ข่าวเด่นวันที่ 3 - 4 กรกฏาคม 2560

ข่าวเด่นวันที่ 3 - 4 กรกฏาคม 2560

วันที่นำเข้าข้อมูล 4 ก.ค. 2560

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 7 ก.พ. 2564

| 1,020 view

ข่าวเด่นวันที่ 3 - 4 กรกฏาคม 2560

1. กลุ่มบริษัท Central เปิดตัวร้าน B2S แห่งแรกในเวียดนาม

วันที่ 1 กรกฏาคม 2560 กลุ่มบริษัท Central ได้เปิดตัวร้าน Business to School (B2S) ร้านขายอุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ในสำนักงานและสถาบันการศึกษา แห่งแรกในเวียดนาม โดยตั้งอยู่ที่เขต Thu Duc นครโฮจิมินห์

กลุ่มบริษัท Central เป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทสัญชาติไทยที่ลงทุนในเครือข่ายร้านค้าปลีกของเวียดนาม โดยยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ คือการควบรวมกิจการ การขยายแฟรนไชส์ การซื้อหุ้น และการร่วมทุน กลุ่มบริษัทฯ มีกิจการในประเทศเวียดนามได้แก่ ห้างสรรพสินค้า Big C ห้างขายอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า Nguyen Kim เว็บไซต์ซื้อสินค้าออนไลน์ Zalora ร้านสรรพสินค้า Robins ร้านขายอุปกรณ์กีฬา SuperSports ร้านเครื่องแต่งกาย Marks and Spencer ร้านขายอุปกรณ์เครื่องใช้จากญี่ปุ่น Komonoya และซุปเปอร์มาเก็ต Lan Chi Mart

ร้าน B2S สาขาแรกในประเทศเวียดนามตั้งอยู่ที่ห้างขายอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า Nguyen Kim มีพื้นที่ 900 ตารางเมตร 4 ชั้น มีสินค้ากว่า 6,000 ชิ้น โดยร้อยละ 80 เป็นสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศ กลุ่มบริษัทฯ วางแผนว่าจะเปิดร้าน B2S ให้ได้ 30 แห่ง ทั่วประเทศเวียดนามภายใน 5 ปีข้างหน้า

นาง Nguyen Thi Thuc Vy ผู้อำนวยการร้าน B2S ประเทศเวียดนาม กล่าวถึงเหตุผลที่ร้าน B2S แห่งแรกตั้งอยู่ในเขต Thu Duc เป็นเพราะว่าติดกับเขตอุตสาหกรรม 4 แห่ง และมีบริษัทโดยรอบเป็นจำนวนมาก ตลอดจนใกล้กับมหาวิทยาลัย 9 แห่ง ซึ่งบริษัทคาดว่าสินค้าในร้านจะตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้บริการได้เป็นอย่างดี อาทิ  อุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้สำนักงานต่างๆ อุปกรณ์ตกแต่ง ของขวัญ อุปกรณ์แฟชั่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และอื่นๆ ซึ่งร้าน B2S ยังมีบริการขายสินค้าออนไลน์และขายสินค้าผ่านโทรศัพท์อีกด้วย

ที่มา หนังสือพิมพ์ Thoi Bao Kinh Te Saigon วันที่ 1 มิถุนายน 2560

URL: http://www.thesaigontimes.vn/162052/Central-Group-dua-trung-tam-ban-le-B2S-vao-VN.html

 

2. ราคาอสังหาริมทรัพย์ในนครโฮจิมินห์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

บริษัทอสังหาริมทรัพย์ในเวียดนามกว่า 20 บริษัท เห็นพ้องว่า ราคาที่ดินในนครโฮจิมินห์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องกำลังส่งผลกระทบต่อราคาภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เปิดขายตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นไป พื้นที่บางแห่งมีราคาเพิ่มขึ้น 1.5 – 3 เท่าในระยะเวลา 1 ปี ซึ่งราคาที่เพิ่มขึ้นส่งผลเชิงลบต่อนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์และผู้ซื้อห้อง

อย่างไรก็ดี ในปัจจุบัน ราคาที่ดินในนครโฮจิมินห์เริ่มปรับตัวลดลง บางแห่งมีราคาลดลงร้อยละ 10 – 20 แต่ก็ยังคงไม่เท่ากับราคาที่เพิ่มขึ้นมาก่อนหน้านี้

นาย Luong Tri Thin ประธานกลุ่มบริษัท Dat Xanh กล่าวว่า ราคาที่ดินในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยคิดเป็นร้อยละ 30 – 35 ของจำนวนเงินในการก่อสร้างทั้งหมด โดยบางโครงการอาจจะมีราคามากกว่าเนื่องจากปัจจัยทางด้านสถานที่ คุณภาพของที่ดิน คุณภาพของสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน และอื่นๆ โดยราคาที่ดินมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ

นอกจากนั้น ผู้บริหารที่เข้าร่วมการประชุมหลายคนเห็นพ้องกันว่า นับตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา การหาพื้นที่ในการลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยเป็นประเด็นที่มีความท้าทายและได้รับผลกระทบอย่างมากเนื่องจากราคาที่ดินที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการลงทุนเพิ่มขึ้นและส่งผลต่อผู้ซื้อห้องในโครงการต่างๆ โดยโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ในนครโฮจิมินห์มีการปรับราคาเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 5 – 15 ซึ่งอาจทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภาพรวมซบเซาลงในอนาคตอันใกล้

จากรายงานของสมาคมอสังหาริมทรัพย์นครโฮจิมินห์ (Ho Chi Minh Real Estate Association) ชี้ให้เห็นว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2560 นครโฮจิมินห์มีโครงการอสังหาริมทรัพย์คอนโดมิเนียมกว่า 32 โครงการ มีจำนวนห้องทั้งหมด 16,506 ห้อง เงินลงทุนรวม 30,599 พันล้านด่ง โดยในจำนวนนั้นแบ่งเป็น ห้องราคาระดับสูง 5,164 ห้อง คิดเป็นร้อยละ 31.3 ห้องราคาระดับกลาง 5,136 ห้อง คิดเป็นร้อยละ 31.1 และห้องราคาระดับย่อม 6,206 ห้อง คิดเป็นร้อยละ 37.6 โดยเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2559 ห้องราคาระดับย่อมมีจำนวนเพิ่มขึ้น 1.9 เท่า ห้องราคาระดับสูงมีจำนวนเพิ่มขึ้น 1.8 เท่า ในขณะที่ห้องราคาระดับกลางมีจำนวนลดลงถึงร้อยละ 42.1

ที่มา สำนักข่าว VnExpress วันที่ 26 มิถุนายน 2560

URL: http://kinhdoanh.vnexpress.net/tin-tuc/bat-dong-san/sot-dat-kich-gia-can-ho-leo-thang-3604643.html

 

3. ผลิตภัณฑ์การเกษตรและการประมงในช่วง 6 เดือนแรกของนครโฮจิมินห์มีมูลค่ากว่า 7.13 ล้านล้านด่ง

สำนักงานการเกษตรและการพัฒนาชนบท นครโฮจิมินห์ รายงานว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 60 นครโฮจิมินห์มีรายได้จากผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและการประมงกว่า 7.13 ล้านล้านด่ง (313 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.5 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

นครโฮจิมินห์มีพื้นที่ทำการเกษตรปลอดสารพิษ 10,200 เฮกตาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน ของปีที่แล้ว นอกจากนั้น นครโฮจิมินห์ยังมีพื้นที่ปลูกไม้ดอกและไม้ประดับกว่า 1,640 เฮกตาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน ของปีที่แล้ว และมีการส่งออกเมล็ดพันธุ์พืชกว่า 220 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 34

อย่างไรก็ตาม มีจำนวนโคนมลดลงเหลือ 84,000 ตัว และสุกร 351,000 ตัว คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 6.5 และ 2 ตามลำดับ เนื่องจากปัญหาราคาเนื้อสุกรที่ตกลงในช่วงที่ผ่านมา

นครโฮจิมินห์ได้ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกพืชและทำปศุสัตว์ที่มีราคาสูงในท้องตลาด จากรายงานของสำนักงานการเกษตรและการพัฒนาชนบทชี้ให้เห็นว่า ราคาพืชผักและไม้ประดับเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 และ 9 ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว นอกจากนั้น นครโฮจิมินห์ยังส่งออกปลาเพื่อความสวยงาม 75 ล้านตัว เพิ่มขึ้นร้อยละ 34 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยในจำนวนนั้น เป็นการส่งออกไปยังต่างประเทศถึง 9.2 ล้านตัว มูลค่าทั้งหมด 11.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วถึงร้อยละ 64

ที่มา หนังสือพิมพ์ The Saigon Times Daily วันที่ 29 มิถุนายน 2560 หน้า 1

 

4. จังหวัดบ่าเหรี่ยะ-หวุงเต่ากำลังมองหานักลงทุนโครงการ Vung Tau Paradise Resort

คณะกรรมการประชาชนจังหวัดบ่าเหรี่ยะ-หวุงเต่ากำลังมองหานักลงทุนที่มีประสิทธิภาพในการลงทุนโครงการ Vung Tau Paradise Resort ซึ่งเป็นโครงการที่คั่งค้างมาเป็นระยะเวลา 25 ปี

เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2560 ผู้บริหารบริษัท Housing Development and Trading (HDTC) ได้เข้าหารือกับผู้บริหารจังหวัดบ่าเหรี่ยะ-หวุงเต่า เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับแผนการลงทุนโครงการ Vung Tau Paradise Resort ซึ่งบริษัทฯ จะมาเริ่มดำเนินการโครงการดังกล่าวอีกครั้ง

บริษัทฯ ได้เสนอแผนการพัฒนาโครงการ 2 แผนการ ได้แก่ 1. การสร้างสนามกอล์ฟ 18 หลุม โดยจะใช้พื้นที่ประมาณร้อยละ 30 ของโครงการ และอีกร้อยละ 70 จะเป็นพื้นที่สำหรับที่พักอาศัย ห้างสรรพสินค้า สวนสนุก และเวทีจัดการแสดง 2. การสร้างสนามกอล์ฟ 27 หลุม โดยจะใช้พื้นที่ทั้งหมดร้อยละ 52 โดยพื้นที่อีกร้อยละ 48 จะเป็นการสร้างที่พักอาศัยและคาสิโน

นาย Nguyen Van Trinh ประธานคณะกรรมการประชาชนจังหวัดบ่าเหรี่ยะ-หวุงเต่า ได้สั่งการให้สำนักงานการก่อสร้างของจังหวัดช่วยตรวจสอบโครงการดังกล่าวและให้คำแนะนำเพิ่มเติม โดยจังหวัดจะเลือกผู้ลงทุนที่มีคุณภาพมากที่สุด เพราะโครงการ Vung Tau Paradise Resort เป็นโครงการที่มีความสำคัญอย่างยิ่งที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัด นักลงทุนจะต้องใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยในจำนวนนั้นจะต้องเป็นสินทรัพย์ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 25 และจะต้องดำเนินโครงการแล้วเสร็จภายในระยะเวลา 3 ปี

ในอดีต บริษัท Vietnamese Vung Tau Intourco Resort และบริษัท Taiwanese Paradise Development and Investment มีแผนการร่วมกันลงทุนในโครงการดังกล่าว ซึ่งได้รับใบอนุญาตการลงทุนตั้งแต่ปี 2534 มูลค่าเงินลงทุนทั้งหมด 97 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ นับตั้งแต่ได้รับใบอนุญาตการลงทุน

ที่มา สำนักข่าว Vietnam Investment Review วันที่ 1 มิถุนายน 2560

URL: http://www.vir.com.vn/ba-ria-vung-tau-seeking-new-developer-for-prime-land-plot.html?utm_source=dlvr.it&utm_medium=facebook

 

5. ผู้บริหารจังหวัดด่งนายเข้าหารือกับบริษัทญี่ปุ่นเพื่อแก้ไขปัญหาที่คั่งค้างมานาน

กลุ่มผู้ประกอบการสัญชาติญี่ปุ่นที่ลงทุนในจังหวัดด่งนายกว่า 100 บริษัทเข้าหารือกับผู้บริหารคณะกรรมการประชาชนและสำนักงานศุลกากรจังหวัดด่งนาย เพื่อแก้ไขปัญหาที่คั่งค้างมานาน

นาย Le Van Danh ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรจังหวัดด่งนายได้ตอบข้อซักถามของนักลงทุนเกี่ยวกับกระบวนการทางศุลกากรว่า การสำแดงสินค้าต่างๆ จะถูกดำเนินการโดยอัตโนมัติโดยระบบศุลกากรของจังหวัดและขึ้นอยู่กับประเภทของสินค้าต่างๆ ทั้งนี้ ผู้ประกอบการชาวญี่ปุ่นหลายคนเรียกร้องให้ขั้นตอนการศุลกากรมีระบบการดำเนินงานที่ง่ายขึ้นในกรณีที่นำเข้าสินค้าชนิดเดียวกันและแหล่งที่มาเดียวกันจากญี่ปุ่น ในเวลาที่ต่างกัน

นาย Tran Van Dinh รองประธานคณะกรรมการประชาชนจังหวัดด่งนาย กล่าวว่า นักลงทุนชาวญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในนักลงทุนกลุ่มแรกๆ ของจังหวัดด่งนาย ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผู้ประกอบการชาวญี่ปุ่นดำเนินกิจการในจังหวัดด้วยความสะดวก เรียบร้อย และปฎิบัติตามกฎระเบียบการดูแลสิ่งแวดล้อม ภาษี และศุลกากรอย่างเคร่งครัด โดยในอนาคต จังหวัดจะช่วยอำนวยความสะดวกให้นักลงทุนชาวญี่ปุ่นดำเนินธุรกิจอย่างเต็มที่ และหวังว่าจะได้รับผลตอบรับที่ดีจากนักลงทุนญี่ปุ่น

นาย Kadowaki Keiichi ประธานสมาคมผู้ประกอบการญี่ปุ่นในนครโฮจิมินห์ กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างจังหวัดด่งนายและผู้ประกอบการชาวญี่ปุ่นเป็นไปด้วยความราบรื่น โดยนักลงทุนชาวญี่ปุ่นกว่า 100 บริษัทกำลังดำเนินธุรกิจอยู่ในจังหวัดด่งนาย และมีโครงการในจังหวัดกว่า 250 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวม 3.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเน้นลงทุนในโครงการอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมอุปกรณ์เครื่องใช้ดิจิตอล และอุตสาหกรรมสนับสนุน

ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 60 บริษัทญี่ปุ่นในจังหวัดด่งนายส่งออกสินค้ากว่า 1.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 15 ของมูลค่าการส่งออกของทั้งจังหวัด

ที่มา สำนักข่าว Talk Vietnam วันที่ 30 มิถุนายน 2560

URL: https://m.talkvietnam.com/2017/06/dong-nai-authorities-talk-with-japanese-firms-to-remove-bottlenecks/

 

6. บริษัท Siemens ร่วมมือกับบริษัท EVN SPC ในการพัฒนาศูนย์ควบคุมพลังงานไฟฟ้า 21 จังหวัดภาคใต้

บริษัท Siemen บริษัทผลิตเครื่องมือพลังงานไฟฟ้าระดับโลกร่วมมือกับบริษัท Electricity of Vienam Southern Power Corporation (EVN SPC) บริษัทไฟฟ้าแห่งชาติเวียดนาม เปิดศูนย์ควบคุมพลังงานไฟฟ้าแห่งใหม่ในนคร  โฮจิมินห์ เพื่อใช้เป็นศูนย์ควบคุมพลังงานกระแสไฟฟ้าระดับต่ำ-กลาง ใน 21 จังหวัดบริเวณภาคใต้ของเวียดนาม ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจ่ายกระแสไฟฟ้าในภาคใต้ ลดการใช้พลังงานอย่างสิ้นเปลือง และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ ตลอดจนแก้ไขปัญหาไฟฟ้าขลาดแคลน

ศูนย์ควบคุมพลังงานไฟฟ้าจะใช้เทคโนโลยีของบริษัท Siemens โดยใช้เทคโนโลยี Supervisor Control and Data Acquisition (SCADA) และเทคโนโลยี Distribution Management System ซึ่งเป็นระบบการดำเนินงานส่งกระแสไฟฟ้าควบคู่ไปกับการเก็บรวบรวมข้อมูล เพื่อใช้ไฟฟ้าให้เกิดประโยชน์สูงสุด นอกจากนั้น ระบบยังสามารถสั่งการทางไกลได้ ซึ่งจะลดค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา และสามารถจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ห่างไกลได้รวดเร็วขึ้น

ที่มา สำนักข่าว Vietnam Investment Review วันที่ 30 มิถุนายน 2560

URL: http://www.vir.com.vn/siemens-and-local-power-partner-open-new-control-centre-for-21-provinces.html

 

***********************************************

ศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในนครโฮจิมินห์