ข่าวเด่นวันที่ 16-31 กรกฎาคม 2563

ข่าวเด่นวันที่ 16-31 กรกฎาคม 2563

วันที่นำเข้าข้อมูล 3 ส.ค. 2563

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 24 พ.ย. 2565

| 951 view

เวียดนามตอนใต้จะเผชิญกับภาวะขาดแคลนพลังงานไฟฟ้าอย่างรุนแรง

เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2563 กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม (MOIT) ได้จัดงานสัมมนาที่นครโฮจิมินห์เกี่ยวกับการพัฒนาพลังงานหมุนเวียน โดยการไฟฟ้าเวียดนาม (EVN) ได้รายงานการคาดการณ์ว่าเวียดนามตอนใต้อาจประสบปัญหาขาดแคลนไฟฟ้าระหว่างปี 2564-2568 โดยจะขาดแคลนไฟฟ้า 3.7 พันล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงในปี 2564 โดยจะขาดแคลนเพิ่มขึ้นเป็น 1 หมื่นล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงและ 1.2 หมื่นล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงในปี 2565 และ 2566 ตามลำดับ ก่อนหน้านี้ช่วงระหว่างปี 2562-2563 การไฟฟ้าเวียดนามจำเป็นต้องใช้ไฟฟ้าจากพลังงานความร้อน 1.7 พันล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงและ 5.2 พันล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงตามลำดับ ซึ่งมีต้นทุนการผลิตที่สูง

นาย Hoang Quoc Vuong รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมฯ ยังรายงานเพิ่มเติมว่าปัจจุบันความต้องการใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศเวียดนามเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 7.5-8 ต่อปีทำให้ต้องนำเข้าถ่านหินและก๊าซจากต่างประเทศ ในขณะที่โรงไฟฟ้าจากพลังงานน้ำได้ผลิตไฟฟ้าเต็มกำลังการผลิตแล้วและการพัฒนาโครงการโรงงานไฟฟ้าจากพลังงานความร้อนยังล่าช้า ทั้งนี้ เวียดนามมีกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด 55,000 เมกะวัตต์และหากโครงการโรงผลิตไฟฟ้าที่กำลังพัฒนาอยู่ในปี 2563 ดำเนินการแล้วเสร็จตามกำหนดจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเป็น 60,000 เมกะวัตต์ โดยแผนพัฒนาพลังงานฉบับที่ 7 (วิสัยทัศน์ถึงปี 2568)กำหนดเป้าหมายให้เวียดนามมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 90,000 เมกะวัตต์ดังนั้น พลังงานหมุนเวียนจะมีบทบาทอย่างสูงในภาคพลังงานของเวียดนาม

ในด้านพลังงานหมุนเวียน รัฐบาลเวียดนามมีนโยบายดึงดูดการลงทุนในภาคดังกล่าวอย่างต่อเนื่องทำให้ปัจจุบันมีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในระบบรวม 4,500 เมกะวัตต์ โดยครัวเรือนเวียดนามได้ติดตั้งแผงพลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์บนหลังคาแล้วกำลังการผลิตรวม 500 เมกะวัตต์ นอกจากนี้มีโครงการพลังงานหมุนเวียนที่กำลังก่อสร้างอยู่อีกประมาณ 5,000 เมกะวัตต์ที่คาดว่าจะสามารถดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ภายในปี 2564

อนึ่ง อุตสาหกรรมพลังงานในเวียดนามยังคงประสบความท้าทาย เช่น โครงสร้างพื้นฐานที่ไม่เพียงพอหรือล้าสมัย ทำให้โครงการด้านพลังงานหมุนเวียนจำนวนมากโดยเฉพาะในจังหวัดนิญถ่วนและบิ่ญถ่วนไม่สามารถผลิตไฟฟ้าได้เต็มกำลังการผลิต และแผงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคายังมีต้นทุนราคาสูงเกินไปสำหรับการลงทุนของครัวเรือนและธุรกิจท้องถิ่น

ที่มา: Vietnam Net วันที่ 12 กรกฎาคม 2563

https://vietnamnet.vn/en/business/southern-region-to-face-severe-electricity-shortage-657038.html

 

เวียดนามตั้งเป้าให้นครเกิ่นเทอเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงในปี ค.ศ. 2030

นาย Nguyen Phu Trong เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ (ซึ่งมีตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีเวียดนามอีกตำแหน่งหนึ่ง) ได้สั่งการในระหว่างการประชุมกรมการเมืองพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม (Politburo) ตั้งเป้าหมายให้นครเกิ่นเทอเป็นเมืองที่มีพัฒนาการสูงและเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงภายในปี 2573 โดยในปัจจุบัน นครฯ เป็นศูนย์กลางด้านการคมนาคมและเป็นที่ตั้งยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงของชาติ นอกจากนี้ ยังมีข้อได้เปรียบและศักยภาพในการพัฒนาการเกษตร การท่องเที่ยว คมนาคมและความร่วมมือระหว่างประเทศ เนื่องจากตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำโขงซึ่งเป็นประตูสู่จังหวัดปลายแม่น้ำโขงและมีท่าเรือน้ำลึก สนามบินนานาชาติและทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ รัฐบาลเวียดนามจึงให้ความสำคัญกับการพัฒนานครฯ ให้มีพัฒนาการในระดับกลางภายในปี 2588 โดยได้มอบหมายภารกิจ 10 ประการ อาทิ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะด้านการคมนาคมระหว่างภูมิภาคและพัฒนาความเชื่อมโยงข้ามภูมิภาค โดยร่วมกับนครโฮจิมินห์ในการเป็นศูนย์กลางด้านความเชื่อมโยง

ในการนี้ นาย Trong ได้สั่งการให้นครเกิ่นเทอวางแผนการใช้ทรัพยากรและขีดความสามารถของนครฯ อย่างเต็มที่ รวมถึงพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ทรัพยากรธรรมชาติ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การศึกษา สาธารณูปโภคและวัฒนธรรม รวมถึงเศรษฐกิจและสังคม ความมั่นคงและประยุกต์นำนโยบายจากรัฐบาลส่วนกลางมาปฏิบัติ นอกจากนี้ ผู้บริหารนครฯ ยังได้เสนอนโยบายด้านการลงทุน งบประมาณและการบริหารเขตเมืองให้ Politburo พิจารณาอนุมัติต่อไป

ที่มา: Viet Nam News วันที่ 18 กรกฎาคม 2563

https://vietnamnews.vn/politics-laws/769795/can-tho-urged-to-become-centre-of-mekong-delta-region-by-2030.html

 

จังหวัดบักเลียวเพิ่มการปลูกข้าวสายพันธุ์ที่ดีที่สุดในโลก

จังหวัดบักเลียวมีแผนการเพิ่มการเพาะปลูกข้าวสายพันธุ์ ST24 และ ST25 ซึ่งเป็นสายพันธุ์จากจังหวัดซอกจางที่ชนะการแข่งขันพันธุ์ข้าวที่ดีที่สุดในโลกอันดับที่ 3 ในปี 2560 และอันดับที่ 1 ในปี 2562 ตามลำดับ

ก่อนหน้านี้ จังหวัดได้มอบให้ครัวเรือน 60 แห่งทดลองปลูกข้าวทั้งสองสายพันธุ์ใน 5 อำเภอรวมถึงอำเภอ Gia Rai พื้นที่รวม 60 เฮกตาร์ และภายหลังจากเก็บเกี่ยวรอบแรกแล้วจะขยายพื้นที่เพาะปลูกเป็น 3,500 เฮกตาร์ โดยจะปลูกข้าวในฤดูฝนสลับกับการทำฟาร์มเลี้ยงกุ้งในฤดูแล้งบนพื้นที่เดียวกันโดยปราศจากการใช้สารเคมี ในการนี้ กรมการเกษตรและพัฒนาชนบทจังหวัดฯ ได้ประสานกับภาคเอกชนในการรับซื้อข้าวจากเกษตรกรอีกด้วย

นอกจากนี้ มีบางพื้นที่ในจังหวัดได้ทำการปลูกข้าวสายพันธุ์ ST24 อยู่แล้ว อาทิ อำเภอ Phuoc Long มีพื้นที่ 500 เฮกตาร์ โดยคณะกรรมการประชาชนจังหวัดฯ ได้มอบหมายให้อำเภอดังกล่าวร่วมมือกับศูนย์เกษตรกรรมในท้องถิ่นในการให้ความรู้แก่เกษตรกรด้านการเพิ่มผลผลิต ทั้งนี้เมื่อเทียบกับช่วงฤดูฝนปี 2562 อำเภอ Phuoc Long มีพื้นที่ปลูกข้าวสายพันธุ์ ST24 ทั้งหมด 45 เฮกตาร์และอำเภอ Hong Dan มีพื้นที่ปลูกข้าวดังกล่าว 120 เฮกตาร์

อนึ่ง ข้าวสายพันธุ์ ST24 และ ST25 มีภูมิต้านทานต่อโรคและทนน้ำเค็มได้เป็นอย่างดี มีผลผลิตเฉลี่ย 6.2-7.7 ตันต่อเฮกตาร์และเกษตรกรมีรายได้ 30.8-38.5 ล้านด่ง (1,330-1,660 ดอลลาร์สหรัฐ) ต่อเฮกตาร์และเป็นสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่เกษตรกร

ที่มา: Nhan Dan วันที่ 20 กรกฎาคม 2563

https://en.nhandan.com.vn/business/item/8892602-bac-lieu-expands-cultivation-of-world%E2%80%99s-best-rice-varieties.html

 

นายกรัฐมนตรีมอบนโยบายด้านเศรษฐกิจและสังคมแก่นครโฮจิมินห์

เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2563 นาย Nguyen Xuan Phuc นายกรัฐมนตรีเวียดนามได้ประชุมกับผู้บริหารนครโฮจิมินห์เพื่อหารือเกี่ยวกับประเด็นด้านการจัดสรรงบประมาณ การชะลอตัวของอุตสาหกรรมและการค้าและโครงการลงทุนในนครฯ ภายในการประชุมมีนาย Truong Hoa Binh นาย Vu Duc Dam และนาย Trinh Dinh Dung รองนายกรัฐมนตรี นาย Nguyen Thien Nhan เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์นครโฮจิมินห์ และนาย Nguyen Thanh Phong ประธานคณะกรรมการประชาชนนครฯ เข้าร่วมด้วย

นาย Phong รายงานว่าในปี 2563 นครฯ จัดสรรงบประมาณสำหรับการลงทุนภาครัฐกว่า 41 ล้านล้านด่ง (1.77 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ประกอบด้วยงบประมาณนครฯ 33.9 ล้านล้านด่ง (1.46 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) และงบประมาณส่วนกลาง 7.75 ล้านล้านด่ง (334.71 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และจนถึงวันที่ 15 กรกฎาคม 2563 นครได้ใช้งบประมาณนี้แล้ว 18.8 ล้านล้านด่ง คิดเป็นร้อยละ 45.18 ของเป้าหมายประจำปี อย่างไรก็ดี แม้ว่าจำนวนดังกล่าวจะสูงกว่าอัตราเฉลี่ยของประเทศ แต่ยังคงมีอุปสรรคในการดำเนินการ จึงได้ขอให้ส่วนกลางเร่งการจัดสรรงบประมาณส่วนกลางเพื่อช่วยในการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังสถานการณ์ COVID-19 นอกจากนี้ ยังมีโครงการคมนาคมที่ล่าช้า อาทิ ถนนสาย 2, 3, 4 รถไฟฟ้าสาย Ben Thanh-Suoi Tien และสาย Ben Thanh-Tham Luong และทางหลวงสายนครโฮจิมินห์-Moc Bai (เมืองหน้าด่านของเวียดนามที่ติดชายแดนกัมพูชา) นาย Phong จึงได้ขอให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานส่วนกลางอื่นๆ แก้ไขปัญหาเพื่อเร่งการดำเนินการโครงการดังกล่าว

ในครึ่งแรกของปี 2563 เศรษฐกิจนครโฮจิมินห์เติบโตเพียงร้อยละ 1.02 เนื่องจากภาคการบริการ ซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 60 ของมูลค่า GDP ของนครได้รับผลกระทบจาก COVID-19 อย่างหนัก นาย Phuc ได้ชื่นชมผู้บริหารนครฯ ที่สามารถจัดสรรงบประมาณสำหรับโครงการภาครัฐได้ อย่างไรก็ตาม นครฯ จำเป็นต้องจัดการปัญหาด้านเศรษฐกิจและสังคมอย่างเด็ดขาดมากขึ้น นอกจากนี้ นาย Phuc ได้เสนอให้นครมีมาตรการในการปกป้องธุรกิจและครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 ดึงดูดการลงทุนภาครัฐและเอกชนมากขึ้น กระตุ้นการบริโภคในท้องถิ่นและเร่งสานต่อโครงการเมืองใหม่ในเขต Thu Thiem ที่ล่าช้าไป

ที่มา: Saigon Times วันที่ 21 กรกฎาคม 2563

https://english.thesaigontimes.vn/77687/pm-works-with-hcmc-leaders-on-city%E2%80%99s-socioeconomic-issues.html