ข่าวเด่นวันที่ 5 - 6 มิถุนายน 2560

ข่าวเด่นวันที่ 5 - 6 มิถุนายน 2560

วันที่นำเข้าข้อมูล 6 มิ.ย. 2560

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 5 พ.ย. 2562

| 964 view

ข่าวเด่นวันที่ 5 - 6 มิถุนายน 2560

1. บริษัทน้ำมัน Binh Son Refinery and Petrochemical (BSR) มีสินทรัพย์มูลค่ากว่า 3.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ภาพที่ 1 โรงกลั่นน้ำมัน Dung Quat

นาย Tran Tuan Anh รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุสาหกรรมและการค้าได้ลงนามในมาตรา 1938 เกี่ยวกับการประเมินสินทรัพย์ของราคาบริษัท BSR ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มบริษัทปีโตรเครมีเวียดนามที่ลงทุนในโครงการโรงกลั่นน้ำมัน Dung Quat จังหวัดกว๋างนาม โดราคาประเมินของบริษัทมีมูลค่าประมาณ 73,000 พันล้านด่ง (3.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยในจำนวนนั้น รัฐบาลมีหุ้นอยู่เกือบ 45,000 พันล้านด่ง ซึ่งโครงการดังกล่าวจะเป็นโครงการที่มีหุ้นรัฐบาลอยู่มากที่สุด

นาย Tran Ngoc Nguyen ผู้อำนวยการบริษัท BSR กล่าวว่า กระบวนการขายหุ้นของบริษัท BSR จะแบ่งเป็น 2 ระยะ ระยะที่ 1 จะเป็นการขายหุ้นให้กับพนักงานของบริษัท หุ้น IPO ร้อยละ 5-6 และอนุญาตให้พนักงานในบริษัทซื้อหุ้นได้ร้อยละ 0.07 ของหุ้นทั้งหมด ระยะที่ 2 บริษัทจะขายหุ้นให้กับหุ้นส่วนทางธุรกิจของบริษัทและนักลงทุนรายอื่นๆ ภายใน 12 เดือนต่อมา

โครงการโรงกลั่นน้ำมัน Dung Quat มีมูลค่าการลงทุนรวม 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐและเป็นโครงการลงทุนโครงการแรกที่รัฐบาลลงทุนและถือกรรมสิทธิ์ มีกำลังการผลิตน้ำมัน 6.5 ล้านตันต่อปี รองรับการใช้งานภายในประเทศกว่าร้อยละ 30

ในปี 2558 – 2559 บริษัท BSR มีกำไรจากโครงการดังกล่าว 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ชำระภาษีเข้างบประมาณภาครัฐกว่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา VnExpress วันที่ 1 มิถุนายน 2560

URL: http://kinhdoanh.vnexpress.net/tin-tuc/doanh-nghiep/loc-dau-dung-quat-duoc-dinh-gia-3-2-ty-usd-3593429.html

 

2. โครงการพลังงานทดแทน Fujiwara ผ่านการอนุมัติแล้ว

ภาพที่ 2 พลังงานแสงอาทิตย์ของบริษัท Fujiwara

สำนักงานส่งเสริมการลงทุนจังหวัดบิ่งดิ่งรายงานว่า บริษัท Fujiwara ได้ผ่านการคัดเลือกจาก 18 บริษัท           ในโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนขนาด 100 MW เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2560 โดยจะใช้งบประมาณในการลงทุนประมาณ 63.68 ล้านดอลลาร์สหรัฐ บนพื้นที่กว่า 60 เฮกตาร์ ในบริเวณเขตเศรษฐกิจ Nhon Hoi จังหวัดบิ่งดิ่ง ระยะเวลาดำเนินงาน 50 ปี

โครงการดังกล่าวจะแบ่งออกเป็น 2 ระยะ ระยะที่ 1 จะเป็นการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จำนวน 64 MW ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2562 และระยะที่ 2 จะเป็นการติดตั้งเครื่องมือเสริมอีก 36 MW ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 คาดการณ์ว่า ภายหลังแล้วเสร็จ โครงการดังกล่าวจะสร้างงานให้กับแรงงานท้องถิ่นมากกว่า 100 คน และช่วยเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวในจังหวัด

ในช่วงเวลาที่ผ่านมา นักลงทุนหลายๆ รายทั้งภายในและต่างประเทศต่างให้ความสนใจในการลงทุนก่อสร้างโครงการพลังงานทดแทนในจังหวัดบิ่งดิ่ง นักลงทุนกว่า 18 รายได้ลงทะเบียนขออนุญาตดำเนินโครงการพลังงานทดแทนกับทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัด โดยมี 6 โครงการที่ผ่านการอนุมัติให้ลงทุนได้ หนึ่งในนั้นคือโครงการของ บริษัท Truong Thanh Development Investment ที่ได้ร่วมกับบริษัท Univergy บริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัทสเปนและบริษัทญี่ปุ่น โดยจะสร้างโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ 95MW บนพื้นที่กว่า 150 เฮกตาร์ ในอำเภอ Phu Cat จังหวัดบิ่งดิ่ง ใช้เงินลงทุนกว่า 4,000 พันล้านด่ง(ประมาณ 176.09 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) โครงการดังกล่าวมีการวางแผนให้เป็นพื้นที่สำหรับนักท่องเที่ยวและทำวิจัยด้านพลังงานทดแทน

รัฐบาลเวียดนามเองได้ผลักดันให้ลงทุนในเรื่องของพลังงานทดแทนเพื่อเป้าหมายในระยะยาวในการสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน โดยตั้งเป้าให้ใช้พลังทดแทนคิดเป็น 30% ของการใช้พลังงานในเวียดนาม

อย่างไรก็ตาม นักวิชาการได้กล่าวว่าเรื่องดังกล่าวเป็นสิ่งที่ยากพอสมควรในการที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานทดแทนเพราะมีค่าใช้จ่ายในการลงทุนสูง

ที่มา หนังสือพิมพ์ The Saigon Times Daily วันที่ 2 มิถุนายน 2560 หน้า 2

 

3. แผนการเงินสำหรับโครงการก่อสร้างศูนย์การค้าใต้ดินบริเวณตลาด Ben Thanh ยังไม่สามารถดำเนินการได้

นาย Le Nguyen Minh Quang ประธานคณะกรรมการบริหารจัดการรถไฟในตัวนครโฮจิมินห์ (HCMC Management Authority for Urban Railways; MAUR) กล่าวว่า มีความเป็นไปได้สูงว่า โครงการก่อสร้างศูนย์การค้าใต้ดินบริเวณตลาด Ben Thanh อาจจะไม่สามารถดำเนินการได้เนื่องจากปัญหาทางด้านการเงิน

MAUR ได้หารือกับสำนักงานคมนาคม สำนักงานการวางแผนและการลงทุน และสำนักการคลังนครโฮจิมินห์ในประเด็นเรื่องงบประมาณแผนการก่อสร้างโครงการที่เสนอโดยบริษัทญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายพิจารณาแผนการดังกล่าวยังไม่มีความเหมาะสมทั้งเรื่องเงินสนับสนุนและประสิทธิภาพ ดังนั้น MAUR จึงเสนอว่า โครงการดังกล่าวควรจะสร้างหลังจากโครงการรถไฟฟ้าใต้ดินเสร็จสิ้นแล้ว

นาย Quang ให้สัมภาษณ์ว่า โครงการดังกล่าวจะมีขนาด 45,420 ตารางเมตร โดยจะแบ่งเป็นพื้นที่ทางเดินใต้ดิน 21,620 ตารางเมตรและพื้นที่ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร และแหล่งบันเทิง 41,620 ตารางเมตร มูลค่าเงินลงทุนรวม 8.4 ล้านล้านด่ง (ประมาณ 369.78 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยเงินส่วนใหญ่จำนวน 4.98 ล้านล้านด่งจะมาจากเงินกู้การช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาอย่างเป็นทางการ (ODA) เพื่อการก่อสร้างทางเดินและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ส่วนเงินที่เหลือจะมาจากนักลงทุนในการสร้างศูนย์การค้า

ในเดือนมีนาคม 2559 บริษัท Toshin Development สัญชาติญี่ปุ่นได้เสนอโครงการก่อสร้างศูนย์การค้าใต้ดินจากบริเวณตลาด Ben Thanh ไปยัง Opera House โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มสร้างได้ตั้งแต่ปลายปี 2562 จนถึงปี 2567 โดยคาดว่าจะคืนทุนภายในระยะเวลา 13 ปี

ที่มา หนังสือพิมพ์ The Saigon Times Daily วันที่ 2 มิถุนายน 2560 หน้า 2

 

4. มูลค่าการลงทุนในนครโฮจิมินห์ 5 เดือนแรกของปี 2560

ภาพที่ 3 โบสถ์ใจกลางนครโฮจิมินห์

จากรายงานของสำนักงานวางแผนและการลงทุนนครโฮจิมินห์ชี้ให้เห็นว่า ใน 5 เดือนแรก การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 45.8 และการลงทุนภายในประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 54.2 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

โครงการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในนครโฮจิมินห์ 283 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวม 342 ล้านดอลลาร์สหรัฐและ 81 โครงการเดิมมีการเพิ่มเงินลงทุนมากกว่า 287 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนั้น นักลงทุนต่างชาติยังทำการซื้อขายหุ้นและรวมหุ้นกว่าอีก 775 ครั้ง คิดเป็นเงินมูลค่า 742.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเมื่อรวมตัวเลขทั้งหมด นครโฮจิมินห์สามารถดึงดูดเงินลงทุนได้มูลค่ามากกว่า 1.37 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

รายงานยังชี้ให้เห็นว่า มูลค่าเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศใน 5 เดือนแรก มีการลงทุนในอุตสาหกรรมการ  แปรรูปมากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 35.9 หรือ 122.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ของเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศทั้งหมด อย่างไรก็ตาม อัตราการลงทุนในอุตสาหกรรมดังกล่าวในนครโฮจิมินห์ยังถือว่าน้อยอยู่เมื่อเทียบกับทั้งประเทศแล้ว โดยอัตราการลงทุนอุตสาหกรรมการแปรรูปของทั้งประเทศอยู่ที่ร้อยละ 70 อย่างไรก็ตาม นครโฮจิมินห์ได้กล่าวว่า เงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศกระจายไปยังการพัฒนาด้านอื่นๆ เช่น ภาคบริการและอุตสาหกรรมขั้นสูงแทน โดยธุรกิจที่มีเงินลงทุนโดยตรงมากที่สุดในนครโฮจิมินห์ลำดับที่ 2 คือ ธุรกิจการค้าปลีก-ส่ง การซ่อมรถยนต์ คิดเป็นร้อยละ 27.1 มูลค่าเงินลงทุน 92.75 ลำดับที่ 3 คือธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศ คิดเป็นร้อยละ 16.2 มูลค่าเงินลงทุน 55.21 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และลำดับที่ 4 คือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ คิดเป็นร้อยละ 11.8 มูลค่าเงินลงทุน 40.25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับการลงทุนในประเทศ 5 เดือนแรก นครโฮจิมินห์มีบริษัทเพิ่มขึ้น 15,490 บริษัท เงินจดทะเบียน 193.784 พันล้านด่ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.4 และ 54.2 ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว นอกจากนั้น มีบริษัท 22,086 บริษัทในนครโฮจิมินห์ที่เปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจซึ่งช่วยเพิ่มเงินลงทุนถึง 259,785 พันล้านด่ง เพิ่มขึ้นเป็น 4 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว เมื่อรวมกันแล้ว เงินลงทุนภายในประเทศคิดเป็นมูลค่า 453,569 พันล้านด่ง เพิ่มขึ้น 2.4 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

ที่มา Thoi Bao Kinh Te Saigon Online วันที่ 4 พฤษภาคม 2560

URL :  http://www.thesaigontimes.vn/160960/Von-dau-tu-cam-ket-vao-TPHCM-tang-vot-trong-5-thang.html

 

5. ที่ดินภายในตัวนครโฮจิมินห์เริ่มขาดแคลนสำหรับนักลงทุนที่ประสงค์ลงทุนในโครงการ Build Transfer (BT)

นาย Nguyen Thanh Phong ประธานคณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์กล่าวในงานประชุมการพัฒนาพื้นที่ตัวเมืองกับนักลงทุนจาก 120 บริษัทว่า ที่ดินภายในตัวนครโฮจิมินห์เริ่มขาดแคลน สำหรับนักลงทุนที่ประสงค์ลงทุนในโครงการสิ่งอำนวยความสะดวกและโครงสร้างพื้นฐานลักษณะ Build-Transfer (BT) อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรที่จะมองหาพื้นที่รอบนอกตัวเมืองแทน

ในการประชุมดังกล่าว คณะกรรมการประชาชนนครโอจิมินห์เรียกร้องให้นักลงทุนมาลงทุนใน 4 ด้าน ได้แก่ 1. การคมนาคมขนส่ง 2. การจัดการกับปัญหาสิ่งแวดล้อม (การจัดการขยะและการบำบัดน้ำเสีย) 3. การยกระดับเขตตัวเมือง และ 4. การแก้ไขปัญหาน้ำท่วม

นาย Bui Xuan Cong ผู้อำนวยการสำนักงานการขนส่งนครโฮจิมินห์กล่าวว่า เนื่องจากงบประมาณที่จำกัด การลงทุนสิ่งอำนวยความสะดวกและโครงสร้างพื้นฐานของนครโฮจิมินห์ต้องการเงินลงทุนอีกกว่า 553 ล้านล้านด่ง (ประมาณ 24.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในช่วงระหว่างปี 2063 – 2068

นาย Bui Duong Dung ประธานผู้บริหารบริษัท Licogi 16 กล่าวว่า คณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์ควรจะเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับที่ดินภายในตัวเมืองให้นักลงทุนที่สนใจจะลงทุนได้รับทราบมากขึ้น ซึ่งนาย Phong ตอบว่า ทางสำนักงานฯ ได้พิจารณาถึงเรื่องดังกล่าวอยู่เช่นกัน โดยจะแบ่งชุดทำงานออกเป็น 2 ชุด เพื่อช่วยเหลือนักลงทุน อย่างไรก็ตาม พื้นที่ในบริเวณ Thu Thiem และตัวเมืองเหลือน้อยลงเรื่อยๆ ดังนั้น ตนจึงอยากให้นักลงทุนพิจารณาตัวเลือกอื่นๆ ไว้ด้วย

นักลงทุนที่ลงทุนในบริเวณพื้นที่รอบๆ ตัวเมืองนครโฮจิมินห์อย่างเช่นในอำเภอ Nha Be และ Cu Chi จะได้รับสิทธิพิเศษในการลงทุนจากทางคณะกรรมการฯ เพราะจะถือว่าเป็นโครงการกระจายความเจริญสู่ตัวเมืองรอบนอก

นาย Le Van Khoa รองประธานคณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ พื้นที่ที่เหมาะสมในการลงทุนโครงการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกและโครงสร้างพื้นฐานในนครโฮจิมินห์ในสถานะ BT เหลือน้อยลงเรื่อยๆ นักลงทุนที่ลงทุนในโครงการสำคัญๆ จะได้รับสิทธิประโยชน์ในการเลือกพื้นที่ลงทุนก่อน

นาย Vo Van Be ผู้อำนวยการบริษัท Thaun Viet กล่าวว่า บริษัทได้ขออนุญาตลงทุนในโครงการสร้างห้างสรรพสินค้าใต้ดินบริเวณถนน Le Loi ภายใต้โครงการรถไฟฟ้าหมายเลข 1 อย่างไรก็ตาม นาย Phong กล่าวว่า รัฐบาลกลางได้ให้คำมั่นกับผู้ลงทุนโครงการสัญชาติญี่ปุ่นไปแล้วว่าจะให้ลงทุนในโครงการดังกล่าว

ที่มา หนังสือพิมพ์ The Saigon Times Daily วันที่ 5 มิถุนายน 2560 หน้า 2

 

6. เที่ยวบินเช่าเหมาลำกรุงเทพ-นครเกิ่นเทอกลับมาเริ่มบินอีกครั้ง

ภาพที่ 4 โฆษณาเที่ยวบินกรุงเทพ-เกิ่นเทอ

จากรายงานของบริษัท World Transportation Service เที่ยวบินเช่าเหมาลำกรุงเทพ-นครเกิ่นเทอจะกลับมาเริ่มบินอีกครั้งในวันที่ 27 มิถุนายน 2560 เพื่อรองรับความต้องการการท่องเที่ยวในช่วงฤดูร้อน โดยบริษัทฯ จะร่วมดำเนินการกับสายการบิน Thai Vietjet Air ใช้เครื่องบินรุ่น Airbus 320 จุผู้โดยสารได้ทั้งหมด 180 ที่นั่ง เริ่มบินตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน – 29 กรกฏาคม 2560 โดยใช้เวลาบิน 90 นาที

เที่ยวบินดังกล่าวจะออกเดินทางจากกรุงเทพเวลา 07.05 น. ถึงนครเกิ่นเทอเวลา 08.35 น. และอีก 4 วันต่อมาจะบินกลับกรุงเทพเวลา 09.05 น. และถึงกรุงเทพเวลา 10.35 น. ผู้โดยสารสามารถจองตั๋วเครื่องบินได้บนเว็บไซต์ www.Worldtrans.vn หรือผ่านออฟฟิสบริษัทท่องเที่ยวในนครเกิ่นเทอและจังหวัดในเขตสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงได้ โดยตั๋วไปกลับรวมค่าภาษีจะมีราคาประมาณ 4.5 ล้านด่ง (197.95 ดอลลาร์สหรัฐ) สำหรับผู้โดยสารประเภทกรุ๊ปทัวร์ และ 4.8 ล้านด่งสำหรับผู้โดยสารทั่วไป

จากข้อมูลของบริษัท Worldtrans ชี้ให้เห็นว่า นักท่องเที่ยวชาวเวียดนามเดินทางไปประเทศไทยกว่า 900,000 คน ในปี 2559 และคาดว่าจะมีชาวเวียดนามมากกว่า 1 ล้านคนเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศไทยในปีนี้ ซึ่งตัวเลขที่คาดการณ์ไว้ยังไม่รวมชาวเวียดนามที่เดินทางไปทำงาน ศึกษาต่อ และแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจ ในจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปประเทศไทย ร้อยละ 10 มาจากจังหวัดในบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง   ซึ่งการเปิดเที่ยวบินดังกล่าวจะช่วยประหยัดจากเดิมที่ต้องเดินทางผ่านสนามบิน Tan Son Nhat ในนครโฮจิมินห์

นาย Tran Truong Huy ผู้อำนวยการทั่วไปบริษัท Worldtrans กล่าวว่า เที่ยวบินดังกล่าวจะเปิดให้บริการในช่วง ฤดูการท่องเที่ยวเท่านั้น และในอนาคต บริษัทฯ จะพยายามเปิดเส้นทางการบินเพิ่มขึ้นไปยังเส้นทางอื่นๆ อาทิ ไต้หวัน ญี่ปุ่น และเกาหลีไต้

จากรายงานของสำนักงานการจัดการการท่องเที่ยวแห่งชาติเวียดนาม 13 จังหวัดในบริเวณสามเหลี่ยมปาก     แม่น้ำโขงดึงดูดนักท่องเที่ยวกว่า 7.6 ล้านคนในปี 2559 เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับปี 2558 ซึ่งในจำนวนนั้น นักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นถึง 900,000 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 27 รายได้จากการท่องเที่ยวมีมูลค่ากว่า 9.7 ล้านล้านด่ง (ประมาณ 0.43 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.4 เมื่อเทียบกับปี 2558

ที่มา Thoi Bao Kinh Te Saigon Online วันที่ 2 พฤษภาคม 2560

URL: http://www.thesaigontimes.vn/160931/Mo-lai-duong-bay-Can-Tho-%E2%80%93-Bangkok.html

*************************************************

ศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในนครโฮจิมินห์