจว่าจะสามารถดำเนินธุรกิจได้นานหรือไม่ จึงยังไม่แจ้งเสียภาษี สำนักงานสรรพากรนครโฮจิมินห์ได้ประกาศเพิ่มเติมว่า สำนักงานจะดำเนินการตามความเหมาะสมสำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับการแจ้งเตือนแต่ไม่ไปแจ้งการเสียภาษี เช่น การติดตามและตรวจสอบตามที่อยู่ของบริษัท เป็นต้น
นาย Binh กล่าวว่า การเรียกเก็บภาษีจากผู้ประกอบการบน Facebook มีจุดประสงค์เพื่อความเท่าเทียมกันในการดำเนินธุรกิจ ส่วนอัตราภาษีที่เรียกเก็บจะคำนวณตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในขณะนั้น
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่าการเก็บภาษีจากผู้ประกอบการบน Facebook เป็นเรื่องที่กระทำได้ยาก เนื่องจากผู้ประกอบการหนึ่งคนสามารถมีหลายบัญชีผู้ใช้ได้ และการซื้อขายสินค้าด้วนเงินสดทำให้เป็นเรื่องยากในการควบคุมและตรวจสอบสินค้าเหล่านั้น
ที่มา VnExpress วันที่ 4 มิถุนายน 2560
3. นครโฮจิมินห์เล็งสร้างงานให้กับแรงงาน 25,000 คน
จากรายงานของสำนักงานแรงงานนครโฮจิมินห์ชี้ให้เห็นว่า ธุรกิจ Start Up ในนครโฮจิมินห์มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าภายในเดือนมิถุนายน 2560 ธุรกิจดังกล่าวจะมีการจ้างงานประจำให้กับแรงงานกว่า 25,000 คน และงานชั่วคราว 7,000 คน โดยธุรกิจที่มีความต้องการแรงงานสูง ได้แก่ ธุรกิจการค้าเครื่องหนัง เสื้อผ้าและอุปกรณ์ ธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศ ธุรกิจการคมนาคมขนส่ง ธุรกิจการนำเข้า-ส่งออก ธุรกิจการท่องเที่ยว และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยแรงงานที่จบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยจะเป็นที่ต้องการสำหรับการจ้างงานมากที่สุด คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 30.7 ในขณะที่แรงงานที่จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษามีความต้องการจ้างงานร้อยละ 18.9
จากการสำรวจของสำนักงานแรงงานนครโฮจิมินห์พบว่า ธุรกิจเครื่องกลและเทคโนโลยีสารสนเทศมีความต้องการจ้างงานเพิ่มขึ้นสำหรับผู้มีประสบการการทำงานมาก่อน ซึ่งผู้สมัครงานในสายงานดังกล่าวร้อยละ 33 เคยมีประสบการณ์มาแล้วอย่างต่ำ 1 ปี ร้อยละ 9 ต้องมีประสบการณ์ 2 – 5 ปี และร้อยละ 1.4 มีประสบการณ์มากกว่า 5 ปีขึ้นไป
สำหรับสายงานด้านธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศ บริษัทจำนวนมากต้องการจ้างผู้ออกแบบเว็บไซต์ โปรแกรมเมอร์ และตำแหน่งอื่นๆ ที่ต้องใช้ทักษะคล้ายคลึงกันพร้อมประสบการณ์มากกว่า 1 ปี ขึ้นไป
ประเภทงานที่มีอัตราการว่างงานมากที่สุดในนครโฮจิมินห์คืองานด้านบัญชี การตลาด การคมนาคม การนำเข้า-ส่งออก สถาปัตยกรรม เทคโนโลยีสารสนเทศ และฝ่ายบุคคล
นาย Nguyen Cao Thang รองผู้อำนวยการสำนักงานจัดหางานนครโฮจิมินห์กล่าวว่า ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2560 พบว่ามีแรงงาน 42,000 คนในนครโฮจิมินห์ ได้ลงทะเบียนเบิกเบี้ยเลี้ยงการว่างงานจากสำนักงานประกันสังคม ซึ่งคิดเป็นเงินชดเชยกว่า 653 พันล้านด่ง (ประมาณ 29 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยมีแนวโน้มสูงขึ้นในเดือนถัดไป เนื่องจากแรงงานส่วนใหญ่มักหางานใหม่ๆ ที่มีรายได้สูงขึ้นหลังจากช่วงเทศกาลตรุษเวียดนาม
ที่มา สำนักข่าว Talk Vietnam วันที่ 5 มิถุนายน 2560
URL: https://www.talkvietnam.com/2017/06/hcm-city-seeks-25000-workers-in-june/
4. ร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven จะเปิดร้านสาขาแรกที่นครโฮจิมินห์ภายในเดือนมิถุนายนนี้
หลังจากประกาศรับสมัครพนักงานในช่วงต้นปี 2560 ร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ประกาศผ่านหน้าแฟนเพจ 7 –Eleven บน Facebook ซึ่งได้โพสต์ภาพ “สวัสดีเวียดนาม” พร้อมคำบรรยายว่าเครือข่ายร้านสะดวกซื้อนี้จะเปิดสาขาแรกในนครโฮจิมินห์ภายในเดือนมิถุนายน 2560 พร้อมทั้งจะมีกิจกรรมและโปรโมชั่นส่งเสริมการขายที่น่าสนใจจำนวนมากให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการ
บริษัท Seven System Vietnam ซึ่งลงทุนร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ในเวียดนามได้พยายามที่จะปิดที่ตั้งของร้านสาขาแรกในเวียดนามไว้เป็นความลับ อย่างไรก็ตาม มีการคาดการณ์ว่าร้านแห่งแรกจะเปิดตัวในเขต 1 ซึ่งเป็นเขตตัวเมืองที่มีสำนักงานและร้านค้าต่างๆ เป็นจำนวนมากอีกทั้งยังสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อีกด้วย
การเปิดร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ภายในเดือนมิถุนายน 2560 จะเร็วกว่าที่สำนักข่าว Nikkei เคยรายงานไว้ว่าอาจจะสามารถเปิดได้เร็วที่สุดภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2561
อันที่จริงแล้ว หลังจากได้รับอนุญาตให้ลงทุนเมื่อปี 2558 บริษัท Seven System Vietnam ได้พยายามที่จะเร่งการดำเนินงานเปิดร้าน 7-Eleven ให้เร็วที่สุด โดยเริ่มรับสมัครพนักงานระดับสูงเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2559 และรับสมัครพนักงานประจำร้านและตรวจสอบสินค้าเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2560 และปัจจุบันก็ยังรับสมัครพนักงานอยู่
แม้ว่าเครือข่ายร้านสะดวกซื้อภายในเวียดนามจะมีมากกว่า 10 เครือข่ายร้านสะดวกซื้อ เช่น Vinmart +, Circle K, Shop & Go, B’s mart, FamilyMart, Ministop ซึ่งแม้ว่า ร้านสะดวกซื้อ FamilyMart ซึ่งเป็นเครือข่ายร้านสะดวกซื้อจากประเทศญี่ปุ่นจะหยุดการลงทุนในเวียดนามไปแล้ว แต่ 7-Eleven ก็ยังมองเห็นศักยภาพในการขยายตลาดในเวียดนามอยู่ การเข้ามาลงทุนในตลาดร้านสะดวกซื้อในเวียดนามจะยิ่งทำให้เกิดการแข่งขันภายในประเทศอีกมาก โดยหลายฝ่ายมองว่า ร้านสะดวกซื้อ Vinmart + และ Circle K จะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุด
ก่อนที่จะมาเปิดสาขาที่ประเทศเวียดนาม ร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ได้ดำเนินกิจการในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ประเทศไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เรียบร้อยแล้ว นอกจากนั้น ร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ยังมีมากกว่า 61,500 ร้าน ใน 17 ประเทศและอาณาเขตทั่วโลก
ที่มา VnExpress วันที่ 5 มิถุนายน 2560
5. นครโฮจิมินห์มีรายได้จากภาษีและค่าเช่าที่ดินเพิ่มขึ้น
นาง Phan Thi Thang ผู้อำนวยการสำนักงานงบประมาณนครโฮจิมินห์ รายงานว่า งบประมาณของรัฐบาลที่เก็บได้ในนครโฮจิมินห์ในระยะเวลา 5 เดือนที่ผ่านมามีมูลค่าประมาณ 147,461 พันล้านด่ง คิดเป็นร้อยละ 42.39 ของที่คาดการณ์ไว้ทั้งปี 2560 เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.4 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2559 ในจำนวนนั้น เงินภาษีที่เก็บได้มีมูลค่าประมาณ 97,552 พันล้านด่ง คิดเป็นร้อยละ 43.07 ของที่คาดการณ์ไว้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.25 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2559 รายได้จากส่วนอื่นๆ มีอัตราเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ค่าเช่าที่ดินที่มีมูลค่า 8,549 พันล้านด่ง คิดเป็นร้อยละ 61 ของที่คาดการณ์ไว้ทั้งปี และเพิ่มขึ้นร้อยละ 77.2 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2559 ยกตัวอย่างการชำระค่าเช่าที่ดินมูลค่ามหาศาล เช่น บริษัท Thanh pho De Vuong (ผู้ลงทุนโครงการ Empire City ที่บริเวณ Thu Thiem ในเขต 2) ได้ชำระค่าเช่าที่ดินมูลค่า 2,800 พันล้านด่ง และบริษัท Tan Hoang Minh ชำระค่าซื้อที่ดินเลขที่ 23 ถนน Le Duan เขต 1 มูลค่า 264 พันล้านด่ง
อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์เรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องตรวจสอบตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างละเอียดเพื่อหลีกเลี่ยงการพัฒนาอย่างรวดเร็วเกินไปและการเพิ่มราคาที่ดินอย่างรวดเร็วเกินไปเหมือนที่ผ่านมา รวมถึงจำนวนผู้ประกอบการในภาคธุรกิจนี้ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจอีกด้วย โดยเมื่อนับตั้งแต่ต้นปี 2560 ผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหม่คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 42.6 ของผู้ประกอบการรายใหม่ในทุกภาคส่วนธุรกิจ นอกจากนั้น ผู้ประกอบการรายใหม่ที่ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในนครโฮจิมินห์ยังจดทะเบียนลงทุนด้วยเงินกว่า 82,644.4 พันล้านด่ง
นอกเหนือจากค่าเช่าที่ดินแล้ว นครโฮจิมินห์ยังมีรายได้จากการนำเข้าและส่งออกมูลค่า 42,600 พันล้านด่ง คิดเป็นร้อยละ 39.08 ของที่คาดการณ์ไว้ทั้งปี เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.24 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว นาง Thang กล่าวว่าถึงแม้ว่ารายได้จากส่วนนี้จะเพิ่มขึ้น แต่ภาษีศุลกากรลดลงเนื่องมาจากข้อตกลงระหว่างเวียดนามและคู่ค้าอื่นๆ เช่น ภาษีศุลกากรของเครื่องยนต์จาก 9 ประเทศในภูมิภาคอาเซียนลดลงจากร้อยละ 40 เหลือร้อยละ 30 เป็นต้น
ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2560 สำนักงานตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะเพิ่มดัชนีการพัฒนาอุตสาหกรรมของนครโฮจิมินห์ร้อยละ 7.29 (เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.4 ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว) ในจำนวนนั้น มีอุตสาหกรรม 4 ประเภท ได้แก่ เครื่องยนต์ คอมพิวเตอร์ สารเคมี (ยางและพลาสติก) และอาหาร คาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.68 สูงกว่าอัตราการเพิ่มของทั้งหมด เนื่องมาจากการขยายตลาด การเพิ่มคุณภาพและการเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน แต่ถ้าดูตามแต่ละประเภท มีเพียง อุตสาหกรรมพลังงาน อุตสาหกรรมการแปรรูป เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีสารสนเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 10 ในขณะที่อุตสาหกรรมอาหาร คาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.87 ส่วนอุตสาหกรรมเคมี ยาง และพลาสติก มีแนวโน้มลดลง เนื่องจากประเทศจีนไม่นิยมนำเข้ายางธรรมชาติจากเวียดนามแล้ว
ที่มา นิตยสาร Doanh Nhan Saigon เล่มที่ 441 วันที่ 31 พฤษภาคม – 6 มิถุนายน 2560 หน้า 6
6. อัตราการส่งออกอาหารทะเลสู่ประเทศญี่ปุ่นขยายตัวอย่างรวดเร็ว
องค์การส่งออกและผลิตอาหารทะเลเวียดนาม (VASEP) รายงานว่า ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2560 ประเทศญี่ปุ่นได้กลายมาเป็นประเทศผู้นำเข้าสินค้าอาหารทะเลอันดับหนึ่งจากเวียดนาม แซงหน้าสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป ด้วยมูลค่าการนำเข้าสินค้าอาหารทะเลกว่า 468 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 29.3 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่อัตราการส่งออกไปสู่สหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปตกลงไปที่ 461 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐและ 488 ล้านดอลลาร์สหรัฐตามลำดับโดยลดลงร้อยละ 12.7 และ 0.7 ตามลำดับ
VASEP ได้อธิบายว่าการขนส่งกุ้งทางเรือไปยังสหรัฐอเมริกานั้นชะงักลงอย่างรวดเร็วเนื่องมาจาก ปัจจัยภายในของสหรัฐอเมริกาที่ต้องการจะป้องกันการทุ่มตลาด ในขณะที่ความต้องการกุ้งของประเทศญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นเพราะ ค่าเงินของญี่ปุ่นแข็งตัวขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับเงินด่ง ทำให้ผลิตภัณฑ์กุ้งของเวียดนามมีความสามารถในการแข่งขันในตลาดญี่ปุ่นและทำให้อุตสาหกรรมการผลิตกุ้งภายในประเทศมีการพัฒนาขึ้น ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2560 การส่งออกปลาสวายไปยังสหภาพยุโรปลดลงร้อยละ 21.5 หรือประมาณ 49.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
เมื่อเปรียบเทียบกับช่วง 5 เดือนแรกของปี 2559 ญี่ปุ่นเป็นเพียงผู้นำเข้าอาหารทะเลลำดับ 3 ของเวียดนาม มีมูลค่าการนำเข้าสินค้าประมาณ 362 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามหลังสหรัฐอเมริกาที่มีมูลค่าการนำเข้าอาหารทะเล 528 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และสหภาพยุโรปที่มีมูลค่าการนำเข้าอาหารทะเล 451 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามลำดับ
ทั้งนี้ ในช่วงเดือน มกราคมถึงพฤษภาคม การส่งออกอาหารทะเลมีมูลค่า 2.76 พันล้านดอลลาร์เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งการส่งออกกุ้งมีมูลค่า 1.15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโตขึ้นร้อยละ 4.1 การส่งออกปลาสวายมีมูลค่ากว่า 665 ดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 โดยอาหารทะเลประเภทอื่นก็มีมูลค่าในการส่งออกเพิ่มขึ้นเช่นกัน เช่น การส่งออกปลาทูน่าที่มีมูลค่า 216 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.3 และการส่งออกอาหารทะเลประเภทปลาหมึกและหอยมีมูลค่ากว่า 239 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 35.6
ที่มา สำนักข่าว Vietnam Breaking News วันที่ 5 มิถุนายน 2560
URL: https://m.vietnambreakingnews.com/2017/06/seafood-exports-to-japan-go-by-leaps-and-bounds/
*******************************************
ศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในนครโฮจิมินห์
อีเมลสถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์
ติดต่อทั่วไป
แผนกเศรษฐกิจ
แผนกกงสุล (หนังสือเดินทาง, นิติกรณ์และทะเบียนราษฎร์, บัตรประชาชน, การตรวจลงตราและรับรองเอกสาร)