ข่าวเด่นวันที่ 14 - 15 มิถุนายน 2560

ข่าวเด่นวันที่ 14 - 15 มิถุนายน 2560

วันที่นำเข้าข้อมูล 15 มิ.ย. 2560

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 5 พ.ย. 2562

| 1,290 view

ข่าวเด่นวันที่ 14-15 มิถุนายน 2560

1. ร้านสะดวกซื้อหลายรายกำลังรอแข่งขันกับ 7-Eleven

ร้านสะดวกซื้อ 7 –Eleven มีกำหนดการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 มิถุนายน 2560 ที่ห้างสรรพสินค้า Saigon Center เขต 1 นครโฮจิมินห์ อย่างไรก็ตาม ร้านสะดวกซื้อที่มีอยู่แต่เดิมเช่น Circle K, Ministop, B’s Mart และอื่นๆ ก็ไม่ได้มีความกังวลใดๆ

ร้านสะดวกซื้อ Circle K มีสาขากว่า 250 สาขาทั่วประเทศ โดยหลักๆ จะอยู่ที่นครโฮจิมินห์ จังหวัดบินห์เยือง จังหวัดบ่าเหรี่ยะ-หวุงเต่า และกรุงฮานอย ร้านสะดวกซื้อ Ministop ซึ่งลงทุนโดยกลุ่มบริษัท AEON มีสาขากว่า 80 สาขาในนครโฮจิมินห์และจังหวัดบินห์เยือง ซึ่งบริษัทมีแผนการจะขยายสาขาเพิ่ม นอกจากนั้น ร้านสะดวกซื้อ Shop&Go, FamilyMart และ B’s Mart มีร้านสะดวกซื้อประมาณ 120 สาขา 140 สาขา และ 160 สาขาทั่วประเทศตามลำดับ

ร้านสะดวกซื้อสัญชาติเวียดนามอย่าง Co.op Food และ Vinmart+ ก็ไม่ได้มีสาขาน้อยไปกว่าร้านสะดวกซื้อจากต่างชาติ โดย Co.op Food มีสาขากว่า 100 สาขา และมีแผนการจะขยายสาขาเพิ่ม 30 – 50 สาขาภายในปี 2563 และ Vinmart+ มีสาขา 850 สาขาทั่วประเทศ และมีแผนการจะขยายสาขาให้ถึง 1,500 สาขาภายในปีนี้

เมื่อพิจารณาจากจำนวนข้างต้นแล้ว แม้ว่าร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven มีแผนจะขยายสาขาเพิ่มเป็น 100 สาขาภายในปี 2563 แล้ว ก็ยังไม่สามารถเทียบได้กับจำนวนของร้านสะดวกซื้ออื่นๆ ที่มีอยู่แต่เดิมได้

อย่างไรก็ดี หลายฝ่ายยังให้ความสนใจมากกับการเปิดร้าน 7-Eleven ในเวียดนาม เพราะนอกจากอาหารสำเร็จรูปกว่า 100 เมนู ที่ทำสดใหม่ทุกวันแล้ว ร้าน 7-Eleven ยังมีเครื่องดื่มที่เป็นจุดขายอย่าง Slurpee และสินค้า 7-Select ตลอดจนการสะสมแต้มคะแนน 7Rewards และสินค้า Seven Premium อีกด้วย

การเปิดร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ในเวียดนาม นอกจากจะเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคแล้ว ยังเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับธุรกิจร้านสะดวกซื้อในประเทศจากการแข่งขันที่มากขึ้นด้วย โดยเกือบทุกรายจะใช้นโยบายส่งเสริมการขายใหม่ๆ เช่น ร้าน Circle K เน้นขายอาหาร Fast Food  ร้าน Mini Stop ออกผลิตภัณฑ์อาหารใหม่ชื่อว่า Combo เพื่อดึงดูดลูกค้าที่เน้นความสะดวกรวดเร็ว ร้าน Shop&Go ขายล็อตเตอรรี่ Vietlott ส่วนร้าน Vinmart + ขายสินค้าอาหารปลอดสารพิษ และร้าน B’s mart ขายสินค้านำเข้าจากประเทศไทย ซึ่งมีราคาเป็นที่ยอมรับได้และมีคุณภาพ

ในปัจจุบัน ร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven มีสาขาอยู่ 14,500 สาขาทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ 30,000 สาขาทั่วทวีปเอเชีย

ที่มา สำนักข่าว VnExpress วันที่ 14 มิถุนายน 2560

URL: http://kinhdoanh.vnexpress.net/tin-tuc/doanh-nghiep/cac-ong-lon-cho-so-gang-voi-7-eleven-3599207.html

 

2. ผลผลิตจากการประมงของจังหวัดเถื่อเทียน-เว้ มีจำนวนสูงขึ้น

ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2560 ผลผลิตจากการประมงของจังหวัดเถื่อเทียน-เว้ มีจำนวน 17,736 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.43 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำมีสัดส่วน 2,700 ตัน ในขณะที่การทำการประมงมีสัดส่วน 14,942 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.4 และ 17.8 ตามลำดับ สะท้อนให้เห็นว่าอุตสาหกรรมการประมงของจังหวัดเริ่มฟื้นตัวหลังจากเกิดปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อมเมื่อปีที่แล้ว

รัฐบาลท้องถิ่นได้รับเงินชดเชยจำนวนกว่า 950 พันล้านด่ง (ประมาณ 41.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อมอบแก่ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อม โดยนาย Nguyen Van Phuong รองประธานคณะกรรมการประชาชนจังหวัดเถื่อเทียน-เว้ กล่าวว่า ผู้บริหารจังหวัดจะนำเงินไปแบ่งสรรให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบ เพื่อให้พวกเขาเหล่านั้นสามารถกลับมาผลิตและจับปลาเหมือนเดิมได้ โดยจะพัฒนาระบบความปลอดภัยอย่างยั่งยืนเพิ่มขึ้นด้วย

วิกฤตการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2559 เมื่อฝูงปลาจำนวนกว่า 70 ตัน ลอยตายในบริเวณจังหวัดกว๋างบิงห์ จังหวัดกว๋างจิ และจังหวัดเถื่อเทียน-เว้ โดยปลาปริมาณกว่า 35 ตันตายในเขตจังหวัดเถื่อเทียน-เว้ และเกิดมลพิษส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อประชาชนกว่า 260,000 คน

เมื่อเดือนมิถุนายน 2559 บริษัท Formosa ยอมรับว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดมลพิษขึ้นในบริเวณภาคกลางและยินยอมที่จะชดเชยค่าเสียหายและพัฒนาสิ่งแวดล้อมทางทะเล

ที่มา สำนักข่าว Vietnam+ วันที่ 12 มิถุนายน 2560

URL: http://en.vietnamplus.vn/thua-thienhues-fishing-output-surges-after-maritime-environment-incident/113187.vnp

 

3. นักลงทุนต่างชาติสนใจพัฒนาโครงการ Financial Center ในนครโฮจิมินห์

นาย Tran Vinh Tuyen รองประธานคณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์ กล่าวว่า นครโฮจิมินห์จะร่วมมือกับบริษัททางการเงินระดับโลกเพื่อสร้าง Financial Center ในนครโฮจิมินห์ โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะดึงดูดเงินลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในโครงการสำคัญๆ โดยโครงการแรกที่จะดำเนินการคือโครงการพัฒนาส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าใต้ดินไปยังจังหวัดบินห์เยือง

โดยนครโฮจิมินห์จะต้องใช้เงินกว่า 40 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการพัฒนาโครงการสิ่งอำนวยความสะดวกและโครงสร้างพื้นฐานในเมือง การพัฒนาสิ่งแวดล้อม ระบบสาธารณสุข การศึกษา และการพัฒนาคุณภาพบุคลากร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ 7 แผนการนำร่องของนครโฮจิมินห์ 2560 - 2563 ดังนั้น นครโฮจิมินห์จึงจำเป็นต้องหาแหล่งเงินทุนมาสนับสนุนจำนวนมากเนื่องจากงบประมาณไม่เพียงพอ

ปัจจุบัน นครโฮจิมินห์มีแหล่งเงินทุนสนับสนุนในการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกและโครงสร้างพื้นฐานอยู่  4 แหล่ง ได้แก่ (1) งบประมาณจากรัฐบาลกลาง (2) เงินช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาอย่างเป็นทางการ (ODA) (3) พันธบัตร และ (4) การลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ

สำนักงานการวางแผนและการลงทุนนครโฮจิมินห์เปิดเผยว่า ในช่วงระหว่างปี 2554 – 2558 เงินลงทุนภายในนครโฮจิมินห์มีจำนวนกว่า 1,193 ล้านล้านด่ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 ในแต่ละปี โดยคิดเป็นร้อยละ 30 ของ GDP ของเวียดนาม ซึ่งในจำนวนนั้น เงินจำนวน 250.8 ล้านล้านด่ง (ร้อยละ 21) มาจากการลงทุนของรัฐบาล เงินจำนวน 729.4 ล้านล้านด่ง (ร้อยละ 61) มาจากเงินลงทุนของภาคเอกชน และส่วนที่เหลือมาจากแหล่งทุนอื่นๆ

การลงทุนสิ่งอำนวยความสะดวกและโครงสร้างพื้นฐานในนครโฮจิมินห์มักเป็นลักษณะการเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐและเอกชน (Public-Private-Partnership)  นอกจากนั้น ยังมีการลงทุนลักษณะ Build-Transfer, Build-Operate-Transfer และ Build-Own-Operate อีก 20 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวม 67.2 ล้านล้านด่ง

เมื่อไม่นานมานี้ กลุ่มนักลงทุนต่างชาติหลายรายได้แก่ บริษัท Berjaya สัญชาติมาเลเซียเคยเสนอแผนการสร้าง Financial Center ในเขต 10 มูลค่าเงินลงทุนกว่า 930 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และบริษัทนักลงทุนสัญชาติสหรัฐอเมริกา 3 ราย ได้ยื่นลงทุนในโครงการดังกล่าวที่เขต 2 บริเวณ Thu Thiem พื้นที่ทั้งหมด 11 เฮกตาร์ ใช้เงินลงทุนกว่า 4 พันล้านล้านด่ง

ที่มา หนังสือพิมพ์ The Saigon Times Daily วันที่ 14 มิถุนายน 2560 หน้า 2

 

4. โรงแรมระดับห้าดาวในนครโฮจิมินห์

บริษัท Jones Lang LaSalle Viet Nam (JLL) รายงานว่า ในปัจจุบัน โรงแรมระดับห้าดาวคิดเป็นเพียงร้อยละ 35 ของจำนวนโรงแรมทั้งหมดในนครโฮจิมินห์ แต่ในช่วงระหว่างปี 2560 – 2563 จะมีจำนวนเพิ่มขึ้น นอกจากนั้น นครโฮจิมินห์และกรุงฮานอยติดลำดับเมืองที่น่าดึงดูดต่อการลงทุนโรงแรมจาก 26 แห่งทั่วโลก

ในปี 2559 นครโฮจิมินห์มีห้องพักเพิ่มขึ้น 703 ห้อง แต่ในปี 2560 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 1,000 ห้อง โรงแรมระดับหรูของนักลงทุนทั้งภายในและต่างประเทศคิดเป็นร้อยละ 35.4 ในขณะที่โรงแรมระดับกลางคิดเป็นร้อยละ 27.8 โดยคาดว่าในช่วงระหว่างปี 2560 – 2563 โรงแรมระดับห้าดาวในนครโฮจิมินห์จะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 42.4 แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและจำนวนนักท่องเที่ยวในนครโฮจิมินห์ที่เพิ่มขึ้น

ในปี 2559 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในนครโฮจิมินห์มีจำนวนกว่า 5.2 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.6 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าและมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ร้อยละ 8.5 โดยในช่วงระหว่างปี 2554 – 2559 อัตราการเติบโตในแต่ละปี (Compound Annual Growth Rate: CAGR) ของนครโฮจิมินห์คิดเป็นร้อยละ 10.09

ประเทศที่นิยมมาท่องเที่ยวในนครโฮจิมินห์คือ จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา ซึ่งในขณะนี้ คณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์กำลังพยายามเปิดตลาดใหม่ให้นักท่องเที่ยวชาวรัสเซียและอินเดียมาเที่ยวมากขึ้น โดยคาดว่าในปี 2560 จะมีนักท่องเที่ยวมาเยือนนครโฮจิมินห์กว่า 6 ล้านคน และมีนักท่องเที่ยวภายในประเทศกว่า 24 ล้านคน

โดยคณะกรรมการประชาชนฯ ตั้งเป้าให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของนครโฮจิมินห์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่จะสร้างรายได้ให้นครโฮจิมินห์มากที่สุด โดยผลักดันให้มีรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 – 16 ในทุกๆ ปี และมีมูลค่าประมาณ 165,000 – 170,000 พันล้านด่ง ภายในปี 2563 ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 11 ของ GDP นครโฮจิมินห์

นิตยสาร Conde Nast Travele ประเมินว่า นครโฮจิมินห์เป็น 1 ใน 50 เมืองที่สวยที่สุดในโลก และกำลังกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมระดับโลก เนื่องจากการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ตลอดจนเอกลักษณ์ทางด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่โดดเด่น

ที่มา สำนักข่าว VnExpress วันที่ 15 มิถุนายน 2560

URL: http://kinhdoanh.vnexpress.net/tin-tuc/bat-dong-san/tp-hcm-sap-bung-no-khach-san-hang-sang-3598753.html

 

5. จังหวัดลองอานกำลังมองหาวิธีการดึงดูดนักลงทุนเข้ามาลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมในจังหวัด

สำนักงานอุตสาหกรรมและการค้าจังหวัดลองอาน กล่าวว่า นิคมอุตสาหกรรมและเขตอุตสาหกรรมย่อยในจังหวัด มีส่วนช่วยพัฒนาเศรษฐกิจ-สังคม การเติบโต และดึงดูดนักลงทุนเข้ามาในจังหวัด ซึ่งมูลค่าการค้าในแต่ละปีของบริษัทที่ดำเนินกิจการอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ คิดเป็นมูลค่า 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือครึ่งหนึ่งของมูลค่าการค้าของจังหวัด

ปัจจุบัน จังหวัดลองอานมีนิคมอุตสาหกรรม 28 แห่ง และเขตอุตสาหกรรมย่อยอีกหลายแห่ง บางแห่งอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง โดยมีนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศกว่า 1,000 ราย มูลค่าการลงทุนรวม 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

นาย Phan Nhan Duy ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมจังหวัดลองอานกล่าวว่า จำนวนนิคมอุตสาหกรรมและเขตย่อยอุตสาหกรรมมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ปัจจุบันนี้ สิ่งที่นักลงทุนสนใจคือคุณภาพมากกว่าจำนวน

นิคมอุตสาหกรรม Thai Hoa ที่ตั้งอยู่ในเขต Duc Hoa มีนโยบายสนับสนุนนักลงทุน เช่น การยกเว้นหรืองดภาษี (Tax Holidays) และนโยบายสัญญาการเช่าที่ดินที่ยืดหยุ่นได้ เพื่อดึงดูดบริษัทที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง

นาย Truong Van Trieu ประธานคณะกรรมการบริหารนิคมอุตสาหกรรมจังหวัดลองอาน กล่าวว่า นิคมอุตสาหกรรมทุกแห่งกำลังพยายามแข่งขันกันในด้านนโยบายช่วยเหลือนักลงทุน อย่างไรก็ตาม โครงการที่ลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ จะต้องเป็นโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและไม่ทำลายธรรมชาติ

คาดการณ์ว่า ในช่วงระหว่างปี 2554 – 2563 จังหวัดลองอานจะมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจร้อยละ 13 ต่อปี มากที่สุดเมื่อเทียบกับจังหวัดอื่นๆ ในบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง นอกจากนั้น จังหวัดลองอานยังมีระบบคมนาคมที่ดีในการเชื่อมต่อนครโฮจิมินห์และจังหวัดในบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง และมีชายแดนติดกับประเทศกัมพูชาอีกด้วย

ที่มา Viet Nam News วันที่ 12 มิถุนายน 2560

URL: http://vietnamnews.vn/economy/378058/long-an-seeks-to-attract-investors-to-its-industrial-zones.html#zTR189SfBfgEjJUS.97

 

6. มะพร้าวขาดแคลนในจังหวัดเบ๊นแจ

บริษัทแปรรูปผลิตภัณฑ์ที่ทำจากมะพร้าวในจังหวัดเบ๊นแจกำลังประสบปัญหาการขาดแคลนมะพร้าวเนื่องจากปัญหาภัยแล้งเมื่อปีที่ผ่านมา ปัญหาน้ำเค็มแทรกซึมน้ำจืด และปัญหาแมลงศัตรูพืช

นาย Nguyen Bao Tri รองผู้อำนวยการบริษัท Luong Quoi หนึ่งในบริษัทแปรรูปมะพร้าวในจังหวัดเบ๊นแจ   กล่าวว่า มะพร้าวในจังหวัดไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดและการผลิตของบริษัท ทำให้บริษัทต้องนำเข้ามะพร้าวแห้งจากแหล่งอื่น นอกจากนั้น บริษัทต่างๆ ในจังหวัดต้องแข่งขันกันเองเพื่อซื้อมะพร้าวมาใช้ในกระบวนการผลิต

ปัจจุบัน มะพร้าว 12 ลูกมีราคาประมาณ 110,000 ด่ง (5 ดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 2 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

สำนักงานอุตสาหกรรมและการค้าจังหวัดเบ๊นแจ เปิดเผยว่า เบ๊นแจมีบริษัทแปรรูปผลิตภัณฑ์ที่ทำจากมะพร้าวกว่า 2,000 บริษัท หากทุกบริษัทผลิตเต็มกำลังจะต้องการมะพร้าวประมาณ 1.1 พันล้านลูกต่อปี

นาย Nguyen Huu Lap รองประธานคณะกรรมการประชาชนจังหวัดเบ๊นแจ กล่าวว่า เกษตรกรส่วนใหญ่ในจังหวัดประสบปัญหาเดียวกัน อย่างไรก็ตาม จังหวัดจะพยายามช่วยเหลือเกษตรกรและบริษัทต่างๆ อย่างเต็มที่   สิ่งที่เกษตรกรทุกคนควรทำในตอนนี้คือการพัฒนาสหกรณ์และใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อพัฒนาคุณภาพของมะพร้าวและป้องกันแมลงศัตรูพืช

ที่มา สำนักข่าว Vietnam Investment Review วันที่ 13 มิถุนายน 2560

URL: http://www.vir.com.vn/coconut-shortage-hits-ben-tre.html

*********************************

ศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในนครโฮจิมินห์