วันที่นำเข้าข้อมูล 30 มิ.ย. 2560
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 31 พ.ค. 2564
ข่าวเด่นวันที่ 28 - 30 มิถุนายน 2560
1. สมาคมอสังหาริมทรัพย์นครโฮจิมินห์เสนอ 2 ทางเลือกเพื่อลดราคาที่ดิน
สมาคมอสังหาริมทรัพย์นครโฮจิมินห์ (Ho Chi Minh Real Estate Association; HoREA) นำเสนอรายงานภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในนครโฮจิมินห์ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2560 โดยในรายงานดังกล่าว สมาคมฯ เสนอทางเลือก 2 ทางให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในนครโฮจิมินห์พิจารณาเพื่อลดราคาที่ดินในโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่พักอาศัยในนครโฮจิมินห์ลง และเพิ่มความโปร่งใสในตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภาพรวม
สมาคมฯ ระบุว่า เงินค่าธรรมเนียมในการใช้ที่ดินสำหรับโครงการอสังหาริมทรัพย์เป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยมีราคาเพิ่มขึ้น เงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวทำให้ผู้ลงทุนต้องใช้เงินลงทุนในจำนวนที่สูงขึ้นและทำให้ผู้ซื้อต้องซื้ออสังหาริมทรัพย์ในราคาที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งทำให้นักลงทุนไม่สามารถคาดการณ์ได้ ทำให้เกิดความไม่ชัดเจนและไม่โปร่งใส ดังนั้น สมาคมฯ จึงได้เสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณา 2 ทางเลือกได้แก่
1. ยกเลิกวิธีการชำระเงินค่าธรรมเนียมในการใช้ที่ดิน และใช้วิธีการชำระภาษีต่อเนื่องแทน
วิธีการนี้จะทำให้การชำระเงินค่าธรรมเนียมในการใช้ที่ดินมีความโปร่งใส ง่ายต่อการคำนวณค่าใช้จ่ายในการลงทุน และง่ายต่อกระบวนการขออนุญาตลงทุน แทนที่จะชำระเงินค่าธรรมเนียมในการใช้ที่ดินจำนวนมากในตอนเริ่มแรก ก็เปลี่ยนเป็นการชำระภาษีต่อเนื่องด้วยอัตราคงที่แทน นอกจากนั้นยังทำให้นักลงทุนไม่ต้องใช้เงินจำนวนมากในการเริ่มโครงการลงทุน ซึ่งนักลงทุนสามารถคำนวนค่าใช้จ่ายในโครงการลงทุนต่างๆ ได้เอง และผู้ซื้อสามารถซื้ออสังหาริมทรัพย์ในราคาที่ถูกลง
หากจะใช้วิธีการนี้ ภาครัฐจะต้องออกกฎหมายใหม่มารองรับให้ผู้มีอำนาจระดับจังหวัดสามารถพิจารณาค่าธรรมเนียมในการใช้ที่ดินให้เหมาะสมกับราคาที่ดินในท้องตลาดเองได้ โดยอาจจะพิจารณาจากปัจจัยอื่นๆ ด้วย เช่นการเปลี่ยนที่ดินเพื่อการเกษตรมาเป็นที่อยู่อาศัย เป็นต้น การคิดอัตราภาษีอาจจะคิดร้อยละ 10 – 20 ต่อปี เมื่อเทียบกับราคาที่ดินที่คณะกรรมการประชาชนจังหวัดต่างๆ ได้ประกาศไว้
2. การสร้างความโปร่งใสและเพิ่มความรวดเร็วในกระบวนการคิดค่าธรรมเนียมในการใช้ที่ดิน
โดยปกติแล้ว ระยะเวลาการดำเนินการยื่นเอกสารเกี่ยวกับการใช้ที่ดินจะใช้ระยะเวลา 5 – 30 วันเท่านั้น แต่กระบวนการตรวจสอบโครงการและคำนวณราคาค่าธรรมเนียมในการใช้ที่ดินจะใช้ระยะเวลานานกว่า (โดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 1 – 3 ปี) ทำให้เสียโอกาสในการลงทุนและเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น
สมาคมฯ จึงเสนอให้สำนักงานการคลังนครโฮจิมินห์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงนักลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ร่วมกันพิจารณาหาทางแก้ไขประเด็นข้างต้นให้มีความโปร่งใสและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
ที่มา สำนักข่าว VnExpress วันที่ 26 มิถุนายน 2560
2. นายกรัฐมนตรีอนุมัติให้นครโฮจิมินห์เก็บงบประมาณจำนวน 67,000 พันล้านด่ง หลังจากกระบวนการแปรรูปรัฐวิสาหกิจเสร็จสิ้น
ในวันที่ 23 มิถุนายน 2560 นาย Nguyen Xuan Phuc นายกรัฐมนตรีได้เข้าร่วมประชุมกับคณะผู้บริหารนครโฮจิมินห์ ที่สำนักงานคณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์ โดยนาย Le Thanh Liem รองประธานคณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์ได้ขออนุมัติให้นครโฮจิมินห์เก็บงบประมาณที่ได้จากกระบวนการแปรรูปรัฐวิสาหกิจในระหว่างปี 2559 – 2563 ประมาณ 67,000 พันล้านด่งไว้เพื่อใช้ในการพัฒนาโครงการที่สำคัญของนครโฮจิมินห์ต่อไป
ตัวแทนของบริษัท State Capital Investment Corporation (SCIS) บริษัทดูแลกิจการรัฐวิสาหกิจของรัฐบาลได้กล่าวว่า เงินที่ได้จากการแปรรูปรัฐวิสาหกิจจะต้องใช้ในการลงทุนเท่านั้น และห้ามใช้เพื่อใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐอื่นๆ โดยเงินที่ได้จะต้องอยู่ในกองทุนช่วยเหลือและพัฒนาธุรกิจของบริษัท SCIC และจะต้องนำไปจัดสรรให้กับโครงการอื่นๆ ทั่วทั้งประเทศไม่ใช่เพียงแต่ในนครโฮจิมินห์
อย่างไรก็ตาม ภายหลังการประชุม นาย Phuc ได้อนุมัติให้นครโฮจิมินห์เก็บเงินจำนวนดังกล่าว โดยมอบหมายให้บริษัท Ho Chi Minh City Finance and Investment State-Owned Company (HFIC) เป็นผู้ดูแลเงินที่ได้เพื่อใช้ในการลงทุนโครงการต่างๆ ซึ่งหากนครโฮจิมินห์ประสงค์จะใช้เงินเหล่านั้นในโครงการลงทุนใดๆ จะต้องรายงานมาให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาก่อน
ที่มา หนังสือพิมพ์ Tuoi Tre วันที่ 23 มิถุนายน 2560
3. เกาหลีใต้ศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนด้านสาธารณสุขและการก่อสร้างที่นครเกิ่นเทอ
นาย Haeseung Shin ผู้อำนวยการโรงพยาบาล Gumi Guangdong ได้นำคณะผู้บริหารจากบริษัทชั้นนำของเกาหลีใต้ที่ลงทุนด้านสาธารณสุขและการก่อสร้างมาศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนที่นครเกิ่นเทอ โดยคณะฯ ได้เข้าพบกับผู้บริหารคณะกรรมการประชาชนนครเกิ่นเทอและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้บริหารโรงพยาบาล Can Tho General Hospital ผู้บริหารโรงพยาบาล Hoan My Cuu Long Hospital และบริษัทก่อสร้างชั้นนำของนครเกิ่นเทอ
นาย Sinh ได้ร้องขอให้คณะกรรมการประชาชนนครเกิ่นเทอ ช่วยสนับสนุนนักธุรกิจชาวเกาหลีใต้ที่จะมาลงทุนในการสร้างโรงงานผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ และโรงงานกระจายสินค้าทางการแพทย์ในนครเกิ่นเทอ และในขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการบางรายมีความสนใจที่จะลงทุนในด้านการก่อสร้าง การส่งออกวัสดุก่อสร้าง และการเป็นที่ปรึกษาด้านการก่อสร้างให้กับบริษัทก่อสร้างในนครเกิ่นเทอเช่นกัน
นาย Truong Quang Hoai Nam รองประธานคณะกรรมการประชาชนนครเกิ่นเทอกล่าวว่า นักลงทุนชาวเกาหลีใต้เป็นนักลงทุนที่ลงทุนในนครเกิ่นเทอมากที่สุด นครเกิ่นเทอจะพยายามพัฒนาสภาพแวดล้อมในการลงทุนเพื่อดึงดูดนักลงทุนชาวเกาหลีใต้ให้เพิ่มขึ้นและในขณะเดียวกันก็จะปฎิรูประบบราชการให้มีความทันสมัย ตลอดจนพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน โดยมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาโครงการสาธารณสุขและการศึกษา
เมื่อนับถึงเดือนพฤษภาคม 2560 นครเกิ่นเทอมีโครงการลงทุนโดยตรงจากนักลงทุนชาวเกาหลีใต้จำนวน 9 โครงการ มูลค่ารวม 247 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีศูนย์พัฒนาและวิจัยธุรกิจเกาหลีใต้ – เวียดนาม (The Korean – Vietnam Incubator Park) ที่ได้รับเงินช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลเกาหลีใต้มูลค่ากว่า 17.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และในปัจจุบัน รัฐบาลเกาหลีใต้กำลังพิจารณามอบเงินช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาอย่างเป็นทางการสำหรับการพัฒนาโครงการเครื่องมือทางการเกษตรในนครเกิ่นเทออีกด้วย
โครงการอื่นๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทเอกชนของเกาหลีใต้ในเขตสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง เช่น โครงการสาธารณสุขสำหรับผู้หญิงและเด็ก และโครงการสอนภาษาเกาหลีสำหรับผู้หญิงชาวเวียดนามที่ต้องการแต่งงานกับชาวเกาหลีใต้
ในปี 2559 นครเกิ่นเทอส่งออกสินค้ามูลค่ากว่า 9.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐไปยังเกาหลีใต้และนำเข้าสินค้ามูลค่า 6.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากเกาหลีใต้ ในขณะที่ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2560 มีมูลค่าการส่งออก 2.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนำเข้า 1.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ที่มา สำนักข่าว Vietnam Investment Review วันที่ 27 มิถุนายน 2560
URL: http://www.vir.com.vn/korea-scouts-for-investment-opportunities-in-can-tho.html
4. นโยบายสินเชื่อสำหรับภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง
สินเชื่อของธนาคารนโยบายสังคมเวียดนาม (Vietnam Bank for Social Policies ; VBSP) ที่ให้ประชาชนในบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงกู้ยืมยังคงได้รับการจัดสรรอย่างไม่เป็นธรรม แม้ว่าบริเวณดังกล่าวเป็นบริเวณที่สำคัญสำหรับการพัฒนาประเทศก็ตาม
นาย Vuong Dinh Hue รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงการคลังกล่าวในงานสัมมนาเกี่ยวกับนโยบายกู้ยืมในภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง วันที่ 28 มิถุนายน 2560 ว่า เมื่อนับถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2559 ธนาคาร VBSP ให้สินเชื่อ 157 ล้านล้านด่ง โดยในจำนวนนั้น แบ่งเป็นเงินกู้ของภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงเพียงแค่ 28 ล้านล้านด่ง หรือเพียงร้อยละ 17.5 เท่านั้น ซึ่งเป็นจำนวนที่น้อยเกินไป
อย่างไรก็ดี นาย Duong Tat Thang ผู้อำนวยการของธนาคาร VBSP กล่าวว่า คุณภาพของนโยบายสินเชื่อสำหรับภูมิภาคดังกล่าวเพิ่มขึ้นเนื่องมาจากการลดลงของหนี้เสียของภูมิภาค และหนี้ที่ไม่ชำระตามกำหนดลดลงเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น หนี้ที่ไม่ชำระตามกำหนดในจังหวัดเหิ่วซางลดลงถึงร้อยละ 7.86 เหลือร้อยละ 0.43 ในจังหวัดอานยางลดลงร้อยละ 7.39 เหลือร้อยละ 0.98 ในจังหวัดก่าเมาลดลงร้อยละ 5.04 เหลือร้อยละ 0.73 ในขณะที่ภาพรวมทั้ง 13 จังหวัดในภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงหนี้ที่ไม่ชำระตามกำหนดเพียงแค่ร้อยละ 0.81
นาย Hue แย้งว่า หนี้ที่ไม่ชำระตามกำหนดของภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงที่เหลือเพียงร้อยละ 0.81 ยังมากกว่ามาตรฐานทั่วไปของทั้งประเทศที่เหลือเพียงร้อยละ 0.6 และนาย Hue ต้องการให้ธนาคาร VBSP และผู้บริหารจังหวัดต่างๆ ช่วยกันเพิ่มนโยบายสินเชื่อให้ประชาชนในเขตสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง โดยเฉพาะผู้ยากไร้มากขึ้นในช่วง 3 – 5 ปีข้างหน้า เพื่อให้ผู้ยากไร้ไม่ตกเป็นเหยื่อของตลาดมืดหรือการกู้ยืมนอกระบบ นอกจากนั้น วงเงินการให้กู้ยืมเงินในภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงควรจะเพิ่มขึ้นด้วย
นาย Hue กล่าวเสริมว่า นับตั้งแต่ปัจจุบันจนถึงปี 2563 รัฐบาลจะจัดสรรงบให้ 23 ล้านล้านด่งสำหรับนโยบายกู้เงิน โดยในจำนวนนั้นแบ่งเป็นเงินสนับสนุนดอกเบี้ยการกู้ยืมเงิน 15 ล้านล้านด่ง เงินกู้ธุรกิจทุนก่อตั้ง 5 ล้านด่ง และเงินกู้ยืมเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยราคาประหยัด 3 ล้านล้านด่ง
นาย Hue ยังสั่งการให้ธนาคารแห่งชาติเวียดนามเพิ่มจำนวนเงินฝากของธนาคารเอกชนอื่นๆ เข้าสู่ระบบของธนาคาร VSBP และในช่วง 3 ปีข้างหน้า จังหวัดต่างๆ ในบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงต้องช่วยนำเงินงบประมาณมาสนับสนุนธนาคาร VSBP ขั้นต่ำจังหวัดละ 1 แสนล้านด่งต่อปีอีกด้วย
ที่มา หนังสือพิมพ์ The Saigon Times Daily วันที่ 28 มิถุนายน 2560 หน้า 1
5. นักลงทุนญี่ปุ่นต้องการลงทุนสร้างสถานีขนส่งมวลชนภาคตะวันออกและภาคตะวันตก
สมาคมนักลงทุนเพื่อการพัฒนาเมืองเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Japan Conference On Overseas Development of Eco-Cities: J-CODE) สังกัดกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน คมนาคม และการท่องเที่ยวญี่ปุ่น ประกาศในการประชุมกับสมาคมอสังหาริมทรัพย์นครโฮจิมินห์ (Ho Chi Minh City Real Estate Association: HoREA) ในวันที่ 28 มิถุนายน 2560 ว่า ผู้ประกอบการชาวญี่ปุ่นหลายคนมีความสนใจในการพัฒนาโครงการคมนาคมในนครโฮจิมินห์ อาทิ โครงการพัฒนาสถานีขนส่งมวลชนภาคตะวันออก โครงการพัฒนาสถานีขนส่งมวลชนภาคตะวันตก และโครงการ Rach Chiec Complex โดยในการลงทุนโครงการข้างต้น ผู้ประกอบการชาวญี่ปุ่นประสงค์ที่จะดำเนินการในรูปแบบความร่วมมือระหว่างรัฐ-เอกชน (Public-Private Partnership: PPP) หรือร่วมมือกับหุ้นส่วนชาวเวียดนาม
นักลงทุนชาวญี่ปุ่นที่เดินทางมาศึกษาดูงานร่วมกับ J-CODE ยังมีความประสงค์ที่จะศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีขนส่งมวลชน (Transit-oriented Development: TOD) ที่สถานีขนส่งมวลชนภาคตะวันออก ในนครโฮจิมินห์และในจังหวัดบิ่นห์เยือง สถานีขนส่งมวลชนภาคตะวันตกในเขต Binh Chanh นครโฮจิมินห์ และ Rach Chiec Complex ที่เขต 2 ซึ่งเจ้าของโครงการทั้ง 3 โครงการได้มอบข้อมูลที่จำเป็นให้ผู้ประกอบการชาวญี่ปุ่นพิจารณาเรียบร้อยแล้ว
นอกจากนั้น สำนักงานการวางแผนและการลงทุนนครโฮจิมินห์ยังได้นำส่งหนังสือโครงการพัฒนานครโฮจิมินห์กว่า 300 โครงการที่ภาครัฐกำลังเรียกร้องให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในลักษณะความร่วมมือระหว่างรัฐ-เอกชน
ที่มา หนังสือพิมพ์ Tuoi Tre วันที่ 28 มิถุนายน 2560
6. แผนการพัฒนาบ้านราคาย่อมเยาในนครโฮจิมินห์
จากผลสำรวจล่าสุดชี้ให้เห็นว่า ประชาชนในนครโฮจิมินห์ประมาณ 476.158 ครัวเรือนจาก 2,029,202 ครัวเรือนหรือคิดเป็น ร้อยละ 23.46 ยังไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง โดยในจำนวนนั้นประมาณ 300,000 ครัวเรือน มาจากต่างจังหวัดเพื่อเข้ามาหางานในนครโฮจิมินห์ 156,000 ครัวเรือนเป็นผู้มีรายได้น้อยไม่สามารถซื้อบ้านเองได้ และ 20,000 ครัวเรือนเป็นข้าราชการที่อาศัยอยู่ในบ้านของทางการ
เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2560 สำนักงานการก่อสร้างนครโฮจิมินห์ประกาศรายงานความคืบหน้าการพัฒนาโครงการบ้านราคาย่อมเยาว่า ตั้งแต่ปี 2549 – 2559 คณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์อนุมัติให้พัฒนาโครงการบ้านราคาย่อมเยา56 โครงการ มีห้องทั้งหมดรวม 48,000 ห้อง แต่ในปัจจุบันเพิ่งดำเนินการแล้วเสร็จเพียง 14 โครงการ มีห้องทั้งหมดรวม 5,146 ห้อง
ในปี 2560 จะมีการสร้างโครงการบ้านราคาย่อมเยาเพิ่มขึ้นอีก 12 โครงการ มีห้องรวมทั้งหมด 9,500 ห้อง และในช่วงระหว่างปี 2561 – 2563 จะมีโครงการใหม่อีก 16 โครงการ มีจำนวนห้องทั้งหมด 28,500 ห้อง ซึ่งโครงการต่างๆ เหล่านี้จะใช้งบประมาณของภาครัฐและเงินลงทุนของบริษัทเอกชนที่สนใจ ซึ่งทางคณะกรรมการประชาชน นครโฮจิมินห์มีนโยบายสนับสนุน เช่น การให้งบประมาณ และนโยบายทางด้านภาษีต่างๆ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม โครงการบ้านราคาย่อมเยาที่จะสร้างขึ้นยังคงไม่เพียงพอต่อความต้องการ
สำนักงานการก่อสร้างนครโฮจิมินห์ยอมรับว่า ปัญหาที่ทำให้เกิดความล่าช้าในการก่อสร้างโครงการบ้านราคาย่อมเยาและความกังวลถึงการขาดทุนของนักลงทุน เนื่องจากจะต้องใช้เงินทุนจำนวนมากในการเวนคืนพื้นที่และการก่อสร้างโครงการ ซึ่งราคาขายห้องทั่วไปมีราคาเพียง 300 – 400 ล้านด่งต่อ 1 ห้องเท่านั้น ตลอดจนความยุ่งยากในการดำเนินการทางเอกสาร ซึ่งสำนักงานการก่อสร้างนครโฮจิมินห์ให้คำมั่นว่าจะพัฒนาการดำเนินงานด้านเอกสารให้มีความสะดวกและรวดเร็วเพิ่มขึ้นและเพิ่มงบประมาณสนับสนุนโครงการบ้านราคาย่อมเยาให้กับนักลงทุนที่สนใจลงทุน รวมถึงเพิ่มนโยบายการกู้ยืมเพื่อการลงทุนอีกด้วย
ที่มา สำนักข่าว Thoi Bao Kinh Te Saigon วันที่ 27 มิถุนายน 2560
URL: http://www.thesaigontimes.vn/161857/TPHCM-Gan-24-ho-chua-co-nha-o.html
**********************************************
ศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในนครโฮจิมินห์
อีเมลสถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์
ติดต่อทั่วไป
แผนกเศรษฐกิจ
แผนกกงสุล (หนังสือเดินทาง, นิติกรณ์และทะเบียนราษฎร์, บัตรประชาชน, การตรวจลงตราและรับรองเอกสาร)